เรื่องสั้นชุด: เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน” EP#4
ตอนที่ 4: "บรรเจิด"
จากเด็กม.6 โรงเรียนประจำจังหวัดยะลา...
โชคดีที่สอบติดได้เข้าเรียนปริญญาตรีที่...
ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่...
เรียกสั้นๆ ว่า มอ..(อ่านว่า...มอ..ออ)....
ชื่อย่อของพวกเราอาจจะแปลกกว่า...
มหาลัยต่างจังหวัดที่อื่นซักหน่อย...
อย่าง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่...เขาเรียก “มช.”...
ขอนแก่น...ก็เป็น “มข”...
แต่ของเราเป็น “มอ”....
คณะผู้บริหารสมัยนั้นเลยขอพระราชทานเพื่ออัญเชิญ...
พระนามเดิมของ “พระบิดา”....มหิดลอดุลยเดชฯ...
มาเป็นชื่อของสถาบัน...
***************************************
สมัยเรียน ม.ปลาย...นอกจากจะอ่านหนังสือเรียนบ้างเป็นครั้งคราว...
ผมยังติดนิยายจีนกำลังภายใน...
โดยหวังว่าซักวันหนึ่งผมจะฝึกวิชา “ตัวเบา” ให้สำเร็จ....
ถึงขนาดที่ว่า...
แม้เสียงเข็มตกในยามวิกาล...มันคงจะดังเกินไป...
สำหรับจอมโจรใจโฉด...ที่ปล้นได้แม้กระทั่งขนม “กาก้า”...
จากเด็กน้อยวัย 4 ขวบ...ที่ยังโง่เขลาต่อยุทธภพนี้ยิ่งนัก...
โดยมันหวังแต่เพียงของแถมที่อยู่ในซองเท่านั้น...
เพราะมันขาดตุ๊กตุ่นตัวทหารท่านอนยิงอีกเพียงตัวเดียว...
มันถึงจะครอบครองได้ครบเซ็ต...
นอกจากนิยายจีนแล้ว...นิยายรักนักศึกษา...
ก็เป็นแหล่งบันเทิงอีกอย่างหนึ่งที่พอจะหาได้ในยุคนั้น...
เบอร์หนึ่งของวงการไม่มีใครเกิน “ศุภักษร”...
เห็นช่วงหลังท่านน่าจะทำร้านอาหารปักษ์ใต้ชื่อดัง...
เห็นตอนนี้มีหลายสาขา...และทำธุรกิจอีเว้นท์ต่างๆ...
ขอสารภาพตรงๆเลยครับว่า...
เพราะนิยายประเภทนี้แหละ...ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผม...
ต้องขยันอ่านหนังสือเพื่อจะให้เอ็นท์ติดให้ได้...
ก็หนังสือบรรยายว่าชีวิตของเด็กมหาลัยมันสนุกยังไง...
พอเข้ามาอยู่จริงๆ...เลยตั้งเข็มไว้ว่า...
เรื่องเกรดเอาไว้ทีหลัง...ต้องสนุกไว้ก่อน...
ขออย่าให้โดนรีไทร์เท่านั้นเป็นพอ...
เกรด 2.0 คือเป้าหมายที่เราต้องไปให้ถึง...
เป้าหมายชัดเจน...ใสแจ๋วหยั่งตาตั๊กแตน...
ความหายนะก็เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งเทอมแรก...
สิ่งที่เรียนรู้อย่างสำหรับการตั้งเป้าที่ง่อยๆแบบนี้ก็คือ...
ถ้าเราตั้งเป้าต่ำเกินไป...ผลที่ได้มักจะน้อยกว่านิดหน่อยเสมอ...
ก็เล่นตั้งเป้าไว้แค่ 2.0...ทำได้จริง 1.8...
แถมยังสอบตก...ติด “E”....อีก 2 วิชา...
เจริญละท่าน...คราวนี้...
เคยคุยกับเพื่อนต่างมหาลัยคนนึง...
มันใจดีมาก...ก็ช่วยปลอบใจ...
“อะโชคดีนี้นะ...ติดแค่ E...
กูติด “F” เลย...อย่างน้อยเอ็งก็ดีกว่ากูขั้นนึง”...
ว่าแล้วผมก็ต้องปลอบใจมันแทน...
ทั้งๆความจริงแล้ว...กูก็สอบตกเหมือนนั่นแหละ...
แต่ต้องไว้ฟอร์มหน่อย...ให้ดูฉลาดกว่ามัน...นิดนึง...
วิชาที่สอบตก...เพื่อนคนอื่นพอเขารู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว...
ก็ชิงลงมือไปถอนวิชานั้นก่อน...
แต่นักรบใจเหี้ยมหาญอย่างผม...มีเร๊อะจะถอย...
เข้าห้องสอบพกความมั่นใจไปเกินล้าน...งานนี้ผ่านชัวร์...
แต่ทำไม...ข้อสอบดันออกมาไม่ตรงกับที่อ่านละเนี่ย...
อาจารย์อยากจะเจอผมอีกเทอมใช่มั๊ยล่ะ...
ทำไมไม่บอกกันก่อน...จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านตั้งค่อนคืน...
อาจารย์สมใจแน่...อาจารย์ต้องเจอลูกศิษย์...
จอมล้างผลาญคนนี้อีกเทอมนึงเต็มๆ...หุหุหุ
ยานพาหนะของนักศึกษา มอ.สมัยนั้น...
ถ้าคนที่มี Super Private Vehicle…
นั่นหมายถึง “เท้า”...ที่เอาไว้เดินในมหาลัยแล้ว...
ถ้าไปไหนไกลหน่อย เช่น เข้าไปในตัวเมืองหาดใหญ่...
ก็ต้องอาศัยรถมอไซค์ของชาวบ้านชาวช่องเกาะติดไป...
หรืออีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นรถขนส่งมวลชนสาธารณะ...
นั่นก็คือ...รถ “ตุ๊กตุ๊ก”...บ้างก็เรียก “กะป๊อ”...
แล้วแต่ชาติกำเนิดของแต่ละคน...
ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่า “ขนส่งมวลชน”...
มันจะดูใหญ่เกินความเป็นจริงหรือเปล่าอะดิ...
เพราะมันเป็นแค่เพียงรถไดฮัทสุ...คันกะจึ๊งนึง...
นั่งกันได้ไม่เกิน 6 คน...
ถ้าไปกันมากกว่านี้...มีโอกาสได้เสียกันสูง...
ขาไป...ท่ารถอยู่ที่หน้า “คาเฟต”...
หรือโรงอาหารกลางของมหาลัย...
ย่อมาจากคำว่า “Cafeteria”....
เป็นไงล่ะ...ศัพท์หรูมั๊ย...มหาลัยผม...
ขากลับ...ท่ารถอยู่ที่หน้าร้านเบเกอรี่...
ชื่อ Hi-D Coffee shop แถวๆตลาดกิมหยงกลางเมือง...
สมัยนั้น...ร้านนี้ถือว่าเป็น “Starbucks”...
ของชนเผ่าชาว มอ.เลย...หรูสุดๆแล้ว...
ส่วนตัวผมนะเร๊อะ...
โทษที...ผมมียานพาหนะส่วนตัวครับขอบอก...
ไม่ใช่อะไรอื่นไกล...ก็มอไซค์คันเก่าที่รับโอนมาจากพ่อ...
ตั้งแต่สมัยเรียนที่ยะลาแล้ว...
เป็นมอไซค์ยามาฮ่า...รุ่น RX100...แบบครัชมือ...
แต่ตอนนี้นำมาแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับเด็กมหาลัยหน่อย....
อย่างแรกคือ...เปลี่ยนเบาะให้มันเตี้ยลง...
เพราะด้วยความสูงอันจำกัดของตัวเอง...
ที่เรามีทรัพยากรอยู่เพียง 144 เซ็นต์ ณ มัธยมปลาย...
โดยหวังว่ามันน่าจะสูงขึ้นบ้างตอนอยู่มหาลัย...
แต่เปล่าเลย...เท่าเดิมเด๊ะๆ...
เวลาจอดรถติดไฟแดงทีไร...
ปลายหัวแม่โป้งสัมผัสพื้นถนนอยู่แผ่วๆนิดเดียว...
เพราะฉะนั้น...เวลาไปจอดติดไฟแดงที่สี่แยกไหน...
สิ่งที่ผมต้องสังเกตุเพื่อความเอาตัวรอดเป็นอย่างแรกก็คือ...
ต้องสำรวจว่าสี่แยกนั้นมันมีหลุมหรือเปล่า...
ขืนจอดไม่ดูตาม้าตาเรือ...
พอเอาหัวแม่โป้งไปจิกพื้นปั๊บ...แมร่งไม่มีแผ่นดินรองรับ...
บรรลัยจักรแน่ๆ...เพราะขาข้างเดียวมันแบกรับไม่ได้...
อันนี้สอดคล้องกับทฤษฎีของ ชาลส์ ดาร์วิน...
ที่บอกว่าอวัยวะไหนที่ใช้การบ่อยๆ...
ส่วนนั้นจะแข็งแรง...หรือมันจะปรับให้เหมาะสมกับ...
สภาวะแวดล้อมที่ใช้งาน...
ด้วยเหตุนี้เอง...หัวแม่เท้าของผม...
จึงแข็งแรง...และยาววววว...กว่านิ้วอื่น...
ซึ่งส่งผลไปยังอวัยวะอื่นด้วยเช่นกัน...หุหุ...
คราวนี้พอแปลี่ยนเบาะให้มันเตี้ยลง...
มันจะต้อง Trade off กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ...
อันนี้เป็นกฎสามัญของหมู่มวลมนุษยชาติ...
แน่นอน...มันต้องแลกมากับความระบมของง่ามตูดครับ...
ถ้าท่านผู้อ่านนึกภาพไม่ออก...
แนะนำให้ซื้อขนมปังฟาร์มเฮ้าส์มาซักแถวหนึ่ง...
เอาแถวแบบสั้นหน่อยก็ได้...เผื่อกินไม่หมด...
แล้วแกะออกจากห่อพลาสติกเอาออกมาทั้งก้อน...
วางบนโต๊ะแข็งๆ...แล้วลองเอานิ้วจิ้มดูแผ่นบนสุดดู....
นิ้วท่านจะได้สัมผัสกับความนุ่มของขนมปัง...
โอ้วโนวววววว....มันช่างนุ่มเสียนี่กระไร...
คราวนี้เอาใหม่ครับ...ลองเอาขนมปังตั้งแต่แผ่นแรก...
เอาออกให้หมดครับ...เหลือไว้แค่แผ่นสุดท้ายแผ่นเดียว...
แล้วเอานิ้วจ้ิมๆกระแทกๆมันเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง...
เหมือนกำลังลงโทษฆาตกรใจโหด...
เหยียบเป็ดท่านตายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า...
ถ้าทิ่มแทงซะจนขนมปังเป็นรูได้...
ท่านยิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของต่อมไฮโปทาลามัส...
ที่เน้นการรับรู้และกระจายตัวฝังแน่น...
อยู่ในทุกอณูของง่ามตูดผมครับ...
หนักไปกว่านั้น...
ถ้าวันไหนต้องจอดกลางแจ้ง...เอาแบบแดดจัดๆเลย...
ความร้อนเบาะมอไซค์มันคงจะประมาณ...
โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านที่โดนแดดเผามาตลอดบ่าย...
แล้วไปนั่งเล่นแบบใส่กางเกงบอลตัวเดียว
โดยไม่ใส่กางเกงใน...ขอบอก...
งานนี้...ร้อนยันไข่เลยครับ...
ยังไงซะการเปลี่ยนเบาะให้เตี้ยแบบนี้...
มันจะดีผลอย่างยิ่งที่เมื่อไรก็ตาม...
มีเพื่อนมายืมไปขี่เล่นครับ...
เพราะธรรมชาติมันถูกคัดสรรไว้ให้เรียบร้อยแล้ว....
ถ้าเพื่อนคนไหนสูงเกินผม...
โอกาสที่มันจะยืมรถคันนี้จะมีอัตราต่ำมาก...
ความเสี่ยงน้อยกว่า...”หน้า 7 หลัง 7” อีก...
ถ้าคนไหนยังอุตสาห์จะยืมไปอีก...
ผมก็ไม่ว่าครับ....
ลองนึกภาพดูนะครับคนความสูงปรกติ...
พอมาขี่รถผม...หัวเข่ามันต้องงอ...ซะไปชนยอดอก...
มันจะทุเรศขนาดไหน...
คราวนี้พอโมดิฟายมอไซค์ให้เข้าที่เข้าทางแล้ว...
ขั้นตอนต่อไป...จะต้องมีการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์...
มาประจำการซักองค์...ครั้นจะเอาสติ๊กเกอร์...
ที่เป็นรูปพระที่มีตัวหนังสือเขียนว่า... “จงอย่าประมาท”...
ก็เห็นเขาอัญเชิญมาเยอะแล้ว...
กลัวท่านอัลโลเขตเวลาไม่ดี...ลืมผมไปคนนึง...
อันนี้คงแย่แน่ๆ...
เลยนึกถึงเวลาที่การบินไทย...พอเขามีเครื่องบินลำใหม่มาทีนึง...
เขาจะมีการตั้งชื่อครับ...ก็เลียนแบบหยั่งงั้นมั่ง...
ว่าแล้วเลยไปลงทุนว่าจ้างศิลปิน...
(จริงๆแล้วคือ...ช่างตัดสติ๊กเกอร์ทั่วไปนี่แหละ...
แต่พูดให้ดูดีมีชาติตระกูลหน่อย...ก็แค่นั้นเอง)
เพื่อมาตัดสติ๊กเกอร์ให้สองอัน...
แล้วมาติดบนถังน้ำมันซ้ายขวา...
และแล้วยามาฮ่า RX 100 คันนี้...ได้ถูกเรียกขานใหม่...
เป็นที่สืบทอดระบือไกลดั่งตำนานเทพนิยายกริมส์ว่า...
… “บรรเจิด” ...
หรือ “ไอ้เวร...เจิด”...
เวลาที่มันทรยศสตาร์ทไม่ติดในตอนเช้า...
ในวันที่มีสอบตอน 9 โมง...
แต่เจ้าของดันตื่นมาตอน 8.50....
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า...
เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน”...
ถ้าอ่านแล้วชอบก็แชร์ได้ตามสะดวกเลยนะครับ...
อ่านกันเพลินๆในช่วง “โอกาสโควิด” แบบนี้ครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
เรื่องสั้น..จากเรื่องจริงที่ไม่เน้นสาระ: เขาเรียกผมว่า "เซลส์แมน" <EP#4> ตอน "บรรเจิด"
เรื่องสั้นชุด: เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน” EP#4
ตอนที่ 4: "บรรเจิด"
จากเด็กม.6 โรงเรียนประจำจังหวัดยะลา...
โชคดีที่สอบติดได้เข้าเรียนปริญญาตรีที่...
ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่...
เรียกสั้นๆ ว่า มอ..(อ่านว่า...มอ..ออ)....
ชื่อย่อของพวกเราอาจจะแปลกกว่า...
มหาลัยต่างจังหวัดที่อื่นซักหน่อย...
อย่าง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่...เขาเรียก “มช.”...
ขอนแก่น...ก็เป็น “มข”...
แต่ของเราเป็น “มอ”....
คณะผู้บริหารสมัยนั้นเลยขอพระราชทานเพื่ออัญเชิญ...
พระนามเดิมของ “พระบิดา”....มหิดลอดุลยเดชฯ...
มาเป็นชื่อของสถาบัน...
***************************************
สมัยเรียน ม.ปลาย...นอกจากจะอ่านหนังสือเรียนบ้างเป็นครั้งคราว...
ผมยังติดนิยายจีนกำลังภายใน...
โดยหวังว่าซักวันหนึ่งผมจะฝึกวิชา “ตัวเบา” ให้สำเร็จ....
ถึงขนาดที่ว่า...
แม้เสียงเข็มตกในยามวิกาล...มันคงจะดังเกินไป...
สำหรับจอมโจรใจโฉด...ที่ปล้นได้แม้กระทั่งขนม “กาก้า”...
จากเด็กน้อยวัย 4 ขวบ...ที่ยังโง่เขลาต่อยุทธภพนี้ยิ่งนัก...
โดยมันหวังแต่เพียงของแถมที่อยู่ในซองเท่านั้น...
เพราะมันขาดตุ๊กตุ่นตัวทหารท่านอนยิงอีกเพียงตัวเดียว...
มันถึงจะครอบครองได้ครบเซ็ต...
นอกจากนิยายจีนแล้ว...นิยายรักนักศึกษา...
ก็เป็นแหล่งบันเทิงอีกอย่างหนึ่งที่พอจะหาได้ในยุคนั้น...
เบอร์หนึ่งของวงการไม่มีใครเกิน “ศุภักษร”...
เห็นช่วงหลังท่านน่าจะทำร้านอาหารปักษ์ใต้ชื่อดัง...
เห็นตอนนี้มีหลายสาขา...และทำธุรกิจอีเว้นท์ต่างๆ...
ขอสารภาพตรงๆเลยครับว่า...
เพราะนิยายประเภทนี้แหละ...ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผม...
ต้องขยันอ่านหนังสือเพื่อจะให้เอ็นท์ติดให้ได้...
ก็หนังสือบรรยายว่าชีวิตของเด็กมหาลัยมันสนุกยังไง...
พอเข้ามาอยู่จริงๆ...เลยตั้งเข็มไว้ว่า...
เรื่องเกรดเอาไว้ทีหลัง...ต้องสนุกไว้ก่อน...
ขออย่าให้โดนรีไทร์เท่านั้นเป็นพอ...
เกรด 2.0 คือเป้าหมายที่เราต้องไปให้ถึง...
เป้าหมายชัดเจน...ใสแจ๋วหยั่งตาตั๊กแตน...
ความหายนะก็เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งเทอมแรก...
สิ่งที่เรียนรู้อย่างสำหรับการตั้งเป้าที่ง่อยๆแบบนี้ก็คือ...
ถ้าเราตั้งเป้าต่ำเกินไป...ผลที่ได้มักจะน้อยกว่านิดหน่อยเสมอ...
ก็เล่นตั้งเป้าไว้แค่ 2.0...ทำได้จริง 1.8...
แถมยังสอบตก...ติด “E”....อีก 2 วิชา...
เจริญละท่าน...คราวนี้...
เคยคุยกับเพื่อนต่างมหาลัยคนนึง...
มันใจดีมาก...ก็ช่วยปลอบใจ...
“อะโชคดีนี้นะ...ติดแค่ E...
กูติด “F” เลย...อย่างน้อยเอ็งก็ดีกว่ากูขั้นนึง”...
ว่าแล้วผมก็ต้องปลอบใจมันแทน...
ทั้งๆความจริงแล้ว...กูก็สอบตกเหมือนนั่นแหละ...
แต่ต้องไว้ฟอร์มหน่อย...ให้ดูฉลาดกว่ามัน...นิดนึง...
วิชาที่สอบตก...เพื่อนคนอื่นพอเขารู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว...
ก็ชิงลงมือไปถอนวิชานั้นก่อน...
แต่นักรบใจเหี้ยมหาญอย่างผม...มีเร๊อะจะถอย...
เข้าห้องสอบพกความมั่นใจไปเกินล้าน...งานนี้ผ่านชัวร์...
แต่ทำไม...ข้อสอบดันออกมาไม่ตรงกับที่อ่านละเนี่ย...
อาจารย์อยากจะเจอผมอีกเทอมใช่มั๊ยล่ะ...
ทำไมไม่บอกกันก่อน...จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านตั้งค่อนคืน...
อาจารย์สมใจแน่...อาจารย์ต้องเจอลูกศิษย์...
จอมล้างผลาญคนนี้อีกเทอมนึงเต็มๆ...หุหุหุ
ยานพาหนะของนักศึกษา มอ.สมัยนั้น...
ถ้าคนที่มี Super Private Vehicle…
นั่นหมายถึง “เท้า”...ที่เอาไว้เดินในมหาลัยแล้ว...
ถ้าไปไหนไกลหน่อย เช่น เข้าไปในตัวเมืองหาดใหญ่...
ก็ต้องอาศัยรถมอไซค์ของชาวบ้านชาวช่องเกาะติดไป...
หรืออีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นรถขนส่งมวลชนสาธารณะ...
นั่นก็คือ...รถ “ตุ๊กตุ๊ก”...บ้างก็เรียก “กะป๊อ”...
แล้วแต่ชาติกำเนิดของแต่ละคน...
ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่า “ขนส่งมวลชน”...
มันจะดูใหญ่เกินความเป็นจริงหรือเปล่าอะดิ...
เพราะมันเป็นแค่เพียงรถไดฮัทสุ...คันกะจึ๊งนึง...
นั่งกันได้ไม่เกิน 6 คน...
ถ้าไปกันมากกว่านี้...มีโอกาสได้เสียกันสูง...
ขาไป...ท่ารถอยู่ที่หน้า “คาเฟต”...
หรือโรงอาหารกลางของมหาลัย...
ย่อมาจากคำว่า “Cafeteria”....
เป็นไงล่ะ...ศัพท์หรูมั๊ย...มหาลัยผม...
ขากลับ...ท่ารถอยู่ที่หน้าร้านเบเกอรี่...
ชื่อ Hi-D Coffee shop แถวๆตลาดกิมหยงกลางเมือง...
สมัยนั้น...ร้านนี้ถือว่าเป็น “Starbucks”...
ของชนเผ่าชาว มอ.เลย...หรูสุดๆแล้ว...
ส่วนตัวผมนะเร๊อะ...
โทษที...ผมมียานพาหนะส่วนตัวครับขอบอก...
ไม่ใช่อะไรอื่นไกล...ก็มอไซค์คันเก่าที่รับโอนมาจากพ่อ...
ตั้งแต่สมัยเรียนที่ยะลาแล้ว...
เป็นมอไซค์ยามาฮ่า...รุ่น RX100...แบบครัชมือ...
แต่ตอนนี้นำมาแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับเด็กมหาลัยหน่อย....
อย่างแรกคือ...เปลี่ยนเบาะให้มันเตี้ยลง...
เพราะด้วยความสูงอันจำกัดของตัวเอง...
ที่เรามีทรัพยากรอยู่เพียง 144 เซ็นต์ ณ มัธยมปลาย...
โดยหวังว่ามันน่าจะสูงขึ้นบ้างตอนอยู่มหาลัย...
แต่เปล่าเลย...เท่าเดิมเด๊ะๆ...
เวลาจอดรถติดไฟแดงทีไร...
ปลายหัวแม่โป้งสัมผัสพื้นถนนอยู่แผ่วๆนิดเดียว...
เพราะฉะนั้น...เวลาไปจอดติดไฟแดงที่สี่แยกไหน...
สิ่งที่ผมต้องสังเกตุเพื่อความเอาตัวรอดเป็นอย่างแรกก็คือ...
ต้องสำรวจว่าสี่แยกนั้นมันมีหลุมหรือเปล่า...
ขืนจอดไม่ดูตาม้าตาเรือ...
พอเอาหัวแม่โป้งไปจิกพื้นปั๊บ...แมร่งไม่มีแผ่นดินรองรับ...
บรรลัยจักรแน่ๆ...เพราะขาข้างเดียวมันแบกรับไม่ได้...
อันนี้สอดคล้องกับทฤษฎีของ ชาลส์ ดาร์วิน...
ที่บอกว่าอวัยวะไหนที่ใช้การบ่อยๆ...
ส่วนนั้นจะแข็งแรง...หรือมันจะปรับให้เหมาะสมกับ...
สภาวะแวดล้อมที่ใช้งาน...
ด้วยเหตุนี้เอง...หัวแม่เท้าของผม...
จึงแข็งแรง...และยาววววว...กว่านิ้วอื่น...
ซึ่งส่งผลไปยังอวัยวะอื่นด้วยเช่นกัน...หุหุ...
คราวนี้พอแปลี่ยนเบาะให้มันเตี้ยลง...
มันจะต้อง Trade off กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ...
อันนี้เป็นกฎสามัญของหมู่มวลมนุษยชาติ...
แน่นอน...มันต้องแลกมากับความระบมของง่ามตูดครับ...
ถ้าท่านผู้อ่านนึกภาพไม่ออก...
แนะนำให้ซื้อขนมปังฟาร์มเฮ้าส์มาซักแถวหนึ่ง...
เอาแถวแบบสั้นหน่อยก็ได้...เผื่อกินไม่หมด...
แล้วแกะออกจากห่อพลาสติกเอาออกมาทั้งก้อน...
วางบนโต๊ะแข็งๆ...แล้วลองเอานิ้วจิ้มดูแผ่นบนสุดดู....
นิ้วท่านจะได้สัมผัสกับความนุ่มของขนมปัง...
โอ้วโนวววววว....มันช่างนุ่มเสียนี่กระไร...
คราวนี้เอาใหม่ครับ...ลองเอาขนมปังตั้งแต่แผ่นแรก...
เอาออกให้หมดครับ...เหลือไว้แค่แผ่นสุดท้ายแผ่นเดียว...
แล้วเอานิ้วจ้ิมๆกระแทกๆมันเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง...
เหมือนกำลังลงโทษฆาตกรใจโหด...
เหยียบเป็ดท่านตายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า...
ถ้าทิ่มแทงซะจนขนมปังเป็นรูได้...
ท่านยิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของต่อมไฮโปทาลามัส...
ที่เน้นการรับรู้และกระจายตัวฝังแน่น...
อยู่ในทุกอณูของง่ามตูดผมครับ...
หนักไปกว่านั้น...
ถ้าวันไหนต้องจอดกลางแจ้ง...เอาแบบแดดจัดๆเลย...
ความร้อนเบาะมอไซค์มันคงจะประมาณ...
โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านที่โดนแดดเผามาตลอดบ่าย...
แล้วไปนั่งเล่นแบบใส่กางเกงบอลตัวเดียว
โดยไม่ใส่กางเกงใน...ขอบอก...
งานนี้...ร้อนยันไข่เลยครับ...
ยังไงซะการเปลี่ยนเบาะให้เตี้ยแบบนี้...
มันจะดีผลอย่างยิ่งที่เมื่อไรก็ตาม...
มีเพื่อนมายืมไปขี่เล่นครับ...
เพราะธรรมชาติมันถูกคัดสรรไว้ให้เรียบร้อยแล้ว....
ถ้าเพื่อนคนไหนสูงเกินผม...
โอกาสที่มันจะยืมรถคันนี้จะมีอัตราต่ำมาก...
ความเสี่ยงน้อยกว่า...”หน้า 7 หลัง 7” อีก...
ถ้าคนไหนยังอุตสาห์จะยืมไปอีก...
ผมก็ไม่ว่าครับ....
ลองนึกภาพดูนะครับคนความสูงปรกติ...
พอมาขี่รถผม...หัวเข่ามันต้องงอ...ซะไปชนยอดอก...
มันจะทุเรศขนาดไหน...
คราวนี้พอโมดิฟายมอไซค์ให้เข้าที่เข้าทางแล้ว...
ขั้นตอนต่อไป...จะต้องมีการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์...
มาประจำการซักองค์...ครั้นจะเอาสติ๊กเกอร์...
ที่เป็นรูปพระที่มีตัวหนังสือเขียนว่า... “จงอย่าประมาท”...
ก็เห็นเขาอัญเชิญมาเยอะแล้ว...
กลัวท่านอัลโลเขตเวลาไม่ดี...ลืมผมไปคนนึง...
อันนี้คงแย่แน่ๆ...
เลยนึกถึงเวลาที่การบินไทย...พอเขามีเครื่องบินลำใหม่มาทีนึง...
เขาจะมีการตั้งชื่อครับ...ก็เลียนแบบหยั่งงั้นมั่ง...
ว่าแล้วเลยไปลงทุนว่าจ้างศิลปิน...
(จริงๆแล้วคือ...ช่างตัดสติ๊กเกอร์ทั่วไปนี่แหละ...
แต่พูดให้ดูดีมีชาติตระกูลหน่อย...ก็แค่นั้นเอง)
เพื่อมาตัดสติ๊กเกอร์ให้สองอัน...
แล้วมาติดบนถังน้ำมันซ้ายขวา...
และแล้วยามาฮ่า RX 100 คันนี้...ได้ถูกเรียกขานใหม่...
เป็นที่สืบทอดระบือไกลดั่งตำนานเทพนิยายกริมส์ว่า...
… “บรรเจิด” ...
หรือ “ไอ้เวร...เจิด”...
เวลาที่มันทรยศสตาร์ทไม่ติดในตอนเช้า...
ในวันที่มีสอบตอน 9 โมง...
แต่เจ้าของดันตื่นมาตอน 8.50....
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า...
เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน”...
ถ้าอ่านแล้วชอบก็แชร์ได้ตามสะดวกเลยนะครับ...
อ่านกันเพลินๆในช่วง “โอกาสโควิด” แบบนี้ครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-