รอบนี้กลับมารีวิวกระทู้ขี่รถเที่ยวในประเทศกันต่อ หลังจากว่างเว้นไม่เขียนต่อมานาน คราวนี้เป็นการมาเล่าประสบการณ์และเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมตระเวนขี่รถไปเที่ยวมาในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นการเดินทางท่องเที่ยวเป็นวันที่ 6 ของทริปตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเชียงใหม่ต่อเมืองลี้แล้วนะครับ
ก่อนอื่นไปดูโปรแกรมการท่องเที่ยวในทริปนี้ของผม 8 วันกันก่อนว่าผมไปเที่ยวไหนกันบ้าง
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
วันที่ 2 : เที่ยวย่านอำเภอแม่แตง
วันที่ 3 : เที่ยวขุนแปะ และน้ำตกบริเวณทางขึ้นดอยอินทนนท์
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
วันที่ 5 : เที่ยวย่านแม่แจ่มและฮอด
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
วันที่ 7 : เที่ยวย่านแม่ริม และเก็บตกขากลับ
วันที่ 8 : เที่ยวห้วยตึงเฒ่า และเดินทางกลับ
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
เมืองลี้เป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่อยู่ตอนใต้สุดของจังหวัดลำพูน เมืองที่ผมใฝ่ฝันอยากมาเที่ยวชมสักครั้ง ผมให้นิยามของเมืองนี้ว่า "เมืองแห่งธรรมะและธรรมชาติ" เมืองที่มี 2 ธรรมในเมืองเดียวกัน เรียกว่าครบเครื่องของการเที่ยวจริง ๆ
ถามว่าไปเมืองลี้ ไปดูอะไรดี......
สำหรับผมคิดว่าบรรยากาศความเรียบง่ายผู้คนไม่เยอะจนจอแจ ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับอรรถรสในชื่นชมงานศิลปกรรมของวัดวาอารามสไตล์ทางเหนือ การอิ่มใจในการทำบุญไหว้พระ และผ่อนคลายไปกับวิวธรรมชาติที่น่ารื่นรมย์ อันนี้ผมว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองเล็ก ๆ อย่างลี้ที่อาจหาได้ยากในเมืองใหญ่ ๆ ที่กลายเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปแล้ว
สำหรับผมคิดว่า 7 สถานที่ที่เป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาถึงเมืองลี้ มีดังแผนที่นี้ครับ
วันนี้ผมออกเดินทางจากที่พักราว 9 โมงเช้า จุดหมายแรกที่แวะไปชมคือ
วัดพระธาตุดวงเดียว วัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองลี้มาช้านานที่อยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรมที่ผมพักนั่นเอง
ผมจอดรถไว้หน้าพระอุโบสถหลังสีทองที่สร้างขึ้นใหม่ของวัด แล้วเดินเข้าไปสักการะพระธาตุดวงเดียวที่อยู่ภายในระเบียงคด พระธาตุดวงเดียวเป็นพระธาตุเก่าแก่ที่เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรหริภัญชัย
ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุองค์นี้สร้างขึ้นพระราชดำริของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรหริภุญชัย เมื่อครั้งที่พระนางได้หนีภัยสงครามจากหลวงพระบาง พระนางได้มาสร้างเมืองอีกแห่งที่เมืองลี้ แล้วตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าจะได้สร้างเมืองที่นี่จริงๆ เพื่อเป็นที่ลี้ภัย ก็ขออำนาจเทพยดาดลจิต นำพญาช้างคู่บุญไปแสวงหาที่ตั้งบ้านเมืองด้วยเถิด เทพเทวาได้ดลใจให้พญาช้างขึ้นไปตามห้วยแม่แต๊ะที่มีแสงแดดสาดส่อง และได้พบกับลูกแก้วลอยออกจากจอมปลวกใหญ่ มีแสงสว่างทั่วบริเวณนั้น ลอยออกไปและกลับมาอยู่ถึงห้าครั้งในค่ำคืนนั้น ระหว่างบริเวณวัดพระธาตุดวงเดียวและวัดพระธาตุห้าดวงในปัจจุบัน พระนางจามเทวีจึงถือเอานิมิตหมายอันดีนี้ สร้างพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นเมืองและวัดขึ้นในยุคนั้น
ส่วนรูปแบบขององค์พระธาตุดวงเดียวที่เห็นในปัจจุบันล้วนผ่านการสร้างและบูรณะใหม่มาแล้วในยุคที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยและลูกศิษย์ได้เข้ามาบุกเบิกพัฒนาวัดนี้ขึ้น ลักษณะของพระธาตุจึงคล้ายกับพระธาตุหริภุญชัยเพราะเป็นการจำลองแบบมาสร้างต่อนั่นเอง
ผมช่วงสาย ๆ ไม่ค่อยเจอใครเข้ามาชมวัดกันสักเท่าไหร่ ผมเลยถือโอกาสเดินชมรอบพระธาตุไปเรื่อย ๆ และทำบุญที่วัดนี้สักหน่อย เป็นการเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองสำหรับกับการเริ่มต้นเที่ยวชมสถานที่แรกของเมืองลี้ในวันนี้ ที่นี่ใช้เวลาชม 30 - 40 นาทีก็เพียงพอนะครับ
ต่อมาแวะไปสักการะ
พระธาตุห้าดวง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับวัดพระธาตุดวงเดียว เสียดายว่าตอนผมไปชมพระธาตุองค์นี้กำลังได้รับการบูรณะซ่อมแซมอยู่ เลยมีนั่งร้านปกคลุมทั่วองค์พระธาตุไปหมด บดบังความงามที่ควรจะได้เห็นไปเลย
หากมาชมพระธาตุตอนที่ยังไม่ได้บูรณะ จะมีสภาพสวยงามดังภาพที่เห็น
ตามประวัติกล่าวว่าพระธาตุองค์นี้สร้างพร้อม ๆ กับพระธาตุดวงเดียวองค์เก่าโดยสร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระนางจามเทวีของอาณาจักรหริภุญชัย พระนางทรงได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่า มีดวงแก้ว 5 ดวง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เสด็จเดินทางมาดูด้วยพระองค์เอง ในเวลากลางคืนและได้ทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างจากดวงแก้ว ทั้งห้าดวงลอยอยู่บนกองดิน 5 กอง จึงได้สอบถามความเป็นมาและทราบว่าคือ พระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เคยล้างพระหัตถ์ และน้ำไหลผ่านปลายนิ้วทั้ง 5 ลงพื้นดิน พระนางจึงเกิดความศรัทธาและได้สร้างพระธาตุเจดีย์ครอบกองดินทั้ง 5 กองไว้
ต่อมาพระธาตุองค์นี้ก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา โดยทุกวันที่ 20 ของเดือนเมษายนทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุห้าดวง เพื่อแสดงถึงว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่องค์พระประทีปแก้วได้เคยเสด็จมาส่องแสงจรัสจ้าเป็นประทีปส่องนำปัญญาแก่ชาวบ้านผู้ที่พบเห็น
ตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเชียงใหม่ต่อเมืองลี้ ตอนที่ 3
รอบนี้กลับมารีวิวกระทู้ขี่รถเที่ยวในประเทศกันต่อ หลังจากว่างเว้นไม่เขียนต่อมานาน คราวนี้เป็นการมาเล่าประสบการณ์และเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมตระเวนขี่รถไปเที่ยวมาในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นการเดินทางท่องเที่ยวเป็นวันที่ 6 ของทริปตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเชียงใหม่ต่อเมืองลี้แล้วนะครับ
ก่อนอื่นไปดูโปรแกรมการท่องเที่ยวในทริปนี้ของผม 8 วันกันก่อนว่าผมไปเที่ยวไหนกันบ้าง
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
วันที่ 2 : เที่ยวย่านอำเภอแม่แตง
วันที่ 3 : เที่ยวขุนแปะ และน้ำตกบริเวณทางขึ้นดอยอินทนนท์
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
วันที่ 5 : เที่ยวย่านแม่แจ่มและฮอด
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
วันที่ 7 : เที่ยวย่านแม่ริม และเก็บตกขากลับ
วันที่ 8 : เที่ยวห้วยตึงเฒ่า และเดินทางกลับ
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
เมืองลี้เป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่อยู่ตอนใต้สุดของจังหวัดลำพูน เมืองที่ผมใฝ่ฝันอยากมาเที่ยวชมสักครั้ง ผมให้นิยามของเมืองนี้ว่า "เมืองแห่งธรรมะและธรรมชาติ" เมืองที่มี 2 ธรรมในเมืองเดียวกัน เรียกว่าครบเครื่องของการเที่ยวจริง ๆ
ถามว่าไปเมืองลี้ ไปดูอะไรดี......
สำหรับผมคิดว่าบรรยากาศความเรียบง่ายผู้คนไม่เยอะจนจอแจ ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับอรรถรสในชื่นชมงานศิลปกรรมของวัดวาอารามสไตล์ทางเหนือ การอิ่มใจในการทำบุญไหว้พระ และผ่อนคลายไปกับวิวธรรมชาติที่น่ารื่นรมย์ อันนี้ผมว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองเล็ก ๆ อย่างลี้ที่อาจหาได้ยากในเมืองใหญ่ ๆ ที่กลายเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปแล้ว
สำหรับผมคิดว่า 7 สถานที่ที่เป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาถึงเมืองลี้ มีดังแผนที่นี้ครับ
วันนี้ผมออกเดินทางจากที่พักราว 9 โมงเช้า จุดหมายแรกที่แวะไปชมคือ วัดพระธาตุดวงเดียว วัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองลี้มาช้านานที่อยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรมที่ผมพักนั่นเอง
ผมจอดรถไว้หน้าพระอุโบสถหลังสีทองที่สร้างขึ้นใหม่ของวัด แล้วเดินเข้าไปสักการะพระธาตุดวงเดียวที่อยู่ภายในระเบียงคด พระธาตุดวงเดียวเป็นพระธาตุเก่าแก่ที่เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรหริภัญชัย
ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุองค์นี้สร้างขึ้นพระราชดำริของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรหริภุญชัย เมื่อครั้งที่พระนางได้หนีภัยสงครามจากหลวงพระบาง พระนางได้มาสร้างเมืองอีกแห่งที่เมืองลี้ แล้วตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าจะได้สร้างเมืองที่นี่จริงๆ เพื่อเป็นที่ลี้ภัย ก็ขออำนาจเทพยดาดลจิต นำพญาช้างคู่บุญไปแสวงหาที่ตั้งบ้านเมืองด้วยเถิด เทพเทวาได้ดลใจให้พญาช้างขึ้นไปตามห้วยแม่แต๊ะที่มีแสงแดดสาดส่อง และได้พบกับลูกแก้วลอยออกจากจอมปลวกใหญ่ มีแสงสว่างทั่วบริเวณนั้น ลอยออกไปและกลับมาอยู่ถึงห้าครั้งในค่ำคืนนั้น ระหว่างบริเวณวัดพระธาตุดวงเดียวและวัดพระธาตุห้าดวงในปัจจุบัน พระนางจามเทวีจึงถือเอานิมิตหมายอันดีนี้ สร้างพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นเมืองและวัดขึ้นในยุคนั้น
ส่วนรูปแบบขององค์พระธาตุดวงเดียวที่เห็นในปัจจุบันล้วนผ่านการสร้างและบูรณะใหม่มาแล้วในยุคที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยและลูกศิษย์ได้เข้ามาบุกเบิกพัฒนาวัดนี้ขึ้น ลักษณะของพระธาตุจึงคล้ายกับพระธาตุหริภุญชัยเพราะเป็นการจำลองแบบมาสร้างต่อนั่นเอง
ผมช่วงสาย ๆ ไม่ค่อยเจอใครเข้ามาชมวัดกันสักเท่าไหร่ ผมเลยถือโอกาสเดินชมรอบพระธาตุไปเรื่อย ๆ และทำบุญที่วัดนี้สักหน่อย เป็นการเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองสำหรับกับการเริ่มต้นเที่ยวชมสถานที่แรกของเมืองลี้ในวันนี้ ที่นี่ใช้เวลาชม 30 - 40 นาทีก็เพียงพอนะครับ
ต่อมาแวะไปสักการะ พระธาตุห้าดวง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับวัดพระธาตุดวงเดียว เสียดายว่าตอนผมไปชมพระธาตุองค์นี้กำลังได้รับการบูรณะซ่อมแซมอยู่ เลยมีนั่งร้านปกคลุมทั่วองค์พระธาตุไปหมด บดบังความงามที่ควรจะได้เห็นไปเลย
หากมาชมพระธาตุตอนที่ยังไม่ได้บูรณะ จะมีสภาพสวยงามดังภาพที่เห็น
ตามประวัติกล่าวว่าพระธาตุองค์นี้สร้างพร้อม ๆ กับพระธาตุดวงเดียวองค์เก่าโดยสร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระนางจามเทวีของอาณาจักรหริภุญชัย พระนางทรงได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่า มีดวงแก้ว 5 ดวง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เสด็จเดินทางมาดูด้วยพระองค์เอง ในเวลากลางคืนและได้ทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างจากดวงแก้ว ทั้งห้าดวงลอยอยู่บนกองดิน 5 กอง จึงได้สอบถามความเป็นมาและทราบว่าคือ พระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เคยล้างพระหัตถ์ และน้ำไหลผ่านปลายนิ้วทั้ง 5 ลงพื้นดิน พระนางจึงเกิดความศรัทธาและได้สร้างพระธาตุเจดีย์ครอบกองดินทั้ง 5 กองไว้
ต่อมาพระธาตุองค์นี้ก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา โดยทุกวันที่ 20 ของเดือนเมษายนทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุห้าดวง เพื่อแสดงถึงว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่องค์พระประทีปแก้วได้เคยเสด็จมาส่องแสงจรัสจ้าเป็นประทีปส่องนำปัญญาแก่ชาวบ้านผู้ที่พบเห็น