ในที่สุด เกมที่คอเกมหลายคนรอคอยมากที่สุดอย่าง Final Fantasy 7 Remake ภาคย่อยแรกก็วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็คงจะมีหลายคนอยากหาอุปกรณ์เสริมมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ที่จะได้จากตัวเกมให้สมการรอคอย ในบทความนี้ผมก็มี 2 อุปกรณ์เสริมสำหรับ PS4 จาก HyperX มาแนะนำครับ โดยชิ้นแรกคือหูฟัง HyperX Cloud PS4 ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้เล่นเกมในเครื่อง PS4 ที่สุด ส่วนอีกชิ้นก็คือแท่นชาร์จจอย HyperX ChargePlay Duo ที่ช่วยเติมพลังให้กับจอยควบคุมได้ถึง 2 อันพร้อมกัน


หูฟัง HyperX Cloud PS4

หูฟัง HyperX Cloud PS4 ก็จะเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานร่วมกับเครื่องเกม PS4 โดยตรงครับ ตัวแพ็คเกจก็จะเน้นสีขาว-น้ำเงิน รวมถึงตัวหูฟังเองก็จะนำสีน้ำเงินมาใช้ด้วย เพื่อสื่อว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับ PS4

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมีแค่ตัวหูฟัง ก้านไมค์แบบที่สามารถถอด/เสียบกับตัวหูฟังได้ แล้วก็เอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น โดยตัวหูฟังก็จะมีขนาดไล่เลี่ยกับกล่องเกม PS4 ครับ

สเปคของ HyperX Cloud PS4 ที่น่าสนใจก็เช่น
·         ไดรเวอร์ขนาด 53 มม. แบบไดนามิก พร้อมแม่เหล็กนีโอดีเนียม
·         รองรับความถี่เสียงในช่วง 15 Hz – 25,000 Hz
·         ความต้านทาน 41 โอห์ม
·         น้ำหนัก 325 กรัม (ไมค์ 12 กรัม)
·         สายถัก ยาว 1.3 เมตร ปลายสายเป็นแจ็ค 3.5 มม. แบบ 4 ตอน
·         ไมโครโฟนรองรับเสียงในช่วงความถี่ 50 Hz – 18,000 Hz มีระบบช่วยตัดสัญญาณรบกวน


ตัวหูฟัง HyperX Cloud PS4 ใช้โครงสร้างที่ทำมาจากอลูมิเนียม ซึ่งมีคุณสมบัติทั้งในด้านความทนทาน และน้ำหนักที่เบา ที่ฝั่งนอกของที่ครอบหูจะมีโลโก้ HyperX สีน้ำเงิน ส่วนที่บริเวณก้านก็จะมีโลโก้ PlayStation ด้วย

ก้านไมค์แบบถอดได้ ที่ปลายจะเป็นแจ็ค 3.5 มม. สำหรับเสียบกับที่ครอบหูฝั่งซ้าย ตัวก้านสามารถงอเพื่อปรับระยะห่างระหว่างไมค์กับปากผู้ใช้งานได้ด้วย

เมื่อประกอบไมค์เข้าไปแล้ว ตัวหูฟังก็ยังมีน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไปครับ สามารถใช้งานเป็นชั่วโมง ๆ ได้สบาย

ที่ด้านในแต่ละฝั่งจะมีสกรีนไว้ให้เรียบร้อยว่าฝั่งใดคือข้างซ้ายและขวา ส่วนที่ครอบหูจะเป็นเมมโมรีโฟมที่ให้ความนุ่มสบาย สามารถครอบใบหูได้ทั้งหมด นอกจากนี้ด้านในสุดยังบุด้วยฟองน้ำที่มีความหนา เพื่อการให้เสียงที่นุ่มยิ่งขึ้น

ก้านหูฟังฝั่งนอกจะมีการเย็บในแบบหนัง พร้อมโลโก้ HyperX ขนาดใหญ่

ฝั่งในจะเป็นเมมโมรีโฟมเช่นเดียวกับที่ครอบหูครับ ทำให้เวลาใส่แล้วไม่รู้สึกกดทับศีรษะเท่าไหร่

ที่สายจะมีรีโมทควบคุมติดมาให้ โดยสามารถปรับระดับเสียง และมีปุ่มเปิด/ปิดไมค์มาให้ด้วย

การใช้งานหูฟัง HyperX Cloud PS4 ก็ง่ายมากครับ แค่เสียบแจ็ค 3.5 มม. เข้าไปในช่องเสียบที่อยู่ด้านล่างของจอย จากนั้นระบบจะจัดการย้ายเสียงมาออกที่หูฟังให้อัตโนมัติ หรือถ้าหากต้องการนำหูฟังไปใช้กับอุปกรณ์อื่นก็ทำได้สะดวก เพราะการใช้แจ็ค 3.5 มม. นั่นเอง

เสียงที่ได้จากหูฟัง HyperX Cloud PS4 เท่าที่ผมลองกับในเกม Final Fantasy 7 Remake ก็รู้สึกว่าเสียงมาค่อนข้างครบถ้วนเลย จุดที่ดีคือการจำลองเสียงคนจากทิศทางต่าง ๆ รอบตัวละครที่ทำได้อย่างมีมิติ

ส่วนจุดที่ยังขาดไปนิดหน่อยของ HyperX Cloud PS4 ก็เช่น ตัวที่ครอบหูไม่สามารถพับให้ราบไปกับก้านได้ เลยอาจจะทำให้การเก็บค่อนข้างลำบากนิดนึง และก็สายหูฟังไม่สามารถถอดได้ครับ แต่ในเรื่องงานประกอบโดยรวมนี่จัดว่าทำมาได้ดีมาก ๆ

แท่นชาร์จจอย HyperX ChargePlay Duo

อุปกรณ์เสริมอีกชิ้นก็คือ HyperX ChargePlay Duo แท่นชาร์จจอย PS4 ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน จากที่ปกติต้องไปหาสาย Micro USB มาใช้ ส่วนการจะชาร์จก็แล้วแต่ว่าจะชาร์จกับเครื่อง PS4 เอง หรือจะนำไปชาร์จกับอะแดปเตอร์อื่น ๆ ก็ได้ แต่ก็แน่นอนว่าจะชาร์จได้ทีละจอยเท่านั้น หากต้องการชาร์จ 2 จอยพร้อมกันก็ต้องหาสายมา 2 เส้น

แต่ตัว ChargePlay Duo จะเป็นแท่นชาร์จที่มีช่องสำหรับชาร์จจอย PS4 ได้พร้อมกัน 2 อัน ช่วยลดเวลาในการชาร์จได้ดีมาก ๆ

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง HyperX ChargePlay Duo ก็จะมีแค่ตัวแท่นชาร์จ อะแดปเตอร์จ่ายไฟ และก็เอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ตัวแท่นชาร์จเองก็ใช้วัสดุหลักเป็นพลาสติกผิวด้าน มีโลโก้ HyperX ส่วนด้านในจะเป็นพลาสติกผิวมันวาวสีดำ

ขนาดของแท่น HyperX ChargePlay Duo เมื่อเทียบกับกล่องแผ่นเกม PS4 ตามภาพด้านบนครับ ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 285 กรัม การเฉลี่ยน้ำหนัก สมดุลต่าง ๆ ทำออกมาได้ดีมาก ทำให้สามารถวางแท่นได้อย่างหนักแน่น จะหยิบจอยมาเสียบชาร์จ หรือหยิบจอยออกมาก็ไม่ต้องกลัวแท่นเลื่อนไปเลื่อนมาเลย

อะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องสามารถจ่ายไฟได้ 5V 2A สายไฟยาว 1.8 เมตร

ส่วนช่องเสียบสายจากอะแดปเตอร์จะอยู่ในช่องที่ฐานครับ โดยหัวเสียบจะเป็นขั้วรูปตัว L ทำให้สามารถติดตั้งได้ง่ายมาก นอกจากนี้ที่ฐานยังมีการติดแถบยางกันลื่นมาให้รอบแท่นอีกด้วย เพื่อป้องกันการลื่นเมื่อวางบนพื้นผิวต่าง ๆ

ขั้วชาร์จไฟให้กับจอย PS4 จะเป็นขั้ว EXT ที่เสียบกับพอร์ตยาว ๆ ตรงใต้จอยได้พอดี

เมื่อเสียบจอย PS4 ลงไปแล้ว ตัวจอยจะยึดติดกับแท่นได้แบบฟิตพอดี แต่ถ้าใครที่ใช้เคสซิลิโคนหุ้มจอยอยู่อาจจะลำบากนิดนึงครับ

อีกจุดที่น่าสนใจคือ แต่ละฝั่งจะมีจอ LED แสดงสถานะการชาร์จให้ด้วย หากชาร์จเต็มแล้ว ภาพจะเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่เต็ม 3 ขีด

ใครที่มีจอย 2 อันก็เสียบลงไปพร้อมกันได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะชนกัน

เมื่อใช้ HyperX ChargePlay Duo ก็ต้องบอกว่ามันช่วยเพิ่มความสะดวกให้ได้ดีจริง ๆ ครับ เล่นเสร็จก็นำจอยมาเสียบชาร์จได้เลย ไม่ต้องมาเสียบสายชาร์จให้วุ่นวาย ส่วนระยะเวลาในการชาร์จก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแบตที่เหลืออยู่ โดยตามสเปคระบุว่าใช้เวลาชาร์จนานสุด 2 ชั่วโมง ซึ่งน่าจะเป็นกรณีในการชาร์จ 2 จอยพร้อมกัน แต่ทางผมเองมีจอยแค่อันเดียว เลยอาจจะทดสอบในส่วนนี้ได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่ถ้าดูจากสเปคก็พอจะเดาได้ว่าไม่น่าจะใช้เวลานานกว่าการชาร์จผ่านพอร์ต Micro USB แน่ ๆ แถมอาจจะเร็วกว่านิดนึงด้วย

ก็นับว่าเป็น 2 อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องเกม PlayStaion 4 ที่ลงตัวกับการหามาใช้ในการเล่นเกม Final Fantasy 7 Remake รวมถึงเกมอื่น ๆ ด้วยความสามารถและความสะดวกในการใช้งาน อย่างฝั่งของหูฟัง HyperX Cloud PS4 ที่สามารถใช้กับจอย PS4 ได้อย่างง่ายดาย เสียงที่ได้ก็ครบถ้วน มีมิติ ดีไซน์ลงตัว งานประกอบมีคุณภาพ

ส่วนแท่นชาร์จ HyperX ChargePlay Duo ก็มาพร้อมกับดีไซน์ที่เหมาะกับการวางข้างเครื่อง PS4 ในมุมเล่นเกมของคุณ แถมยังเป็นแท่นวางจอยที่ช่วยจัดระเบียบพื้นที่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย สำหรับราคาของแต่ละชิ้นก็มีดังนี้ครับ
·         หูฟัง HyperX Cloud PS4 ช่วงนี้มีโปรโมชันพิเศษ ลดเหลือเพียง 2,190 บาท
·         แท่นชาร์จ HyperX ChargePlay Duo ช่วงนี้มีโปรโมชันพิเศษ ลดเหลือเพียง 890 บาท

สามารถหาซื้อได้จากร้านตัวแทนจำหน่าย รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ได้เลย นอกจากนี้สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ HyperX ได้ที่ https://hyperx.gg/34ftHE5