วางแผนการสอบ

คุณจะทำตามผม หรือจะวางแผนเองก็ได้นะครับ อันนี้คงแล้วแต่ Risk Management ของแต่ละคน แต่สำหรับผมจะวางแผนดังนี้

- ต้องเข้าใจตลาดในช่วงนี้ก่อน (มีนาคม 2020) ตลาดช่วงนี้เหวี่ยงแรงมาก Range กว้างมาก ตลาดวิ่งเร็วมาก เนื่องจากความไม่แน่นอนเรื่อง Covid-19 นี่คือตลาดที่เรากำลังเผชิญอยู่
- เนื่องจาก Target คือ 3,000 แล้วต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 วัน แปลว่าเราไม่ต้องรีบให้ถึง Target ก็ได้ครับ เวลาเหลือเฟือ
- ผมจะเทรด E-Mini S&P 500 (ES) เป็นหลัก เพราะผมเทรดเป็นประจำอยู่แล้ว
- ณ เวลาที่สอบนี้ Volatility สูงมาก ตลาดมี Range กว้างมาก และวิ่งเร็วมาก รวมถึงเราไม่ต้องรีบเนื่องจากมีเวลาอย่างน้อย ๆ 5 วัน เพราะฉะนั้นผมจะเทรดเพียงแค่ครั้งละ 1 สัญญาเท่านั้นซึ่งเป็นสัญญาต่ำสุดแล้ว แล้วก็จะเทรดแค่ครั้งละ 1 สัญญา ทั้ง Step 1 และ Step 2 ด้วย
- เหตุผลเพราะ
          _Stop Loss ที่ Make Sense ตอนนี้ของ ES อยู่ที่ประมาณ 10 Points ซึ่ง 1 points ถ้าเทรด 1 สัญญาจะเท่ากับ $50 เหรียญ 10 points ก็จะเท่ากับ 500 เหรียญ
          _ซึ่งถ้าวันไหนเทรดแรกเสีย ในวันนั้นแทบจะต้องหยุดเทรดไปเลย ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงที่จะสอบตกสูงมาก เนื่อจากเรามี daily limit loss อยู่ 1000 แล้วยังมี Drawdown อยู่อีก 2000 เสียแค่เทรดเดียวเท่ากับ 1 ใน 4 ส่วนของ Max drawdown เลย
- จะต้องรอจนกว่าจะเห็น Trade Setup ที่ชัด ๆ และมีเปอร์เซ็นต์สูงเท่านั้น อะไรที่ 50/50 ต้องหลีกเลี่ยงเพราะ Money Management Rule ของเค้าค่อนข้างรัดตัวมากทีเดียว
- จำนวนครั้งในการเทรดต่อวัน อาจจะต้องมากกว่าในภาวะปกติ เพราะเราจะ Hold Trade แต่ Trade นาน ๆ ไม่ได้ เนื่องจากตลาดเหวี่ยงเกินไป บางเทรดอาจจะต้องออกเมื่อได้ 2 - 3R
- เทรด ES ตอนนี้ ถ้าถูกทางเพียงเทรดเดียวเล็ก ๆ ก็แทบจะได้เทรดละ 1000 แบบไม่ยากเลย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่ต้องรีบนะครับ

Ok ตามนั้น

แล้วสิ่งที่เห็นในรูปนี้คือผลงานจากการสอบของผมใน Step 1



- ผมใช้ชื่อ Profile ว่า thaifxsignal เพราะกำลังคิดว่าจะทำเว็บกับ facebook page ชื่อนี้อยู่พอดีครับ
- จะเห็นว่าในระหว่างที่สอบถ้าคุณผ่านข้อไหนแล้วข้อนั้น ๆ ก็จะโดนติ๊กถูกนะครับ



- พอมาดูกราฟจะเห็นว่าผมใช้เวลาทั้งหมด 6 วัน โดยมี Win Rate เพียงแค่ 50% เท่านั้นก็สามารถทำกำไรใน 6 วันได้ $US 3,889.90 จากการเทรดเพียงครั้งละ 1 สัญญา
- อย่างที่เคยบอกในคอร์ส รวมถึงที่พูดในสัมนาหลาย ๆ สถานที่นะครับว่า เราไม่จำเป็นต้องมีวิธีเทรดที่มี Win Rate ขนาด 80 - 90% ก็ได้ ตราบใดที่วิธีเทรดของเรา เวลาเสีย ๆ แค่ 1 ส่วน แต่เวลาได้ ๆ มากกว่า 2 ส่วนขึ้นไป เพราะแค่เราทำ Win Rate ได้ 40% แค่นั้นก็สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนแล้ว
- ผมไม่ได้เก่งอะไรนักหนาหรอกนะครับ แต่ผมมั่นใจในวิธีเทรดของตัวเองเนื่องจากพิสูจน์มาหลายปีแล้วในทุก ๆ วัน ว่าถ้าเสียจะเสียแค่ 1 ส่วน แต่ถ้าได้จะได้มากกว่า 2 - 3 ส่วนจากความเสี่ยง ผมจึงไม่มีความกดดันอะไรมากมายในการเทรด เพราะผมรู้ว่า ตราบใดที่ผมใช้วิธีนี้อยู่ ในระยะยาวผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรครับ



- ตามที่เห็นผมเทรดแต่ E-Mini S&P 500 อย่างเดียวเลย เพราะในความรู้สึกของผม ถึงแม้ตลาดจะบ้าคลั่งแต่ ES เป็นตลาดที่มี Volume สูงมาก เพราะฉะนั้นตลาดมันก็ยังวิ่งตาม Structure อยู่เป็นส่วนใหญ่
- พอมาดูรายละเอียดในแต่ละวัน ซึ่งอย่างที่บอกว่าช่วงนี้การเทรดต้องระมัดระวังอย่างสูง
- ขึ้นชื่อว่า Day Trading การเสียเป็นเรื่องปกติ เราต้องรับให้ได้ เมื่อเสียอย่าหวังจะเอาคืนแบบรวดเร็ว รอจังหวะหา Trade Setup ดี ๆ แล้วค่อย ๆ เทรดไป
- ซึ่งในวันสุดท้าย ตลาดบ้าคลั่งมาก ตลาดหยุดเทรดเป็นช่วง ๆ เพราะตลาดนั้น Hit Limit Down -5% และ -7% ผมเองก็เกือบแย่เหมือนกัน รวมถึง Over Trade ด้วย เกือบจะตกอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเทรดสุดท้ายนั้นได้มาเกือบ 4 พันเหรียญ ก็เลยผ่านมาได้
- ซึ่งหลาย ๆ คนจะเห็นว่า เทรดสุดท้ายอาจจะฟลุ๊คใช่มั๊ยครับ  Topstep เค้าก็คิดครับ เค้าเลยต้องมี Step 2 ที่มีกติกา เคี่ยวขึ้นไปอีกไงครับ

หลังจากผ่าน Step 1 คุณก็จะได้เมล์ 2 ฉบับ
ฉบับแรก ก็เป็นเมล์ประมาณว่าแสดงความยินดี



ฉบับที่ 2 ก็จะบอกว่ากฏกติกาเพิ่มมีอะไรให้เข้าไปศึกษาตาม Link



มาต่อ Step 2 ใน Part. 5 ครับ

บทความต้นฉบับ https://bit.ly/3a47bzr