ลองดูแค่ trailer ฉากนี้ก็เหมือนล่องลอยอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตเลยทีเดียว
ผู้กำกับ อภิเษก วารมาณ
นักแสดงนำ
อาลีอา ภัต แสดงเป็น รูป เชาว์ดุรี
วรุณ ดาวัณ แสดงเป็น ซาฟาร์
มีนนัคชี สิงหา แสดงเป็น สัตยา เชาว์ดุรี
มธุรี ฑิษิต แสดงเป็น มาดาม บาฮาร์ เบกัม
อาทิตย์ รอย กาปูร์ แสดงเป็น เทพ เชาว์ดุรี
สัณชัย ทัต แสดงเป็น บัลราช เชาว์ดุรี
กุนัล คีมู แสดงเป็น อับดุล ข่าน
อาจิณ กอร์ แสดงเป็น สโรชา
หนังอินเดียนี้เป็นอะไรที่แปลกมากคะปกติเราเป็นคนไม่ชอบดูหนังแนวรักดราม่าไม่ว่าจะสัญชาติไหนเพราะมันน่าเบื่อแต่อินเดียเป็นหนังสัญชาติเดียวที่กี่เรื่องๆก็จะมีplotที่แม้จะเป็นแนวรักแต่มันกลับมีความลุ้นระทึก ตื่นเต้น และก็เซ็กซี่เบาๆได้โดยที่แม้ไม่มีฉากโป้เปลือยเช่นหลายเรื่องที่เราเคยดูมาและประทับใจทั้งที่เป็นแนวรักดราม่าเช่น Jab we met, โซไบดา, ปริณีตาฯลฯ นอกจากนี้ฉากชุดยังให้ความรู้สึกเหงาๆวินเทจแต่ปนความฟรุ้งฟริ้งชวนฝันในเวลาเดียวกัน
ภาพยนต์เรื่อง Kalank กาลัง แปลว่า มลทิน, คลุมเคลือ.....
สปอยเนื้อเรื่อง
ปี1945 สัตยา เชาว์ดุรี เป็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลปัญญาชนตระกูลหนึ่งซึ่งทำอาชีพเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์อิสระสาขาเขียนวิจารณ์การเมืองซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองละฮอฮ์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เธอได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท่ายและจะมีชีวิตอยู่อีกได้ไม่นานสัตยาไม่อยากทิ้งให้ เทพ เชาว์ดุรี สามีของเธอต้องขาดเพื่อนคู่คิดในการทำงานหากเธอตายไป สัตยาจึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองราชปัตนะบ้านเกิดในวัยเด็กของเธอเพื่อหาหญิงสาวที่เพี้ยบพร้อมมาทำหน้าที่ภรรยาแทนเธอหลังจากที่เธอต้องตายไป สัตยาได้พบกับเด็กสาวนามว่า "รูป" เธอเป็นเด็กในหมู่บ้านที่เคยรู้จักกับสัตยาซึ่งไม่ได้สนิทกันแต่รูปเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเรียนจบการศึกษาสูงและท่าทางสงบเสงี่ยม สัตยาจึงทาบทามขอให้รูปแต่งงานกับเทพสามีของเธอหลังจากที่เธอต้องตายเพื่อที่เทพจะได้มีคนช่วยกิจการในตระกูลซึ่งรูปก็ยอมตกลงตามสัตยาขอและตามเธอกลับไปยังตระกูลเชาว์ดุรีที่ละฮอ
ที่คฤหาสน์ตระกูลเชาว์ดุรีประกอบไปด้วยสมาชิกในบ้านคือ เทพ สามีของสัตยา, สโรชา แม่บ้านสาวของตระกูลและ บัลราช พ่อของเทพ…… หลังจากที่สัตยาได้สิ้นชีวิตลง รูปได้พยามทำดีช่วยเหลืองานทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาหน้าที่ของเทพ สามีที่เคยเป็นอดีตสามีของสัตยาแต่เทพก็ไม่เคยเห็นเธอเหมือนภรรยา เทพบอกกับรูปว่าเขาและเธอจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นและจะไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาเพราะสัตยาเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่เขารักในฐานะภรรยาและไม่สามารถรักคนอื่นได้อีก
รูปอายุยังน้อยเธอจึงรู้สึกผิดหวังที่โดนปฏิเสทรักและไม่เคยได้รับการเอาใจใส่จากเทพเลย เธอจึงหันไปหาความสุขจากการร้องรำทำเพลงตามประสาเด็กสาวจึงทำให้เธอได้ไปพบกับ
บาฮาร์ เบกัม สาวใหญ่ใจดีรูปงามชาวมุสลิมปาทานที่มีอาชีพเป็นแม่เล้าของหญิงงามเมืองชั้นสูงและเป็นเจ้าของวังแห่งความเริงรมย์เธอมีความสามารถในการร้องและรำได้สวยงามที่สุดในเมือง ท่ามกลางการตักเตือนจากสโรชาสาวใช้ที่ติดตามรูปเวลาออกนอกบ้านแต่รูปก็หาฟังไม่ เด็กสาวชื่นชมในการแสดงร้องรำของบาร์ฮา และขอให้สาวใหญ่ช่วยสอนเธอรำบ้าง…… นอกจากนี้รูปยังได้ไอเดียแหวกแนวจากการมาเห็นชีวิตที่สวยงามของโสเภณีชั้นสูงเอาไปเขียนลงในหนังสือเพื่อตีพิมพ์ในสำนักพิมพ์ของตระกูลสามีอีกด้วย
ในระหว่างนั้นหญิงสาวออกเที่ยวนอกบ้านเพื่อหาความสุขเพราะสามีไม่สนใจเป็นเหตุให้เธอได้บังเอิญไปพบกับ ซาฟาร์ ช่างตีเหล็กหนุ่มรูปหล่อชาวมุสลิมซึ่งมีท่าทางเจ้าชู้ซึ่งเขาก็ได้ตามก้อล่อก้อติกรูปจนเธอรู้สึกมีใจให้เขาโดยที่หารู้ไม่ว่านี้เป็นเพียงแค่แผนการแก้แค้นของซาฟาร์ที่มีต่อตระกูลเชาว์ดุรีเท่านั้น ซาฟาร์จริงๆแล้วเป็นลูกชายที่เกิดกับบัลราชพ่อของเทพที่เคยนอกใจภรรยามาติดพัน บาฮาร์ เบกัม โสเภณีชั้นสูงผู้เป็นแม่ของเขาจนทำให้เธอตั้งครรภ์ได้ซาฟาร์ออกมาและเขากลายเป็นลูกที่ไม่มีพ่อและใช้ชีวิตแบบหนุ่มเสเพลในขณะที่เทพลูกชายที่เกิดกับภรรยาตามประเพณีกลับเสวยสุขอยู่ในครอบครัว ซาฟาร์จึงคิดที่จะทำลายบัลราชและเทพพี่ชายต่างมารดาโดยการตามเกี้ยวพาราสีรูปเมื่อรู้ว่าเธอเป็นสะใภ้ของบ้านนี้เพื่อที่จะทำให้เธอมีใจให้เขาและทำผิดประเพณีให้ตระกูลเชาว์ดุรีต้องเสื่อมเสีย
นอกจากนี้ในเวลาต่อมาไม่นานอังกฤษได้คืนเอกราชให้แก่อินเดียและปากีสถานแต่ปัญหาทางการเมืองกลับแย่ยิ่งกว่าตอนเป็นเมืองขึ้นเพราต้องมีการแบ่งเขตประเทศอินเดียและปากีสถานซึ่งถูกเรียกกระบวนการเรียกร้องให้เกิดแนวคิดนี้ว่า partition of India พลเมืองไม่สามารถตกลงเขตแดนกันได้ในรัฐปัญจาบและรัฐเบงกอลเพราะมีประชาชนสองประเทศอยู่ปนกันมาตั้งแต่ตอนเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ อังกฤษจึงใช้วิธีแบ่งเขตแดนที่มีปัญหาทั้งสองแห่งนี้โดยวัดจากเขตที่มีคนมุสลิมอยู่เยอะกว่าให้กลายเป็นส่วนของปากีสถานกับบังกลาเทศ และส่วนที่มีชาวฮินดูกับซิกข์ให้กลายเป็นของอินเดียทำให้ประชากรอินเดียฮินดูกับซิกข์ที่อาศัยอยู่เดิมในเขตที่มีมุสลิมเยอะถูกคว่ำบาดโดยชาวมุสลิมปาทาน…..ซาฟาร์รู้ดีว่าทั้งบัลราชและเทพเป็นฮินดูที่อาศัยอยู่ในเขตมุสลิมและแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องต่อต้านกฏการแบ่งเขตใหม่นี้แน่ ซาฟาร์จึงได้ยุยงให้ อับดุล ข่าน เพื่อนของเขาให้เกลียดชังชาวซิกข์และฮินดูในชุมชนและปลุกปั่นชมชุนให้สนับสนุนการแยกประเทศอินเดียทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
I
ในขณะเดียวกันซาฟาร์ก็เกาะติดตามดูชีวิตประจำวันของรูปเพื่อสร้างความสนิทสนมกับเธอเพื่อให้ครอบครัวสามีดูเสื่อมเสียจนในที่สุดบัลราชก็เห็นพฤติกรรมที่ไม่งามนี้จนทนไม่ไหวเขาต้องออกมาเผชิญหน้ากับบาฮาร์ เบกัม และ ซาฟาร์ เพื่อบอกให้บาฮาร์ เบกัม หยุดพฤติกรรมของซาฟาร์ผู้เป็นลูกชาย….. บาฮาร์ เบกัม แม้จะเป็นหญิงงามเมืองชั้นสูงแต่ก็เป็นคนดีและพยามเตือนรูปไม่ให้ใกล้ชิดกับซาฟาร์แต่รูปกลับยอมรับความจริงว่าเธอยอมรับในการแต่งงานกับเทพแต่เธอไม่ได้รักเทพและเธอหลงรักซาฟาร์เข้าแล้วโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นแค่แผนการทำลายเธอและครอบครัวสามี
ในระหว่างนั้นเองการประกาศแบ่งเขตแดนอินเดีย ปากีสถาน และ บังกลาเทศ ก็เกิดขึ้นจริงตามการปลุกปั่นของซาฟาร์และอับดุลเพื่อนของเขา บรรดาชาวมุสลิมเชื้อสายปากีสถานจึงขับไล่เข่นฆ่าคนที่นับถือศาสนาฮินดูและซิกข์ที่อยู่ในเขตแดนที่ถูกประกาศให้เป็นของปากีสถานทำให้ครอบครัวเชาว์ดุรีของบัลราชต้องรีบหนีออกจากเมืองและมุ่งหน้าไปยังเมืองที่อยู่ในเขตแดนอินเดียซึ่งใกล้ที่สุดคือเมืองอมริตสา หลังจากที่ซาฟาร์รู้ความในใจว่ารูปหลงรักเขาเข้าจริงๆเขาก็รู้สึกสำนึกผิดและสารภาพกับเธอว่าเขาเองก็รักเธอเช่นกันและเปลี่ยนข้างมาช่วยเหลือครอบครัวเชาว์ดุรีในการหลบหนีออกนอกเมือง…… ทำให้อับดุลเพื่อนของซาฟาร์ที่ร่วมกันปลุกปั่นชุมชนในการประกาศแยกดินแดนโกรธมากจึงตามไล่ล่าชายหนุ่ม….. สโรชาสาวใช้ของรูปหนีไม่ทันจึงโดนแทงตายอย่างทารุณในขณะที่ซาฟาร์ช่วยรูปและเทพพี่ชายต่างมารดากับพ่อให้หนีขึ้นรถไฟทันแต่ตัวเขาโดนอับดุลเพื่อนร่วมขบวนการแทงตายอย่างสาหัสในขณะที่เห็นรูปครั้งสุดท้ายบนรถไฟ เรื่องราวจบลงหลังจากนั้น10ปีให้หลังรูปได้เล่าเรื่องราวในอดีตสมัยที่เธอยังเป็นเด็กสาวและเหตุการณ์ความรักในระยะเวลาช่วงสั้นๆที่เกิดขึ้นในช่วงการแบ่งแยกแคว้นปัญจาบให้นักข่าวฟัง
เล่าประวัติศาสตร์ผ่านรีวิวหนังอินเดียที่วิจิตรศิลป์มาก kalank
สปอยเนื้อเรื่อง
ปี1945 สัตยา เชาว์ดุรี เป็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลปัญญาชนตระกูลหนึ่งซึ่งทำอาชีพเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์อิสระสาขาเขียนวิจารณ์การเมืองซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองละฮอฮ์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เธอได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท่ายและจะมีชีวิตอยู่อีกได้ไม่นานสัตยาไม่อยากทิ้งให้ เทพ เชาว์ดุรี สามีของเธอต้องขาดเพื่อนคู่คิดในการทำงานหากเธอตายไป สัตยาจึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองราชปัตนะบ้านเกิดในวัยเด็กของเธอเพื่อหาหญิงสาวที่เพี้ยบพร้อมมาทำหน้าที่ภรรยาแทนเธอหลังจากที่เธอต้องตายไป สัตยาได้พบกับเด็กสาวนามว่า "รูป" เธอเป็นเด็กในหมู่บ้านที่เคยรู้จักกับสัตยาซึ่งไม่ได้สนิทกันแต่รูปเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเรียนจบการศึกษาสูงและท่าทางสงบเสงี่ยม สัตยาจึงทาบทามขอให้รูปแต่งงานกับเทพสามีของเธอหลังจากที่เธอต้องตายเพื่อที่เทพจะได้มีคนช่วยกิจการในตระกูลซึ่งรูปก็ยอมตกลงตามสัตยาขอและตามเธอกลับไปยังตระกูลเชาว์ดุรีที่ละฮอ
I