แชร์เทคนิคและประสบการณ์ เด็กจบใหม่ วัย 23 ปี ซื้อคอนโดหลังแรก มูลค่า 4.2 ล้าน หลังทำงานครบ 1 ปี เหมือนได้ฟรี

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การซื้อของที่แพงที่สุดในชีวิตของตัวเองในวัย 23 ปี นั่นก็คือ คอนโดหลังแรก ของเรานั่นเอง
ต้องบอกก่อนว่า เราซื้อคอนโดมือสอง โดยการกู้ธนาคาร 100% นะคะ มีกู้ในส่วนของตกแต่งมาด้วย คิดว่ากระทู้นี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่คิดจะมีคอนโด หรือ บ้านหลังแรก จะเล่าแบบละเอียดยิบเลย
ขอเกริ่นประวัติตัวเอง ก่อน จขกท เรียนจบตอน 22 ปี พอจบแล้วก็ทำงานเลย พอทำงานได้ 1 ปีนิดๆ เราก็ตัดสินใจซื้อเลย
วัยรุ่นก็จะใจร้อนหน่อยๆ เราจะแบ่งเป็นทีละเรื่องนะคะ 

ขอเริ่มจาก ทำไมถึงตัดสินใจซื้อ ? เอาจริงๆ ตอนนั้นมันหลายเหตุผลไปหมด พอเราทำงานและมีเงินของตัวเอง เราก็อยากใช้เงิน แต่ จขกท เป็นคนเก็บเงินไม่ค่อยอยู่เท่าไร เเละพอทำงานมาครบ 1 ปี มีเงินเก็บก้อนแรก พอดี ตอนนั้นประมาณ 50,000 บาท ถ้าจำไม่ผิด
ลืมบอกไปค่ะ เราทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษา ด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือ เรียกง่ายๆ ว่าเซลล์ขายคอนโดนั่นเอง 
ซึ่งอาชีพเรา นั้นก็เอื้ออำนวยอยู่แล้ว เราเห็นคอนโดมาเยอะมาก ตั้งแต่หลัก 3-50 ล้านบาท และเห็นมูลค่า กำไรของตัวมันเองในอนาคต เลยมีความคิดที่อยากจะได้มาซักพักแล้ว
แต่ใจยังไม่กล้าพอ จะตัดสินใจซื้อ ก็ยกเลิกตลอด ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง หลักๆ คือ กลัวผ่อนไม่ได้ กลัวไม่คุ้ม กลัวไม่มีตังเก็บ 

ย้อนไปวันที่เราจะตัดสินใจจอง
ตอนนั้นกำลังจะเลิกงาน แล้วพี่สาวเราโทรมา ว่ามีห้องที่นี่นะ ราคาดีหลุดมา ลองมาดูไหม ถ้าจะมาต้องรีบเลย เจ้าของจะขายให้อีกคนแล้ว แต่เขายังไม่วางจอง ซึ่งต้องบอกก่อนว่า เราอยู่ที่นี่กับพี่สาวอยู่แล้ว แต่เป็นห้องของพี่ เลยมีความคิดที่อยากจะขยายห้องอะไรประมาณนี้แว๊บเข้ามาในหัว เลยตัดสินใจไปดู
เราใช้เวลาดูห้องประมาณ 5-10 นาที ตอนมืดๆ หน่อย เพราะหลังเลิกงาน เนื่องจาก เจ้าของค่อนข้างรีบ พอดูเสร็จ ลงมาคิดที่ห้องแปปนึง หลักๆคือตามนี้
1.  Layout ของห้อง มีแค่ 1 ห้องต่อชั้น ซึ่งถ้าเราจะขาย หรือ ปล่อยเช่าในอนาคต คู่แข่งเราจะไม่มี
2. ราคาห้องที่ดีมากๆ ในสายตาเซลล์แบบเรา พอมาคำนวณค่าใช้จ่ายวันโอน มันก็ยังถูกอยู่ดี 
3. จะได้อยู่ตึกเดียวกับพี่สาวด้วย
4. ติด Mrt 30 เมตร ในเมือง ซึ่งเราไปทำงานง่ายมาก 

ลืมเล่าไป ในห้องตอนนั้น เราเจอ defect ประมาณ 4 จุด  1. กระจกเงาในห้องน้ำไม่มี 2.กระเบื้องครัวแตก 3. ผนังมีรอย 4. ผ้าม่านไม่สวย  พอมาคำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องทำใหม่ มันก็ยังคุ้มราคาอยู่ดี (แต่พอทำเข้าจริง แอบเกินนิดหน่อย เดียวเล่าอีกทีค่ะ ) 

หลังจากนั้น เราเลยตัดสินใจ โทร.บอกแม่ก่อน (แม่ก็แอบตกใจ บอกว่ามันซื้ออากาศหรือป่าว แบบไม่ได้ที่ดินอะไรประมาณนี้ ตามประสาแม่ที่เป็นห่วงเรา และไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร) เราก็อธิบายให้แม่เข้าใจ แม่ก็คล้อยตาม เลยกดเบอร์ โทรหาเจ้าของ อันนี้มันจะดาร์กๆ หน่อยนะ
เพราะเราเป็นเซลล์ด้วยแหละ ฮ่าๆ จริงๆ ห้องนี้ เจ้าของนัดโอนอีกคนนึงแล้ว แต่คนนั้นยังไม่ได้โอนเงินจองไว้
แต่เราโทรไปบอกว่า เราให้เพิ่ม 100,000 บาท และจะโอนเงินจองให้ทันที 50,000 บาท ให้เขาขายให้เราแทน ขอเวลายื่นกู้แบงค์ 30 วัน (พอมาถึงตรงนี้ อยากจะบอกทุกคนที่เล็งๆ คอนโดไว้ ชอบห้องไหนแล้ว อย่าตัดสินใจนานน้า ของดีมักมีคนจ้องอยู่ )
เจ้าของก็ตกลง เราเลยใช้เงินเก็บก้อนแรกทั้งหมดที่มีจำนวน 50,000 บาท โอนจองทันที ตอนนั้นหน้าร้อนผ่าวๆ ตื่นเต้น เหมือนมีแฟนคนแรก แต่อีกฟิลแบบ นี่เราจะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ อีก 30 ปี เลยนะ 
 มาถึงสเต็ปนี้ขอพักก่อน เดียวเรามาเล่าต่อ ทำสัญญายังไง มีค่าใช้จ่ายอะไร กู้แบงค์ยังไง ดอกเบี้ยเท่าไร เจอปัญหาอะไรบ้าง และมาจนถึงวันนี้ จขกท คิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจแบบนี้ มาลุ้นกันต่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่