แชร์ประสบการณ์รักษาหู (ขี้หูตัน + หูอักเสบ)

สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ในการรักษาหูของเราเอง.....เริ่มจากเรามีอาการหูอื้อและมีเสียงในหู(เสียงเหมือนจั๊กจั่นหรือจิ้งหรีดร้อง)  แต่เราก็ปล่อยไว้เพราะคิดว่าจะหายเอง  ่พอผ่านไปหนึ่งสัปดาห์อาการเหล่านี้ก็ยังไม่หายมันรบกวนการนอนมาก ยิ่งเวลาอยู่ที่เงียบๆยิ่งทำให้เรารำคาญสุดๆ.....จนมีอยู่วันหนึ่งเราต้องไปหาน้องสาวเลยแวะไปโรงพยาบาลเอกชนแถวบ้านน้องสาวซะเลย 
รพ.ที่ 1 พอบอกประชาสัมพันธ์ว่าจะมาหาหมอหู เขาก็บอกว่าหมอกลับไปแล้วนะคะ ให้หมออายุรกรรมดูแทนได้ไหม  ...เราก็ตอบไปว่าได้ค่ะ (เพราะในใจอยากรีบให้หมอดูแล้ว)  พอได้คิวเข้าพบหมอ หมอก็เอาที่ส่องดูในหูมาส่องแล้วก็บอกว่า อ๋อขี้หูตันค่ะ เอายาไปหยอดหูนะ แล้วขี้หูก็จะออกมาเอง....เราก็ดีใจที่แค่ขี้หูตัน เพราะในใจคิดว่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้.... พอถึงบ้านก่อนนอนก็จัดการหยอดยาเลยจ้า (5-10 หยด ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วเอียงหูให้ยาออก)  หยอดครั้งแรกเท่านั้นแหละ หูอื้อกว่าเดิมอีก พระเจ้า!!  แต่ก็คิดในแง่ดีว่าขี้หูคงพองขึ้น แล้วมันคงไหลมาเอง  ก็ทนหยอดไปสามสี่วัน แต่ๆๆๆๆๆ มันไม่มีอาการอะไรที่ดีขึ้นเลยอ่ะ...... (เสียค่าใช้จ่ายไป 730 บาท)
รพ.ที่2 เลยตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแถวที่ทำงาน (เพราะรพ.แรกแถวบ้านน้องมันไกลไป) เป็นหมอเฉพาะทางเลย หมอบอกว่าอ๋อขี้หูตัน เดี๋ยวจะดูดให้  หมอก็เริ่มลงมือดูด ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที  เราก็ถามหมอนะว่าแค่ขี้หูตันใช่มั้ยคะหมอแล้วมีอย่างอื่นด้วยมั้ย  หมอว่าไม่มี หมอพูดเหมือนรีบมาก รีบทำ รีบให้เราออกจากห้อง 😥 .....พอวันรุ่งขึ้นอาการหูอื้อหายไปนะ แต่ยังรู้สึกแน่นๆในหูและยังได้ยินเสียงในหูอยู่ ก็คิดว่าคงจะดีขึ้น..... หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอาการก็ยังเหมือน มันทำให้เรารำคาญ หงุดหงิด กังวลใจมาก (กินอะไรไม่ค่อยลง น้ำหนักลดเลย) กลัวว่ามันจะเป็นอะไรมากกว่านี้ เลยตัดสินใจ ไปโรงพยาบาลเอกชนแถวบ้าน (เสียค่าใช้จ่ายไป 940 บาท)
รพ.ที่3
เราได้มาหาหมอเฉพาะทาง ได้เจอหมอที่เป็นผู้หญิง พูดจาน่ารัก เริ่มแรกหมอจะส่องกล้องดูหูข้างที่ปกติก่อน แล้วจึงมาส่องกล้องดูหูข้างที่ผิดปกติ  จากนั้นหมอก็ทำการดูดขี้หูออก  .....อยากบอกว่ามันเจ็บจี๊ดๆ เจ็บไม่มากนะ แต่แอบเกร็งนิดนึง พอดูดไปได้สักพัก หมอบอกว่า ต้องกลับไปหยอดหูนะ เพราะยังมีขี้หูที่แข็งอยู่ อีกห้าวันหมอนัดมาเจอใหม่นะคะ .....หมอเลยให้ยาฆ่าเชื้อมากิน และให้มาหยอดหู (ให้ใช้ยาจาก รพ.แรก)  ..... (เสียค่าใช้จ่ายไป 1,880 บาท)
- นัดครั้งที่ 1....ห้าวันผ่านไป  ก็มาหาหมอใหม่  หมอก็ทำการดูดขี้หูให้  พอดูดเสร็จ (ไม่เจ็บเท่าครั้งแรกนะ) หมอก็ส่องกล้องให้เราดูรูหูของเราทั้งสองข้าง (เราจะเห็นข้างในหูของเราจากจอมอนิเตอร์ )  ....หมอจะให้ดูหูข้างปกติก่อนแล้วบอกว่า "หูที่ดีจะต้อง เรียบ ไม่แดง เห็นแก้วหูใสๆ"  แล้วหมอก็ย้ายมาส่องกล้องหูข้างที่ผิดปกติ  เราจะเห็นว่ามันอักเสบ บวมแดง ....หมอจึง ให้ยาฆ่าเชื้อมากินอีก ห้ามหูโดนน้ำ และอีกห้าวันก็นัดมาพบใหม่ ... พอกลับไป อาการแน่นหู หูอื้อ ก็หายไป เหลือแต่ยังได้ยินเสียงวิ้งๆเบาๆในหู (เสียค่าใช้จ่ายไป 1,880 บาท)
-นัดครั้งที่ 2 .... หมอก็ส่องกล้องดูในหูและทำการดูดเคลียร์ช่องหูให้ เพราะมีจุดหนองนิดนึง  และก็บอกว่า หมอเห็นเหมือนคราบเชื้อรานิดๆนะ แก้วหูยังอักเสบบวมแดงอยู่ แต่รูหูที่อักเสบดีขึ้น (หมอก็ส่องกล้องให้เราดูรูหูของเราทั้งสองข้างเหมือนเดิม) ....หมอขอให้กลับไปหยอดยาฆ่าเชื้อรา แล้วหมอขอนัดอีกได้ไหมคะ  หมออยากให้แน่ใจกว่านี้  ....เราก็บอกได้ค่ะ ....หมอจัดยาหยอดหูฆ่าเชื้อรา มาหยอด...  สามวันหมอจะนัดใหม่ (หมอบอกว่ายาหยอดฆ่าเชื้อรา ไม่อยากให้หยอดเยอะ) (เสียค่าใช้จ่ายไป 1,880 บาท)
-นัดครั้งที่ 3 ....  หมอส่องดูหูเราทั้งสองข้าง แล้วก็บอกว่า โอเคแล้ว หูหายอักเสบ แก้วหูใสขึ้น ไม่มีสปอร์ของเชื้อราแล้ว หมอไม่นัดแล้วนะคะ  แต่จะให้ยาฆ่าเชื้ออีกตัวไปกิน แล้วก็อย่าให้หูโดนน้ำสักสามสี่วัน..... (เสียค่าใช้จ่ายไป 2,140 บาท เพราะยาตัวใหม่ราคาแพงกว่ายาตัวเก่านิดนึง)

เย้ๆๆๆๆ เรารู้สึกโล่งมากที่มันดีขึ้นสักที....เรื่องหูเนี้ย มันสามารถทำลายความสงบสุขของชีวิตเราได้จริงๆนะ .....หมอแนะนำว่า เราไม่ควรใช้สำลีพันปลายไม้ หรือที่เราเรียกกันว่า คอตตอนบัด เอามาปั่นหู มันทำให้ขี้หูเราถูกดันเข้าไปลึกขึ้นๆ จนเกิดขี้หูตันได้  พอขี้หูตันนานๆ ทำให้หูอักเสบได้  พอเราหยอดยาละลายขี้หูบ่อยๆหูก็เป็นเชื้อราได้ ....สรุป ถ้าเราอาบน้ำแล้วหูเปียกให้เอาผ้าซับแค่ข้างนอกหู  ส่วนขี้หู กลไกของร่างกายมันจะขับออกมาเอง ไม่ต้องไปล้วง แคะ แกะเกาในรูหูเลย
ปล. เราอายุ 31 นะ 😁 และจริงๆเราทำงานเป็ข้าราชการ ถ้ารักษาโรงพยาบาลรัฐก็จะเบิกได้ ...ที่เราหาโรงพยาบาลเอกชนเพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยอยากไปที่คนหนาแน่นเท่า 😂... ค่าใช้จ่ายเลยออกจะสูงนิดนึง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่