สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
รัฐไหนที่ออกมาบอกว่าจะใช้ Herd immunity คือการที่รัฐนั้นออกมาบอกเป็นนัยๆว่า
รัฐเอาไม่อยู่แล้ว รักษาตัวเองให้รอด เข้มแข็งก็รอด อ่อนแอก็ตาย
เป็นการออกมาบอกว่ามีแผน แต่จริงๆแล้วไม่มีแผนอะไรเลย จัดการอะไรไม่ได้ ป้องกันอะไรไม่ได้ เป็นวาทกรรมล้วนๆ
Herd immunity เป็นคำพูดให้ดูดีเฉยๆครับ
Herd immunity ใช้ได้กับบางโรค แต่ไม่ใช่กับโควิดแน่ๆ
รัฐเอาไม่อยู่แล้ว รักษาตัวเองให้รอด เข้มแข็งก็รอด อ่อนแอก็ตาย
เป็นการออกมาบอกว่ามีแผน แต่จริงๆแล้วไม่มีแผนอะไรเลย จัดการอะไรไม่ได้ ป้องกันอะไรไม่ได้ เป็นวาทกรรมล้วนๆ
Herd immunity เป็นคำพูดให้ดูดีเฉยๆครับ
Herd immunity ใช้ได้กับบางโรค แต่ไม่ใช่กับโควิดแน่ๆ
ความคิดเห็นที่ 6
ในสวีเดนคนที่นำนโยบายการรับมือโควิดด้วย Herd Immunity คือผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดวิทยา Anders Tegnell ที่ชาวสวีเดนถือเสมือนหนึ่งฮีโร่นำการต่อสู้ครั้งนี้ ในเยอรมนีผู้ที่มีบทบาทเป็นตัวชูโรงให้ความรู้และข้อมูลให้สัมภาษณ์และตอบคำถามทางวิทยุต่อประชาชนเยอรมันทุกวันคือ
Christen Drosten นักไวรัสวิทยาชาวเยอรมัน
ตามทฤษกีของ Tegnell เชื่อว่าการกักประชาชนไว้ในบ้านจะไม่สามารถทำได้ตลอดไปซึ่งท้ายที่สุดประชาชนจะออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอย่างปกติอยู่ดี สิ่งที่ Tegnell ตั้งใจไว้ในตอบแรกคือจะปกป้องกลุ่มคนชราและผู้ที่เจ็บป่วยอยู่แล้ว คือกลุ่มเสี่ยงที่สุดเท่านั้นแต่ตอนนี้ยอมรับแล้วว่าทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก จำนวนผู้เสียชีวิติจากโควิดของสวีเดนเกิน 2000 คน ไปแล้วและก็เหมือนประเทศยุโรปอื่นๆ คือ คนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่คือคนชราในบ้านพักคนชราทั้งๆ ที่ประกาศห้ามเยี่ยมแล้วก็ตาม ในจำนวนบ้านพักชราในสต๊อคโฮม 101 แห่งนั้นมีการรายงานการติดเชื้อแล้วจำนวน 76 แห่ง และในจำนวนคนเสียชีวิตกว่า 2 พันคนนั้น กว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้เสียชีวิตในสต๊อคโฮมและส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ผู้อาศัยเป็นผู้อพยพ
ตามข่าวที่ออกมาล่าสุด สำนักงานของ Anders Tegnell เสนอการคำนวณการประเมินการติดเชื้อออกมาผิดพลาดเหมือนกันจนต้องออกมาแก้ไขในอีก 2 วันต่อมาซึ่งสำหรับชาวสวีเดนก็ไม่ได้คิดว่าจะสูญเสียความเชื่อถือในการทำงานของ Tegnell แต่อย่างใด
การที่ตัวเลขสถิติการเสียชีวิตของสวีเดนสูงกว่าประเทศยุโรปเพื่อนบ้านทั้งหมดและสูงกว่าเยอรมนีเมื่อคิดเฉลี่ยจำนวนประชากรคนป่วยต่อประชากร 1 แสนตนเป็นเพราะว่าตัวเลขผู้ป่วยแฝงที่ยังไม่ได้ตรวจยังมีอยู่สูงมาก แต่กระนั้นก็ตามจากการทำการตรวจผู้อาศัยในบ้านพักคนชรา 2 แห่งจำนวน 54 คนพบว่าจำนวน 20 คนมีผลการตรวจพบโควิดแต่คนเหล่านี้ไม่มีอาการเลย ทำให้สวีเดนเชื่อว่าจำนวนคนติดเชื้อจริงๆ นั้นมีจำนวนสูงมากกว่า 25% แล้ว แต่นี่คือเหตุการณืที่เกิดเฉพาะในเมืองหลวงและเขตรอบๆ เท่านั้นไม่ได้หมายรวมทั้งประเทศ
การตัดสินใจที่รัฐบาลสวีเดนยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายปิดเมืองเนื่องจากสถานะการณ์ของโรงพยาบาลที่ยังมีความสามารถเพียงพอที่จะรับผู้ป่วยอยู่ในขณะนี้จะสังเกตุได้ว่าโรงพยาบาลสนามที่เตรียมการเอาไว้รับมือหากจำนวนผู่วยล้นโรงพบาบาลปกตินั้นยังไม่ได้เปิดทำการจนกระทั้งทุกวันนี้ แต่กระนั้นก็ตามด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตที่ยั่งเพิ่มขึ้นอยู่ทำให้รัฐบาลออกมาประกาศขู่ประชาชนและร้านค้าอีกครั้งในวันนี้ว่า หากไม่ปฏิบัติตนในเรื่องของ Social Distancing ก็จะจำเป็นจะต้องบังคับให้ร้านอาหารหรือบาร์ต้องปิดเหมือนกัน
ประเด็นคือรัฐบาลสวีเดนเคยบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเกิดขึ้นจำนวนหลายพันคนถ้าหากจะเลือกใช้นโยบายนี้ และหากประชาชนสวีเดนยอมรับได้กับการสูญเสียนี้โดยไม่มีใครออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า รัฐบาลสวีเดนถือว่าประชาชนสนับสนุนมาตรการของตน
สถานะการณ์ของโควิดในสวีเดนจะเป็นเช่นไรก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
Christen Drosten นักไวรัสวิทยาชาวเยอรมัน
ตามทฤษกีของ Tegnell เชื่อว่าการกักประชาชนไว้ในบ้านจะไม่สามารถทำได้ตลอดไปซึ่งท้ายที่สุดประชาชนจะออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอย่างปกติอยู่ดี สิ่งที่ Tegnell ตั้งใจไว้ในตอบแรกคือจะปกป้องกลุ่มคนชราและผู้ที่เจ็บป่วยอยู่แล้ว คือกลุ่มเสี่ยงที่สุดเท่านั้นแต่ตอนนี้ยอมรับแล้วว่าทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก จำนวนผู้เสียชีวิติจากโควิดของสวีเดนเกิน 2000 คน ไปแล้วและก็เหมือนประเทศยุโรปอื่นๆ คือ คนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่คือคนชราในบ้านพักคนชราทั้งๆ ที่ประกาศห้ามเยี่ยมแล้วก็ตาม ในจำนวนบ้านพักชราในสต๊อคโฮม 101 แห่งนั้นมีการรายงานการติดเชื้อแล้วจำนวน 76 แห่ง และในจำนวนคนเสียชีวิตกว่า 2 พันคนนั้น กว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้เสียชีวิตในสต๊อคโฮมและส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ผู้อาศัยเป็นผู้อพยพ
ตามข่าวที่ออกมาล่าสุด สำนักงานของ Anders Tegnell เสนอการคำนวณการประเมินการติดเชื้อออกมาผิดพลาดเหมือนกันจนต้องออกมาแก้ไขในอีก 2 วันต่อมาซึ่งสำหรับชาวสวีเดนก็ไม่ได้คิดว่าจะสูญเสียความเชื่อถือในการทำงานของ Tegnell แต่อย่างใด
การที่ตัวเลขสถิติการเสียชีวิตของสวีเดนสูงกว่าประเทศยุโรปเพื่อนบ้านทั้งหมดและสูงกว่าเยอรมนีเมื่อคิดเฉลี่ยจำนวนประชากรคนป่วยต่อประชากร 1 แสนตนเป็นเพราะว่าตัวเลขผู้ป่วยแฝงที่ยังไม่ได้ตรวจยังมีอยู่สูงมาก แต่กระนั้นก็ตามจากการทำการตรวจผู้อาศัยในบ้านพักคนชรา 2 แห่งจำนวน 54 คนพบว่าจำนวน 20 คนมีผลการตรวจพบโควิดแต่คนเหล่านี้ไม่มีอาการเลย ทำให้สวีเดนเชื่อว่าจำนวนคนติดเชื้อจริงๆ นั้นมีจำนวนสูงมากกว่า 25% แล้ว แต่นี่คือเหตุการณืที่เกิดเฉพาะในเมืองหลวงและเขตรอบๆ เท่านั้นไม่ได้หมายรวมทั้งประเทศ
การตัดสินใจที่รัฐบาลสวีเดนยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายปิดเมืองเนื่องจากสถานะการณ์ของโรงพยาบาลที่ยังมีความสามารถเพียงพอที่จะรับผู้ป่วยอยู่ในขณะนี้จะสังเกตุได้ว่าโรงพยาบาลสนามที่เตรียมการเอาไว้รับมือหากจำนวนผู่วยล้นโรงพบาบาลปกตินั้นยังไม่ได้เปิดทำการจนกระทั้งทุกวันนี้ แต่กระนั้นก็ตามด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตที่ยั่งเพิ่มขึ้นอยู่ทำให้รัฐบาลออกมาประกาศขู่ประชาชนและร้านค้าอีกครั้งในวันนี้ว่า หากไม่ปฏิบัติตนในเรื่องของ Social Distancing ก็จะจำเป็นจะต้องบังคับให้ร้านอาหารหรือบาร์ต้องปิดเหมือนกัน
ประเด็นคือรัฐบาลสวีเดนเคยบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเกิดขึ้นจำนวนหลายพันคนถ้าหากจะเลือกใช้นโยบายนี้ และหากประชาชนสวีเดนยอมรับได้กับการสูญเสียนี้โดยไม่มีใครออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า รัฐบาลสวีเดนถือว่าประชาชนสนับสนุนมาตรการของตน
สถานะการณ์ของโควิดในสวีเดนจะเป็นเช่นไรก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
แสดงความคิดเห็น
นั่งดูข่าวเมื่อกี้ สวีเดนใช้นโยบายเปิดเมืองสร้างภูมิต้านทานเหมือนอังกฤษแล้วเหรอครับ
แล้วทำกิจกรรมทุกอย่างตามปกติ มีสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รัฐได้ความว่าที่ไม่ปิดเมืองเหมือนประเทศอื่นๆ
เพราะมีผลกระทบต่อเศารษฐกิจมากเกินไปเป้าหมายคือให้ประชาชน 1 ใน 4 ติดเชื้อ เพื่อสร้างภูมิต้านทาน
ปัจจุบันถ้าจำไม่ผิดตอนนี้สวีเดนมีผู้ติดเชื้อหลักหมื่นแล้วแบบนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบอังกฤษเหรอครับ