สิ่งที่ส่งผลกระทบ คือ การพบเจอที่น้อยลง ถ้าเมมแกรดแล้ว กลับไปชีวิตปกติ แบบคนธรรมดา แน่นอนเราอาจเจอพวกเขาได้แค่ในโซเซียล
ส่วนคนที่ไปต่อในวงการบันเทิง เรายังมีโอกาสได้เจอ แต่อาจจะน้อยกว่าตอนที่อยู๋ในวง เพราะจะเจอได้แค่ตามงานอีเว้นต์ ซึ่งในวงการบันเทิง ถ้าเทียบกับดาราที่เป็นนักแสดง กับ นักร้อง เราอาจเจอนักร้องได้บ่อยกว่า เพราะนักร้องบางคน มีงานร้องเพลง แทบทุกวันใน 1 เดือน ส่วนนักแสดงจะมีก็แค่ โฆษณา หนัง ละคร สินค้า ที่ต้องไปโปรโมต ซึ่งก็รอดูในอนาคตว่า ถ้าใครแกรดไปแบบอิสระ ต้องลุ้นว่าจะเจอบ่อยไหม เช่น แจนจัง กับ แคนแคน แต่ถ้าใครต่อสัญญา iAM48 หลังจากแกรด เราก็อาจจะมีหวังว่าจะเจอบ่อย เพราะอย่างน้อยผู้บริหารก็เป็นชุดเดียวกับ BNK48 และยังมีคอนเนคชั่นเยอะด้วย ถ้าเปรียบเทียบในเรื่องงานอนาคต ถ้า iAM48 ทำได้เหมือน นาดาวบางกอก คงดีไม่ใช่น้อย เพราะว่านักแสดงแต่ละคน มีงานเข้ามาแทบทุกเดือน แถมต่อเดือนมีมากกว่า 7-8 งาน ซึ่งเยอะกว่าตอนอยู่ในวงอีกถ้านับเป็นรายบุคคล แถมกระจายงานได้ดีกว่า แต่ก็ขึ้นกับจำนวนคน ถ้ามีไม่มาก ก็อาจจะกระจายงานดี
ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าแฟนคลับแต่ละคน จะเข้าถึงเมมเบอร์ยากไหม ถ้าจบงานอีเว้นต์แต่ละที่ เพราะจะมีสิ่งที่ต่างไปจากตอนอยู่ในวง คือ เราอาจได้ใกล้ชิดกับเมมเบอร์ มากกว่าตอนอยู่ในวง อย่างนี้ในแต่ละงานคนจะเยอะขึ้นไหม หรือ เป็นไปตามพื้นที่ แล้วเมมเบอร์จะเซอร์วิชแฟนคลับได้ครบทุกคนไหม ถ้าจำนวนคนเพิ่ม จากการที่ผมตามดาราศิลปิน มาหลายอีเว้นต์ ก็จะพบว่าหลังจบงานไปแล้ว พวกดาราศิลปินก็จะมีเวลาให้แฟนคลับ ประมาณอีกชม.นึงได้ เพื่อพูดคุย ถ่ายรูป แจกลายเซ็น แต่อาจจะไม่ทุกงาน ถ้ามีงานต่อที่อื่น แต่ถ้าเป็นงานที่ออกคนเดียวหรืออกหลายคน แต่วันนั้นมีงานที่เวลาห่างกัน หรือมีงานเดียว ก็มีหวังว่าจะเซอร์วิชแฟนคลับได้ครบ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ผู้จัดการด้วยไหม แอบกลัวว่าจะอยู่ไม่นานแล้วก็กลับ
แต่อย่างที่พูดไป ในกรณีคนแกรดไปแล้วไม่ได้ไปต่อในวงการบันเทิง คนที่ตามเมมเบอร์คนนั้นนี่จะทำยังไงต่อ ถ้าเราตันโอชิ หรือ เป็น คามิโอชินี่ จะรู้สึกกันยังไงหรอครับ จะเปลี่ยนไปตามคนอื่นไหมหรือตามคนอื่นเพิ่ม แต่ก็ยังตามเมมเบอร์ที่ชอบเหมือนเดิม แต่อาจจะเจอได้แค่ในโซเซียล หรือไม่ตามใครเพิ่มเลย ก็ตามคนที่ชอบคนเดียวเหมือนเดิม
สิ่งที่จะตามมาหลังจากเมมเบอร์แกรด ที่ส่งผลต่อแฟนคลับ
ส่วนคนที่ไปต่อในวงการบันเทิง เรายังมีโอกาสได้เจอ แต่อาจจะน้อยกว่าตอนที่อยู๋ในวง เพราะจะเจอได้แค่ตามงานอีเว้นต์ ซึ่งในวงการบันเทิง ถ้าเทียบกับดาราที่เป็นนักแสดง กับ นักร้อง เราอาจเจอนักร้องได้บ่อยกว่า เพราะนักร้องบางคน มีงานร้องเพลง แทบทุกวันใน 1 เดือน ส่วนนักแสดงจะมีก็แค่ โฆษณา หนัง ละคร สินค้า ที่ต้องไปโปรโมต ซึ่งก็รอดูในอนาคตว่า ถ้าใครแกรดไปแบบอิสระ ต้องลุ้นว่าจะเจอบ่อยไหม เช่น แจนจัง กับ แคนแคน แต่ถ้าใครต่อสัญญา iAM48 หลังจากแกรด เราก็อาจจะมีหวังว่าจะเจอบ่อย เพราะอย่างน้อยผู้บริหารก็เป็นชุดเดียวกับ BNK48 และยังมีคอนเนคชั่นเยอะด้วย ถ้าเปรียบเทียบในเรื่องงานอนาคต ถ้า iAM48 ทำได้เหมือน นาดาวบางกอก คงดีไม่ใช่น้อย เพราะว่านักแสดงแต่ละคน มีงานเข้ามาแทบทุกเดือน แถมต่อเดือนมีมากกว่า 7-8 งาน ซึ่งเยอะกว่าตอนอยู่ในวงอีกถ้านับเป็นรายบุคคล แถมกระจายงานได้ดีกว่า แต่ก็ขึ้นกับจำนวนคน ถ้ามีไม่มาก ก็อาจจะกระจายงานดี
ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าแฟนคลับแต่ละคน จะเข้าถึงเมมเบอร์ยากไหม ถ้าจบงานอีเว้นต์แต่ละที่ เพราะจะมีสิ่งที่ต่างไปจากตอนอยู่ในวง คือ เราอาจได้ใกล้ชิดกับเมมเบอร์ มากกว่าตอนอยู่ในวง อย่างนี้ในแต่ละงานคนจะเยอะขึ้นไหม หรือ เป็นไปตามพื้นที่ แล้วเมมเบอร์จะเซอร์วิชแฟนคลับได้ครบทุกคนไหม ถ้าจำนวนคนเพิ่ม จากการที่ผมตามดาราศิลปิน มาหลายอีเว้นต์ ก็จะพบว่าหลังจบงานไปแล้ว พวกดาราศิลปินก็จะมีเวลาให้แฟนคลับ ประมาณอีกชม.นึงได้ เพื่อพูดคุย ถ่ายรูป แจกลายเซ็น แต่อาจจะไม่ทุกงาน ถ้ามีงานต่อที่อื่น แต่ถ้าเป็นงานที่ออกคนเดียวหรืออกหลายคน แต่วันนั้นมีงานที่เวลาห่างกัน หรือมีงานเดียว ก็มีหวังว่าจะเซอร์วิชแฟนคลับได้ครบ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ผู้จัดการด้วยไหม แอบกลัวว่าจะอยู่ไม่นานแล้วก็กลับ
แต่อย่างที่พูดไป ในกรณีคนแกรดไปแล้วไม่ได้ไปต่อในวงการบันเทิง คนที่ตามเมมเบอร์คนนั้นนี่จะทำยังไงต่อ ถ้าเราตันโอชิ หรือ เป็น คามิโอชินี่ จะรู้สึกกันยังไงหรอครับ จะเปลี่ยนไปตามคนอื่นไหมหรือตามคนอื่นเพิ่ม แต่ก็ยังตามเมมเบอร์ที่ชอบเหมือนเดิม แต่อาจจะเจอได้แค่ในโซเซียล หรือไม่ตามใครเพิ่มเลย ก็ตามคนที่ชอบคนเดียวเหมือนเดิม