เรื่องสั้นชุด: เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน” #5
ตอนที่ 5: บรรเจิด Instant Win
หลังจากที่เป็นนักศึกษาเต็มตัว...
ที่คณะวิทยาการจัดการ..ม.สงขลานครินทร์ หาดใหญ่...
กับยานพาหนะคู่ใจ... “บรรเจิด”...
มอไซค์ยามาฮ่า RX100 Limited Edition...
รุ่นเบาะเตี้ย...เหมาะสำหรับคนที่มีทรัพยากรความสูงจำกัดอย่างผม...
เรื่องราววีรกรรม...วีรเวร...
ที่ผมกับ “ไอ้เจิด”...ก็เร่ิมต้นขึ้นอีกครั้งที่นี่....
**************************
อย่างที่เล่าให้ฟังในตอนที่แล้วว่า...
ถ้าเด็ก มอ. จะเดินทางไปไหนมาไหน...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเข้าตัวเมืองหาดใหญ่...
ถ้าไม่อาศัยรถตุ๊กตุ๊ก...ก็ต้องใช้รถมอไซค์ส่วนตัว...
แล้วมอไซค์ที่ว่า...บางคนก็มี “ส่วนตัว” จริงๆ...
แต่บางคนก็อยากใช้คำว่า “ส่วนตัว”...
โดยไปหยิบยืมมาจาก “ส่วนรวม”...
บรรเจิดของผม...หนีไม่พ้นวิบากกรรมนี้เช่นกัน...
ใครอยากเข้าเมืองเร๊อะ...บรรเจิด...พร้อมรับใช้...
ใครอยากจะไปรับสาวไปกินข้าวในเมืองเร๊อะ....
มามะ...เพียงแค่ท่านเอาตูด 4 แก้มมาเท่านั้น...
บรรเจิดพร้อมจะรองรับ...แล้วพาท่านไปยังที่ปรารถนา...
ที่บรรเจิดของผมสามารถหยิบยืมได้ง่าย...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเช้า...
เพราะตัวเองกว่าจะตื่นก็ล่อเข้าไปเที่ยงแล้ว...
ช่วงเช้าบรรเจิดเลยค่อนข้างว่างงาน...
ตกเย็นหลังกินข้าวเสร็จ...
ก็มีสังสรรค์กับพรรคพวกเกือบทุกค่ำคืน...
แน่นอนคงไม่ใช่กินชานมไข่มุกน้ำแดงแน่ๆ...
ซัดกันตั้งแต่หัวค่ำยันดึกดื่น...
สถานที่ก็ตามสุมทุมพุ่มไม้...ไม่ก็มุมมืดซักแห่งของมหาลัย...
เพราะฉะนั้นบรรเจิดเลยไม่ค่อยได้ออกกำลังกายไปไหน...
บรรดาเพื่อนๆก็เลยขออาสา
เอาบรรเจิดออกไปโลดแล่นบ้าง...
คล้ายๆพาหมาไปวิ่งเล่นหน้าหมู่บ้าน...
ปล่อยให้เจ้าของที่แท้จริงต้องอาศัยรถเพื่อนร่วมก๊วนกลับหอแทน...
ด้วยความที่บรรเจิด...มันโดนยืมบ่อยมาก...
หลายมือ...หลายเท้า...
เหมือนหญิงสาววัยดึกถูกปู้ยี้ปู้ยำอย่างไม่บันยะบันยัง...
ของแบบนี้มันต้องมีหลวมกันบ้าง...
ที่รองรับอารมณ์หนักสุดคือ “รูกุญแจ” ครับ...
แรกๆเวลาใครจะขอยืม...ผมก็ให้กุญแจรถไป...
หนักๆเข้าบางทีตัวเองยังแฮงค์เพราะเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย...
ทำให้ตื่นไม่ทันตอนที่เพื่อนจะให้เกียรติมายืม...
เพื่อนเลยมันหากุญแจรถ...ไม่เจอ...
แต่เรื่องนี้ไม่เกินความสามารถของผู้มีปณิธานแก่กล้า...
ที่จ้องจะเอาไอ้เจิดไปรับสาวให้ได้...
ไม่มีกุญแจเร๊อะ...กูใช้ไม้ไอติมแทน...
แรกๆไอ้เจิดเพื่อนรักก็ต่อสู้สุดฤทธิ์...
ของแบบนี้ไม่มีใครยอมง่ายๆหรอก...
บิดกุญแจได้แค่แกร๊กแรก...
ติดแต่เฉพาะไฟหน้า...แต่ยังสตาร์ทเครื่องไม่ได้...
นานวันเข้า...บรรเจิดของผม...
มันก็เสียความบริสุทธิ์ให้ไม้ไอติมจนได้...
แหม่...มันโดนทะลวงไส้ซะขนาดนั้น...
ของมันต้องมีท้อแท้กับชีวิตกันมั่งละว๊า...
ผมว่า...ถ้าอยู่บนโลกมนุษย์ให้นานกว่านี้อีกหน่อย...
มันคงพัฒนาระบบป้องกันภัยตัวเอง...
เพื่อไม่ให้โดนไม้ไอติมทิ่มเอาบ่อยๆ...
พอแค่ไอ้คนจะขี่มัน...เอาแค่เดินตรงปรี่เข้ามา...
มันคงสตาร์ทเครื่องรอไว้เลย...
“ไม่ต้องทิ่มกูด้วยไม้ไอติมอีกนะโว้ย...กูยอมแล้ว”...
หลังจากนั้นมอไซค์ผม...บรรเจิดคันนี้...
ไม่ต้องใช้กุญแจสตาร์ทอีกเลยครับ...
รวมถึงตัวผมเองด้วย...
ไปไหนมาไหน...ไม่ต้องพกกุญจงกุญแจมันแล้ว...
พกแต่ไม้ไอติม....โอย...ทุเรศมาก...
ผมเคยเขียนชื่อ “บรรเจิด” ไว้บนไม้ไอติมอันที่ใช้บ่อยๆซะด้วยซ้ำ...
เพื่อสร้างความคุ้นเคยมากยิ่งขึ้นสำหรับเพื่อนรักคันนี้...
มีอยู่ครั้งหนึ่ง...ถึงคราวเคราะห์ของไอ้เจิดโดยแท้...
เรื่องของเรื่อง...คือเมื่อคืนก่อนเพื่อนก็ยืมไอ้เจิดไปรับสาวเช่นเดิม...
โดยที่ไม่ต้องเอากุญแจไป...แค่ตะโกนบอกที่หน้าห้องน้ำในหอพัก...
ผมก็ตะโกนบอกไปว่า...รถอยู่ใต้หอที่เดิม...
ไปเอาได้เลย...กูไม่ได้ใช้...
เพราะตอนเช้าพรุ่งนี้กูมีสอบควิซเก็บคะแนน...
คืนนี้ขออ่านหนังสือซักหน่อย...
ดึกๆมันก็เอามาคืนตามปรกติ...
เช้าอีกวัน...ผมก็รู้สึกแปลกๆยังไงพิกล...
จิ้งจกประจำห้องที่ผมตั้งชื่อมันว่า “ปรเมศร์”...
ขนาดแฮรรี่ พอตเตอร์เขายังมีกวางเป็นเทพผู้พิทักษ์เลย...
แล้วทำไมตัวเองจะมี “ปรเมศร์” มิได้...
ตอนแรกคิดว่า “ปรเมศร์” เป็นจิ้งจกพิการพูดไม่ได้...
เพราะอยู่มาเกือบปีแล้ว...มันไม่เคยร้องซักแอะ...
บทจะร้อง...ก็เล่นมาซะแปลกเชียว...
สงสัยต่อมบอกเวลามันเสื่อมก่อนวัยชัวร์...
ลงมาใต้หอ...จะไปสอบควิซเก็บคะแนนด้วยความมั่นใจเกินร้อย....
มือกำกุญแจรถที่ร้างราการใช้งานไปซะนาน...
หวังจะทำให้บรรเจิดน้องรัก...คุ้นชินกับวันวานเก่าๆ...
ที่ยังเรายังคงใช้กุญแจสตาร์ทเครื่องกันอยู่ได้บ้าง...
พอเอากุญแจเสียบเข้าไปเท่านั้นแหละครับ...
อ้าว...เฮ้ย...ไอ้เจิด.........
ทำไมเสียบกุญแจไม่เข้าละเนี่ย...
ดูข้างถังน้ำมัน...ชื่อ “บรรเจิด” ก็ถูกต้องนี่หว่า...
แล้วรถรุ่นนี้...เบาะเตี้ยๆแบบนี้...
อย่าว่าแต่มหาลัยมีคันเดียวเลย...
ต่อให้ทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย...
รับรองไม่มีใครเหมือนมันแน่ๆ...
เฮ้ยๆๆๆ...กูกำลังรีบนะว๊อยยยยยยยย...
พอพิสูจน์ทราบเบื้องต้นว่าเป็นบรรเจิดตัวจริงแน่นอน...
แล้วทำไม่มันเสียบกุญแจไม่เข้าละเนี่ย...
ที่ไหนได้....ไม้ไอติม...มันหักคารูกุญแจครับ...
ตอนแรกพอเสียบกุญแจไม่เข้า....
ไม้ไอติมคงติดอยู่ตื้นๆ...
พอโดนเสียบเข้าไปสี่ห้าที...
คราวนี้มันคงดัน..ยิ่งติดลึกเข้าไปอีก...
น่าจะหลุดไปจนถึงไส้ติ่งของชุดกุญแจแน่...
ความคิดแก้ปัญหาแว๊บแรกในตอนนั้น...
ว่าจะจับไอ้เจิดคว่ำทั้งคัน...แบบว่าให้ล้อชี้ฟ้า...
แล้วหาอะไรเคาะๆ...เพื่อให้ไม้ไอติมมันหลุดออกมา...
แต่นี่บรรเจิดนะครับ...ไม่ใช่กระปุกสังกะสี...
ที่ธนาคารออมสินเขาให้มาตอนหัดฝากตังค์ครั้งแรก...
เวลาอยากจะแคะเอาเศษตังค์มากินขนม...ก็ต้องคว่ำกระปุกลง...
เขย่าๆเคาะๆหน่อย...เด๊ยวเหรียญบาทก็ร่วงลงมาเอง...
สุดท้ายก็ต้องให้ช่างมาเปลี่ยนลูกกุญแจใหม่ทั้งชุด...
คราวนี้แหละ...บรรเจิดน้องรัก...
ท่านจะไม่โดนคนใจโฉด...เอาไม้ไอติมมาทิ่มทะลวงรูกุญแจ...
ให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกแล้ว...
เรื่องของรถมอไซค์ที่พอใช้มานานๆ...
รูกุญแจที่สตาร์ทมันก็เลยหลวมๆหน่อย...
จะเอากุญแจคันอื่นมาใช้มันก็พอถูๆไถๆแทนกันได้...
มันเลยเถิดถึงขนาดเคยเกิดเรื่องราวมาแล้ว...
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ใต้หอหญิง....
มีตำรวจ 2-3 คนกำลังมาดูที่เกิดเหตุ...
เพราะมีนักศึกษาไปแจ้งว่า... “รถหาย”....
ที่ไหนได้ครับ...รอซักแป๊บหนึ่ง...
ก็มีนักศึกษาขี่รถคันนี้เข้ามาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว...
พอมาถึงหอก็จอดตามปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ซึ่งมันก็ไม่สมควรเกิดขึ้นจริงๆนั่นแหละ...
ถ้านักศึกษาคนนี้...คนที่เธอขี่ออกไป...มันเป็นรถของเธอเองจริงๆ...
แต่งานนี้ที่เกิดเรื่องดันเป็นรถยี่ห้อเดียวกัน...สีเดียวกัน...
ต่างกันที่ทะเบียน...แต่ดันมาจอดใกล้ๆกันซะงั้น...
พอไขกุญแจ...แล้วสตาร์รถติด...
เธอก็ไม่ต้องสนใจอะไรใยดีกับมวลมนุษยชาติคนอื่นอีกแล้ว...
ปื้ด...ออกไปเลย...
ก็ใครจะไปนึกละเน๊อะ...ว่ากุญแจมาไขดอกอื่นมาแทนก็ได้...
ก็มันหลวมซะขนาดนั้น...
แต่ยังไงเรื่องนี้ก็จบได้ด้วยดี...
รถราพอเก่าๆหน่อยมันก็ต้องมีการบำรุงรักษากันมั่ง...
แม้จะนานๆซักทีก็เหอะ....
บรรเจิดก็เช่นเดียวกันครับ...
หลังจากที่รับใช้ปวงประชาทั่วทั้งมหาลัย...
จนน่าจะได้โล่ห์ “บุคคลสาธารณะแห่งปี”...
มันต้องถึงคราวต้องไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันมั่ง...
ก็เลยพามันไปร้านซ่อมมอไซค์ร้านหนึ่งแถวๆในเมือง...
พอไปถึงครับ...ผมก็เลือกยี่ห้อที่ดีที่สุดในความคิด...
สำหรับบรรเจิดน้องรัก....
เพราะนานๆมันจะได้กินของดีๆซักที...
เหมือนเจ้าของโรงงานที่ใช้แรงงานเด็กเพื่อเย็บตุ๊กตา...
แถวประเทศโลกที่สาม...
ที่วันดีคืนดีเกิดใจบุญ...พาไปเด็กๆเลี้ยงไอติม...
ซี่งงานนี้ต้องเป็น “สเว่นเซ่น”เท่านั้น...
ไม่ใช่ไอติมหลอดตามงานวัด...
แต่ไหง๋...ช่างหน้าร้านมันเชียร์น้ำม้นเครื่องยี่ห้อหนึ่ง...
ที่ตัวเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อซักครั้งซักหน...
แถมราคาก็แพงกว่ายี่ห้อดังๆอีกตั้งหลายยี่ห้อด้วย...
ใช้แล้วควันน้อยครับน้อง...
แถมเครื่องยังแรงสุดๆด้วย...
ก่อนตัดสินใจก็กลัวช่างเขาจะโม้เกินความจริง...
เลยไปดูในถังขยะ...โหยๆๆๆกระป๋องยี่ห้อนี้มีเพียบ...
แสดงว่ามันต้องดีจริง...มีคนเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อนี้กันเยอะ...
Proof of Purchase เพียบ...
เอาวะ...เชื่อช่างเหอะ...เอายี่ห้อนี้ก็ได้...
เสียเงินใช้เองไม่พอแถมช่วยโฆษณาให้อีกด้วย...
แนะนำเพื่อนให้มาใช้ยี่ห้อเดียวกัน...
มีอยู่ครั้งหนี่งมีเพื่อนชวนให้ไปเป็นเพื่อน...
ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถของมันด้วยกัน...
ผมก็แนะนำไปที่ร้านนี้แหละ...
แถมระบุยี่ห้อด้วยว่า....ต้องเป็นยี่ห้อนี้เท่านั้น...
พอถึงหน้าร้าน...ก็เดินตรงปรี่ไปที่ชั้นน้ำมันเครื่อง...
คว้ายี่ห้อนี้มาทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก...
แต่ไม่ได้หยิบมาเปล่าๆครับ...หยิบมาปั๊บเปิดฝาทันที...
ช่างพยายามตะโกนบอกว่าอย่าเพ่ิงเปิด...
น้อง....อย่า...เพิ่ง...เปิด...รอแป๊บ....
แต่ช้าไปแล้วครับ...
เปิดปั๊บ...เหรียญห้าบาท...กระเด็นหลุดออกมาจากใต้ฝา...
กิ๊ก...กุกๆๆๆๆ...เหรียญห้ากลิ้งไปทั่วร้าน...
แล้วบรรยากาศมาคุก็เริ่มต้นขึ้น...
ถึงว่า...ทำไมมันถึงเชียร์กูจัง....
ที่บอกว่าลดควันขาว...ว่าแล้วมันก็เหมือนๆเดิม...
ที่บอกว่าเครื่องแรงขึ้น...บิดคันเร่งซะข้อมือแทบขาด...
ไอ้เจิดมันก็วิ่งได้ไม่เกิน 60 กม.ต่อ ชั่วโมงเท่าเดิม...
แต่ยังไงวิธีการส่งเสริมการตลาดแบบนี้...
กลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ผมชอบมาจนทุกวันนี้...
“Instant Win Strategy”
วันนี้ขอจบตอนอย่างมีสาระหน่อยเน๊อะ....
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
เรื่องสั้น..จากเรื่องจริงที่ไม่เน้นสาระ: เขาเรียกผมว่า "เซลส์แมน" <EP#5> ตอน "บรรเจิด Instant Win"
เรื่องสั้นชุด: เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน” #5
ตอนที่ 5: บรรเจิด Instant Win
หลังจากที่เป็นนักศึกษาเต็มตัว...
ที่คณะวิทยาการจัดการ..ม.สงขลานครินทร์ หาดใหญ่...
กับยานพาหนะคู่ใจ... “บรรเจิด”...
มอไซค์ยามาฮ่า RX100 Limited Edition...
รุ่นเบาะเตี้ย...เหมาะสำหรับคนที่มีทรัพยากรความสูงจำกัดอย่างผม...
เรื่องราววีรกรรม...วีรเวร...
ที่ผมกับ “ไอ้เจิด”...ก็เร่ิมต้นขึ้นอีกครั้งที่นี่....
**************************
อย่างที่เล่าให้ฟังในตอนที่แล้วว่า...
ถ้าเด็ก มอ. จะเดินทางไปไหนมาไหน...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเข้าตัวเมืองหาดใหญ่...
ถ้าไม่อาศัยรถตุ๊กตุ๊ก...ก็ต้องใช้รถมอไซค์ส่วนตัว...
แล้วมอไซค์ที่ว่า...บางคนก็มี “ส่วนตัว” จริงๆ...
แต่บางคนก็อยากใช้คำว่า “ส่วนตัว”...
โดยไปหยิบยืมมาจาก “ส่วนรวม”...
บรรเจิดของผม...หนีไม่พ้นวิบากกรรมนี้เช่นกัน...
ใครอยากเข้าเมืองเร๊อะ...บรรเจิด...พร้อมรับใช้...
ใครอยากจะไปรับสาวไปกินข้าวในเมืองเร๊อะ....
มามะ...เพียงแค่ท่านเอาตูด 4 แก้มมาเท่านั้น...
บรรเจิดพร้อมจะรองรับ...แล้วพาท่านไปยังที่ปรารถนา...
ที่บรรเจิดของผมสามารถหยิบยืมได้ง่าย...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเช้า...
เพราะตัวเองกว่าจะตื่นก็ล่อเข้าไปเที่ยงแล้ว...
ช่วงเช้าบรรเจิดเลยค่อนข้างว่างงาน...
ตกเย็นหลังกินข้าวเสร็จ...
ก็มีสังสรรค์กับพรรคพวกเกือบทุกค่ำคืน...
แน่นอนคงไม่ใช่กินชานมไข่มุกน้ำแดงแน่ๆ...
ซัดกันตั้งแต่หัวค่ำยันดึกดื่น...
สถานที่ก็ตามสุมทุมพุ่มไม้...ไม่ก็มุมมืดซักแห่งของมหาลัย...
เพราะฉะนั้นบรรเจิดเลยไม่ค่อยได้ออกกำลังกายไปไหน...
บรรดาเพื่อนๆก็เลยขออาสา
เอาบรรเจิดออกไปโลดแล่นบ้าง...
คล้ายๆพาหมาไปวิ่งเล่นหน้าหมู่บ้าน...
ปล่อยให้เจ้าของที่แท้จริงต้องอาศัยรถเพื่อนร่วมก๊วนกลับหอแทน...
ด้วยความที่บรรเจิด...มันโดนยืมบ่อยมาก...
หลายมือ...หลายเท้า...
เหมือนหญิงสาววัยดึกถูกปู้ยี้ปู้ยำอย่างไม่บันยะบันยัง...
ของแบบนี้มันต้องมีหลวมกันบ้าง...
ที่รองรับอารมณ์หนักสุดคือ “รูกุญแจ” ครับ...
แรกๆเวลาใครจะขอยืม...ผมก็ให้กุญแจรถไป...
หนักๆเข้าบางทีตัวเองยังแฮงค์เพราะเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย...
ทำให้ตื่นไม่ทันตอนที่เพื่อนจะให้เกียรติมายืม...
เพื่อนเลยมันหากุญแจรถ...ไม่เจอ...
แต่เรื่องนี้ไม่เกินความสามารถของผู้มีปณิธานแก่กล้า...
ที่จ้องจะเอาไอ้เจิดไปรับสาวให้ได้...
ไม่มีกุญแจเร๊อะ...กูใช้ไม้ไอติมแทน...
แรกๆไอ้เจิดเพื่อนรักก็ต่อสู้สุดฤทธิ์...
ของแบบนี้ไม่มีใครยอมง่ายๆหรอก...
บิดกุญแจได้แค่แกร๊กแรก...
ติดแต่เฉพาะไฟหน้า...แต่ยังสตาร์ทเครื่องไม่ได้...
นานวันเข้า...บรรเจิดของผม...
มันก็เสียความบริสุทธิ์ให้ไม้ไอติมจนได้...
แหม่...มันโดนทะลวงไส้ซะขนาดนั้น...
ของมันต้องมีท้อแท้กับชีวิตกันมั่งละว๊า...
ผมว่า...ถ้าอยู่บนโลกมนุษย์ให้นานกว่านี้อีกหน่อย...
มันคงพัฒนาระบบป้องกันภัยตัวเอง...
เพื่อไม่ให้โดนไม้ไอติมทิ่มเอาบ่อยๆ...
พอแค่ไอ้คนจะขี่มัน...เอาแค่เดินตรงปรี่เข้ามา...
มันคงสตาร์ทเครื่องรอไว้เลย...
“ไม่ต้องทิ่มกูด้วยไม้ไอติมอีกนะโว้ย...กูยอมแล้ว”...
หลังจากนั้นมอไซค์ผม...บรรเจิดคันนี้...
ไม่ต้องใช้กุญแจสตาร์ทอีกเลยครับ...
รวมถึงตัวผมเองด้วย...
ไปไหนมาไหน...ไม่ต้องพกกุญจงกุญแจมันแล้ว...
พกแต่ไม้ไอติม....โอย...ทุเรศมาก...
ผมเคยเขียนชื่อ “บรรเจิด” ไว้บนไม้ไอติมอันที่ใช้บ่อยๆซะด้วยซ้ำ...
เพื่อสร้างความคุ้นเคยมากยิ่งขึ้นสำหรับเพื่อนรักคันนี้...
มีอยู่ครั้งหนึ่ง...ถึงคราวเคราะห์ของไอ้เจิดโดยแท้...
เรื่องของเรื่อง...คือเมื่อคืนก่อนเพื่อนก็ยืมไอ้เจิดไปรับสาวเช่นเดิม...
โดยที่ไม่ต้องเอากุญแจไป...แค่ตะโกนบอกที่หน้าห้องน้ำในหอพัก...
ผมก็ตะโกนบอกไปว่า...รถอยู่ใต้หอที่เดิม...
ไปเอาได้เลย...กูไม่ได้ใช้...
เพราะตอนเช้าพรุ่งนี้กูมีสอบควิซเก็บคะแนน...
คืนนี้ขออ่านหนังสือซักหน่อย...
ดึกๆมันก็เอามาคืนตามปรกติ...
เช้าอีกวัน...ผมก็รู้สึกแปลกๆยังไงพิกล...
จิ้งจกประจำห้องที่ผมตั้งชื่อมันว่า “ปรเมศร์”...
ขนาดแฮรรี่ พอตเตอร์เขายังมีกวางเป็นเทพผู้พิทักษ์เลย...
แล้วทำไมตัวเองจะมี “ปรเมศร์” มิได้...
ตอนแรกคิดว่า “ปรเมศร์” เป็นจิ้งจกพิการพูดไม่ได้...
เพราะอยู่มาเกือบปีแล้ว...มันไม่เคยร้องซักแอะ...
บทจะร้อง...ก็เล่นมาซะแปลกเชียว...
สงสัยต่อมบอกเวลามันเสื่อมก่อนวัยชัวร์...
ลงมาใต้หอ...จะไปสอบควิซเก็บคะแนนด้วยความมั่นใจเกินร้อย....
มือกำกุญแจรถที่ร้างราการใช้งานไปซะนาน...
หวังจะทำให้บรรเจิดน้องรัก...คุ้นชินกับวันวานเก่าๆ...
ที่ยังเรายังคงใช้กุญแจสตาร์ทเครื่องกันอยู่ได้บ้าง...
พอเอากุญแจเสียบเข้าไปเท่านั้นแหละครับ...
อ้าว...เฮ้ย...ไอ้เจิด.........
ทำไมเสียบกุญแจไม่เข้าละเนี่ย...
ดูข้างถังน้ำมัน...ชื่อ “บรรเจิด” ก็ถูกต้องนี่หว่า...
แล้วรถรุ่นนี้...เบาะเตี้ยๆแบบนี้...
อย่าว่าแต่มหาลัยมีคันเดียวเลย...
ต่อให้ทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย...
รับรองไม่มีใครเหมือนมันแน่ๆ...
เฮ้ยๆๆๆ...กูกำลังรีบนะว๊อยยยยยยยย...
พอพิสูจน์ทราบเบื้องต้นว่าเป็นบรรเจิดตัวจริงแน่นอน...
แล้วทำไม่มันเสียบกุญแจไม่เข้าละเนี่ย...
ที่ไหนได้....ไม้ไอติม...มันหักคารูกุญแจครับ...
ตอนแรกพอเสียบกุญแจไม่เข้า....
ไม้ไอติมคงติดอยู่ตื้นๆ...
พอโดนเสียบเข้าไปสี่ห้าที...
คราวนี้มันคงดัน..ยิ่งติดลึกเข้าไปอีก...
น่าจะหลุดไปจนถึงไส้ติ่งของชุดกุญแจแน่...
ความคิดแก้ปัญหาแว๊บแรกในตอนนั้น...
ว่าจะจับไอ้เจิดคว่ำทั้งคัน...แบบว่าให้ล้อชี้ฟ้า...
แล้วหาอะไรเคาะๆ...เพื่อให้ไม้ไอติมมันหลุดออกมา...
แต่นี่บรรเจิดนะครับ...ไม่ใช่กระปุกสังกะสี...
ที่ธนาคารออมสินเขาให้มาตอนหัดฝากตังค์ครั้งแรก...
เวลาอยากจะแคะเอาเศษตังค์มากินขนม...ก็ต้องคว่ำกระปุกลง...
เขย่าๆเคาะๆหน่อย...เด๊ยวเหรียญบาทก็ร่วงลงมาเอง...
สุดท้ายก็ต้องให้ช่างมาเปลี่ยนลูกกุญแจใหม่ทั้งชุด...
คราวนี้แหละ...บรรเจิดน้องรัก...
ท่านจะไม่โดนคนใจโฉด...เอาไม้ไอติมมาทิ่มทะลวงรูกุญแจ...
ให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกแล้ว...
เรื่องของรถมอไซค์ที่พอใช้มานานๆ...
รูกุญแจที่สตาร์ทมันก็เลยหลวมๆหน่อย...
จะเอากุญแจคันอื่นมาใช้มันก็พอถูๆไถๆแทนกันได้...
มันเลยเถิดถึงขนาดเคยเกิดเรื่องราวมาแล้ว...
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ใต้หอหญิง....
มีตำรวจ 2-3 คนกำลังมาดูที่เกิดเหตุ...
เพราะมีนักศึกษาไปแจ้งว่า... “รถหาย”....
ที่ไหนได้ครับ...รอซักแป๊บหนึ่ง...
ก็มีนักศึกษาขี่รถคันนี้เข้ามาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว...
พอมาถึงหอก็จอดตามปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ซึ่งมันก็ไม่สมควรเกิดขึ้นจริงๆนั่นแหละ...
ถ้านักศึกษาคนนี้...คนที่เธอขี่ออกไป...มันเป็นรถของเธอเองจริงๆ...
แต่งานนี้ที่เกิดเรื่องดันเป็นรถยี่ห้อเดียวกัน...สีเดียวกัน...
ต่างกันที่ทะเบียน...แต่ดันมาจอดใกล้ๆกันซะงั้น...
พอไขกุญแจ...แล้วสตาร์รถติด...
เธอก็ไม่ต้องสนใจอะไรใยดีกับมวลมนุษยชาติคนอื่นอีกแล้ว...
ปื้ด...ออกไปเลย...
ก็ใครจะไปนึกละเน๊อะ...ว่ากุญแจมาไขดอกอื่นมาแทนก็ได้...
ก็มันหลวมซะขนาดนั้น...
แต่ยังไงเรื่องนี้ก็จบได้ด้วยดี...
รถราพอเก่าๆหน่อยมันก็ต้องมีการบำรุงรักษากันมั่ง...
แม้จะนานๆซักทีก็เหอะ....
บรรเจิดก็เช่นเดียวกันครับ...
หลังจากที่รับใช้ปวงประชาทั่วทั้งมหาลัย...
จนน่าจะได้โล่ห์ “บุคคลสาธารณะแห่งปี”...
มันต้องถึงคราวต้องไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันมั่ง...
ก็เลยพามันไปร้านซ่อมมอไซค์ร้านหนึ่งแถวๆในเมือง...
พอไปถึงครับ...ผมก็เลือกยี่ห้อที่ดีที่สุดในความคิด...
สำหรับบรรเจิดน้องรัก....
เพราะนานๆมันจะได้กินของดีๆซักที...
เหมือนเจ้าของโรงงานที่ใช้แรงงานเด็กเพื่อเย็บตุ๊กตา...
แถวประเทศโลกที่สาม...
ที่วันดีคืนดีเกิดใจบุญ...พาไปเด็กๆเลี้ยงไอติม...
ซี่งงานนี้ต้องเป็น “สเว่นเซ่น”เท่านั้น...
ไม่ใช่ไอติมหลอดตามงานวัด...
แต่ไหง๋...ช่างหน้าร้านมันเชียร์น้ำม้นเครื่องยี่ห้อหนึ่ง...
ที่ตัวเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อซักครั้งซักหน...
แถมราคาก็แพงกว่ายี่ห้อดังๆอีกตั้งหลายยี่ห้อด้วย...
ใช้แล้วควันน้อยครับน้อง...
แถมเครื่องยังแรงสุดๆด้วย...
ก่อนตัดสินใจก็กลัวช่างเขาจะโม้เกินความจริง...
เลยไปดูในถังขยะ...โหยๆๆๆกระป๋องยี่ห้อนี้มีเพียบ...
แสดงว่ามันต้องดีจริง...มีคนเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อนี้กันเยอะ...
Proof of Purchase เพียบ...
เอาวะ...เชื่อช่างเหอะ...เอายี่ห้อนี้ก็ได้...
เสียเงินใช้เองไม่พอแถมช่วยโฆษณาให้อีกด้วย...
แนะนำเพื่อนให้มาใช้ยี่ห้อเดียวกัน...
มีอยู่ครั้งหนี่งมีเพื่อนชวนให้ไปเป็นเพื่อน...
ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถของมันด้วยกัน...
ผมก็แนะนำไปที่ร้านนี้แหละ...
แถมระบุยี่ห้อด้วยว่า....ต้องเป็นยี่ห้อนี้เท่านั้น...
พอถึงหน้าร้าน...ก็เดินตรงปรี่ไปที่ชั้นน้ำมันเครื่อง...
คว้ายี่ห้อนี้มาทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก...
แต่ไม่ได้หยิบมาเปล่าๆครับ...หยิบมาปั๊บเปิดฝาทันที...
ช่างพยายามตะโกนบอกว่าอย่าเพ่ิงเปิด...
น้อง....อย่า...เพิ่ง...เปิด...รอแป๊บ....
แต่ช้าไปแล้วครับ...
เปิดปั๊บ...เหรียญห้าบาท...กระเด็นหลุดออกมาจากใต้ฝา...
กิ๊ก...กุกๆๆๆๆ...เหรียญห้ากลิ้งไปทั่วร้าน...
แล้วบรรยากาศมาคุก็เริ่มต้นขึ้น...
ถึงว่า...ทำไมมันถึงเชียร์กูจัง....
ที่บอกว่าลดควันขาว...ว่าแล้วมันก็เหมือนๆเดิม...
ที่บอกว่าเครื่องแรงขึ้น...บิดคันเร่งซะข้อมือแทบขาด...
ไอ้เจิดมันก็วิ่งได้ไม่เกิน 60 กม.ต่อ ชั่วโมงเท่าเดิม...
แต่ยังไงวิธีการส่งเสริมการตลาดแบบนี้...
กลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ผมชอบมาจนทุกวันนี้...
“Instant Win Strategy”
วันนี้ขอจบตอนอย่างมีสาระหน่อยเน๊อะ....
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-