เสี้ยวหนึ่งของชีวิต เรียน รด

กระทู้สนทนา
ถ้าหากชีวิตนี้ของชายไทย มีเรื่องนึงที่ต้องรู้ตัวล่วงหน้าทันทีเต่อจาก คำว่าบัตรประชาชนแล้วก็คือ ไปเกณฑ์ทหารเมื่อครบอายุ 21 แต่ มี ออปชั่นคือ คุณเรียน รด ซะ สามปีคุณก็ได้รับการยกเว้นไม่ต้องไปจับใบดำ ใบแดง เพราะถ้าอายุ 21 คุณอาจกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่และน่าจะเรียนต่อเนื่องดีกว่า หยุดไปเป็นทหาร 1 ปี แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อ ดังนั้น การเรียน รด ก็ไม่เสียหาย ได้กลับบ้านทุกวันที่ไปเรียน มีเพื่อนที่โรงเรียนไปด้วยอีกต่างหาก

แต่การจะเรียน รด ได้นั้น เกรดผลการเรียนก็ต้องใช้ได้ด้วย บางคนอยากเรียน เกรดไม่ถึง บางคนร่างกายไม่ได้ ก็ไม่ผ่าน ต้องไปลุ้นอนาคตกันต่อ 

ครูฝึกเคยบอกว่า อย่าคิดว่า มาเรียน รด เพื่อไม่ต้องเป็นทหาร เพราะพวกคุณ กำลังจ่ายเงินเรียนวิชาทหารอยู่ ทั้งชุด ทั้งค่าเดินทาง และอื่นๆสารพัดยามคุณไปเรียน รด ในแต่ละสัปดาห์ นั่น ครูฝึกทำให้เรารู้สึกขาดทุนนิดๆ ว่าเราจ่ายเงินมาเรียนเองซะนั่น แต่ความสนุกของการเรียน รด มันมีพอสมควรโดยที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะโดน

ปี1 ผมและเพื่อนที่โรงเรียนได้รับมอบหมายให้ไปฝึกที่ ราบ11 เรียนกง่ายๆ จำไม่ได้ชื่อเต็มคืออะไร จำได้แต่ว่า พอขึ้นปี 2 ไปเรียนที่อื่น เพื่อนๆ รด ทุกคนล้วนบอกว่า ราบ 11  โหดสุดแล้ว และ มองย้อนกลับไปก็เป็นไปตามนั้นสำหรับผมคิดนะ สิ่งที่ผมเจอใน ราบ11 มีเยอะครับ อะไรที่หาไม่ได้จากโรงเรียนและชีวิตทั่วๆไป มาเจอที่นี่ล่ะ

วันแรก จำได้ใส่ชุดนักเรียนไปฝึกก่อน เอาแค่วันแรกนะครับ ให้ยืนตากแดดกัน มีนักเรียนจากหลายโรงเรียน และพอถึงตอนเย็น แค่ ยืนในท่าตามระเบียบพัก ครูฝึกบอก มองภูมิประเทศข้างหน้า ก็คือประมาณ มองไปไกลๆน่ะแหล่ะ แล้วก็ปรากฎว่า มีเด็กนักเรียนล้มครับ คือเป็นลม เพื่อนที่ยืนข้างๆ มาจากคนละโรงเรียน ยืนมองต่อหน้าต่อตา ไม่กระดิกเพราะโดนสั่งยืนตามระเบียบพักอยู่ ครูฝึกต้องวิ่งเข้ามา พาไปดมยาดม แล้วชมว่า ล้มสวยจริงๆ ล้มไปทั้งในท่า ตามระเบียบพัก ทั้งยืนเลย ส่วนเพื่อนคนที่อยู่ข้างๆโดนครูฝึกแซว ว่า ไอ้นี่ก็ยืนดูเฉยเพื่อนเป็นลม ..... วันแรกจบ ก็รู้สึกว่าพอได้ๆ

การเรียน รด ทางกรมทหารเขาอนุญาตให้ลาได้ หรือ ขาดเรียนได้ 2 - 3 ครั้งผมจำไม่ได้แน่ และแน่นอนในวัย 16 - 17 พวกเราย่อมมีคิดบ้างแหล่ะว่า จะใช้มันให้หมดเลยวันหยุดเนี่ย แบบถ้าหยุดเกินโดนปลดนะครับ อดเรียนต่อ แต่พวกเราก็เลือก หยุด และ โดด ผิดวัน เพราะใน ราบ 11 ตอนที่ผมเรียนสมัยนั้น มีอยู่เพียง 1 วันที่หฤโหดสุดๆ นอกนั้นคือ ก็ไม่ได้เบานะครับ แต่ร่างกายรับได้ แต่วันหฤโหดนั้น พวกผมแทบจะเรียกว่า คลาน ออกจากกรมเลยทีเดียว 

มันคือวันพฤหัสหนึ่งของ ปี1 พวกผมเรียน รด ตอนบ่าย เราก็ไปโรงเรียนตอนเช้า แล้ว ไปศูนย์ฝึกตอนบ่าย และสิ่งที่เราเห็นก็คือ กองปืนที่เต็มไปด้วย โคลน พร้อมกับคำพูดครูฝึกที่ว่า " พวกท่านๆดูปืนซะก่อน เป็นอย่างนี้ แล้วคนจะเป็นยังไง " คือ รอบเช้าน่วมไปแล้วชุดนึง แต่พวกเราไม่รู้ชะตากรรม จนกระทั่วชุดใหญ่ก็มาถึง ผมจำไม่ได้หมดหรอกครับ แต่จำได้ว่า มี โผ ครับ 

โผ คืออะไร ในวัย 16 -17 ผมรับรองได้ว่า นอกจากความอึดแล้ว ความแข็งแรงของร่างกายผมมีเต็มที่ จะวิ่งจะกระโดด ความยืดหยุ่นสุดยอด คำว่าเหนื่อยแบบหมดแรงไม่เคยมี แต่ การ โผ คือการแบก ปืน ปลย 88 ซึ่งปลดประจำการยิงไม่ได้แล้วมั้ง ประกอบไปด้วย ไม้และเหล็ก หนักมาก เราต้องถือปืนวิ่งครับ และไม่ใช่วิ่งรอบเดียวจบ แต่คือต้องเร็วด้วย วิ่งๆหยุดๆ ระยะไม่ใกล้ครับ แค่เริ่มกระบวนการแรกก็เหนื่อยละบอกตรง เหมือนแบกครกแบกตุ่มวิ่งก็ไม่ปาน แถมต้องวิ่ง เฉียงๆด้วยนะ ไม่ใช่วิ่งตรงๆ โอย คำว่า โผ เข็ดกันเลยขอบอก

จากนั้นวันนั้นก็ สารพัดครับวิ่งๆ เจอบ่อน้ำให้ชูปืนขึ้น เหนือหัว ตัวเปียกได้ ปืนห้ามเปียก พอถึงบ่อน้ำ คนแรกลง คนที่เหลือไม่มีลังเล ลงกันหมด น้ำก็ระดับเหนือเอวละครับ ลงไปเหอะ 

อ้อ ลืมบอก ก่อนฝึกมีพรางหน้าเอาสีดำๆมาทาด้วยนะครับ ครูฝึกเอาสีมา ให้ทากันเอง เล่นซะเป็นเปาบุ้นจิ้นดำไปหมด แต่พอวิ่งไปฝึกไปสีก็ค่อยๆลอกสำหรับบางคน และ วันนั้นก็มีตามมาด้วย การลอดลวดหนาม แบบไถตัวไปเรื่อยๆ เอาปืนกันลวดหนามลงมาดีดใส่หน้าด้วย จำได้ว่าด่านสุดท้าย มีคลานครับ ครูฝึกสั่งให้จิกหญ้าพาตัวให้ถึงเส้นผ่านด่านสุดท้าย โถ ไอ้พวกเรียนรอบเช้ามันจิกไปหมดแล้วครับครู โธ่ ....พวกผมเหลือแต่ดินให้จิก ก่อนไปหมอบหมดแรงตอนด่านสุดท้าย นับว่า เป็นทรมานสุดแล้วในรอบการเรียน 3 ปี คือ เขาชนไก่ ยังไม่เจออะไรอย่างนี้ ขอบอก

หลังจากวันนั้น มีเพื่อนบางคนตัดสินเลิกเรียน กลับไปบอกพ่อแม่ขอออก ก็คือ ไม่ไปเรียนอีกเลย แต่หลังจากวันนั้น ก็อย่างที่บอก เรามีสอบภาคสนามสองวัน ไม่เจออะไรแบบนั้นแฮะ ( นึกว่าโดนแน่ ) และ ขึ้นปีสอง ก็ มีฝึกแต่ก็ไม่เท่านั้น ปีสาม หรือ เขาชนไก่ ก็ทำใจไว้นะแต่ก็ไม่เหนื่อยเท่านั้น 

เขาชนไก่ มียิงปืนนี่ละที่ทรมานประสาทหูมากสุด เนื่องด้วย จะต้องยิงปืนจริงๆ คนละ 30 นัด แต่ต้องมีคนจับกระสุนให้เพื่อนด้วยดังนั้น จึงจับคุ่กัน ผมจับกระสุนให้เพื่อนคนข้างหน้า 30 นัด แล้ว ยิงเองอีก 30 นัด แค่นี้หูก็จะหนวกละ ปรากฎว่า ไอ้คนข้างหลังผมดันไม่มีคู่ครับ ผมเลยต้องจับกระสุนให้อีก 30 นัด สรุป คนที่ยืนแถวผม ต้องฟังคนละ 90 นัด ผมแอบบอกเพื่อนที่ไม่รุ้จักกันคนนั้นไปเลยว่า รัวไปเลย เขาก็รัวจริงๆ ครับ 

ผลปรากฎว่า เป้า ที่เรารัวใส่กัน คนละ 30 นัด มีเข้าไปประมาณ 1 - 2 นัด และไม่รู้ว่า คนอื่นยิงมาโดนเป้าเราหรือเปล่าด้วยนะ 555 เรียกว่า มือปืนเป้าสะอาด กันซะส่วนใหญ่ บางคนไม่มีรอยกระสุนในเป้าเลย 

ตอนเรียนปีหนึ่ง ที่ ราบ 11 มีหลายครั้งที่ใกล้จะเลิกเรียน พวกเราก็จะนั่งอยู่ในสนามหญ้าใกล้ๆทางออก เรียกว่า เห็นๆกัน แต่ บางที ครุฝึก็พาไปวนรอบๆ ให้มันทรมานกันเล่นๆ และที่แย่คือ บางคนดันอ้วกแตกออกมาก่อนกลับบ้าน  เราโดนกันหลายรอบเหมือนกัน จนคิดว่าคงไม่มีวันไหนได้กลับกันดีๆละมั้ง แต่ก็พอฝึกไปหลายๆสัปดาห์ ไอ้ที่คิดว่าจะโดด ก็ไม่โดดละครับ เรารู้สึกว่า ไปเรียนดีกว่า มันสนุกดี และมองย้อนกลับไป มันแค่เศษเสี้ยวของชีวิตนี้เท่านั้นเองนะ ถ้าร่างกายปกติ แข็งแรง การเรียน รด นี่คือ เรื่องสนุกๆของผู้ชายอย่างนึงเลย เราเจอเพื่อนโรงเรียนอื่นด้วย ตอนใส่ชุด รด แล้วนั่งรอคำสั่ง มันไม่มีการแบ่งแยกว่า โรงเรียนนี้ โรงเรียนนั้นมากนัก ก็คุยกันหมด เพราะถ้าไม่ช่วยกันผลตามมาคือ โดนทั้งหมด นั่นคงเป็นเรื่องนึงที่พวกเราเรียนรู้ได้จากการฝึกว่า เวลาฝึกเราไม่มีแบ่งแยกครับ ไม่เคยมีปัญหาในการนำ หรือ ตามกันเลย เรียกว่า ระเบียบ วินัย พวกเราทำได้แม้จะไม่ค่อยขึงขังนัก

อ้อ ตัดผมในศูนย์ฝึก ใครแบบผมยาวแล้วไม่ยอมตัดหล่อๆไป วันดีคืนดี ครุฝึกช่วยตัดให้ แต่ไม่ใช่ตัดแบบแกล้งกันนะครับ ตัดเป็นเรื่องเป็นราวคือ ทรงเกรียนๆเลย แต่บริการพิเศษคือ ยกเก้าอี้ตัดผมกันเองนะครับ ไปยกมา แล้วก็ ยกไปคืนด้วย คือแบบอย่างหนักเลย ผมก็โดนจับไปยก

วันเรียนจบที่ ราบ 11 วันสุดท้าย ฝึกเสร็จแล้วแบบจบแล้ว ครูฝึกเดินคุมแถวมายังทางออกศูนย์ฝึก พร้อมมีคำพูดว่า " ห้ามวิ่ง เดินเงียบๆ ไม่งั้นจะจับกลับไปฝึกอีก " แต่ตอนนั้นพวกเราเหลืออีก 100 เมตรก็จะถึงประตูแล้ว ไม่รู้อะไรทำให้พวกเราวิ่งครับ วิ่งแล้วร้องเฮ แห่กันออกไปทางประตู ด้วยหลายคนคงคิดว่า ครูฝึกจับไม่ทันแน่ๆ หรือ คงจะจับได้ก็ไม่ใช่ตรูละ แต่ความจริงคือ ทุกคนก็รู้ว่า ครูฝึกเขาเลิกเดินตามมาระยะนึงแล้ว  เขาปล่อยแล้วครับ กับพวกเด็กที่เหมือนกับดีใจเหลือเกินที่เรียนจบปี1 ไปได้  

ส่วนที่เขาชนไก่ บอกได้แค่ว่า วันแรกไปถึงได้ยินเสียงระเบิด ตกใจครับ แต่พอเข้าวันที่สอง กินข้าวไป ฟังเสียงระเบิดไป ชินละครับ แต่ระยะไกลนะ ไม่ใช่นั่งข้างๆ บังเกอร์กินข้าวได้ ตอนสนุกสุดของเขาชนไก่ ก็มีไฮไลท์วันเดียวครับ คือ โดนฝึกตั้งแต่ตีห้า คลานฝ่าบังเกอร์ระเบิด โหนเชือกข้ามลำธาร ข้ามสิ่งกีดขวาง มุดลวดหนาม และ โดดหอ คือ อะไรจะสนุกกว่าวันนั้นคงไม่มีละ 

แต่ที่ ฮา อีกอย่างคือที่เขาชนไก่คือ อาบน้ำวันละ 7 ขันครับ มันทำให้ พวกเราแทบจะกลายเป็นผุ้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมแปลงฟัน ทั้งเช้า และเย็น ที่ฮาสุด คือตอนเช้า มีบางคนหัวหมอ แปลงฟันก่อนถึงคิว ครูฝึกเลยจับแยกออกมา ไม่ต้องอาบสำหรับพวกนี้ ให้แปรงฟันต่อ จนคนอื่นอาบเสร็จ แล้วให้ไปแต่งตัวพร้อมกันเลย พวกแปรงฟันล่วงหน้าหัวหมอ ไม่ต้องอาบ คือ มันจะมีอะไรแบบ แปลกๆ มาให้เห็นทุกวัน 
วันสุดท้ายก่อนกลับบ้าน ได้อาบเต็มที่ไม่อั้นครับ เล่นสงกรานต์กันไปเลย อาบทิ้งทวนเข้าเมืองกลับบ้านกัน 

ที่เขาชนไก่ มีการเข้าเวรยามด้วยครับ สิ่งที่เราต้องเฝ้าคือ ถาดอาหาร โดยผมกับเพื่อน ( ตอนเรียนที่เขาชนไก่ เขาให้มีคู่หูหนึ่งคน ไปไหนไปด้วยกันห้ามไปคนเดียว ) ผมกับคู่หู เข้าเวรตีหนึ่ง ถึงตีสาม โดยคนที่เฝ้าก่อนหน้าเราจะบอกว่า มีถาดกี่ใบ เช่น 400 นะ เราก็เอาเลขนั้นละครับ จำไว้ เพราะเราคงนับไม่ไหว การยืนเข้าเวรกลางคืนในป่า ที่เขาชนไก่ ผมมองพระจันทร์จากฟากซ๊ายมือ ค่อยๆ เคลื่อนไป จนอยู่ขวามือผม เมื่อเวลาผ่านสองชั่วโมง ผมว่าคนโบราณเขาคงกะเวลากันแบบนี้มังครับ 

และทุกวันที่ฝึกเสร็จแล้ว ที่เขาชนไก่ ประมาณก่อนสองทุ่ม จะปล่อยให้พวกเรา ออกไปยังเขตแดนที่มีร้านขายของครับ ส่วนใหญ่ก็ ขายน้ำ เครื่องดื่ม พวก แฟนต้าน้ำเขียว กระทิงแดง อะไรพวกนี้ละครับที่พวกเราจะหามากินกัน แล้วนั่งคุยกันนิดหน่อย ก่อนนกหวีดดัง สองทุ่มต้องเข้านอนละ วันแรกๆ เต๊นท์ไหน แสงไฟฉายอยู่ในเต๊นท์ ก็จะโดนครับ ครูฝึกเอาไม้ตีเต๊นท์แรงๆ ไล่ให้ปิดไฟนอน ดีนะไม่เรียกออกไปวิดพื้น เฮ้อ ...

แต่แป๊ปเดียวสามปีก็ผ่านไป เราเรียนจบ รด ตอนอายุยังไม่ถึง 20 ขณะที่เพื่อนที่ไม่ได้เรียน ก็ไปลุ้นจับใบดำกันต่อไป บางคนดำ บางคนแดง
ชีวิตวัยเรียน รด พร้อมกับเพื่อนๆ ที่ไปเรียนด้วยกันและกลับบ้านด้วยกันได้ตลอด มีเรื่องอื่นที่ มันส์ๆ ฮาๆ ในเกือบทุกสัปดาห์ แต่บางวันมันก็ไม่สนุกนะครับ

อ้อ ตอนปีสุดท้าย คือ ปีสาม มีสอบข้อเขียนด้วยครับ ผมจำไม่ได้ว่า 200 หรือ มากกว่านั้นข้อ ใช้ดินสอดำ แรเงาเอาครับ มีบางคนตัดสินใจมั่วทำเสร็จภายในไม่กี่นาที เรียกว่า ฮา กันกระจาย ไม่รู้มันผ่านไหม แต่พอครบ 1 ชั่วโมงก็ออกไปได้ แต่ มีบางคนนั่งเต็มเวลา จนครุฝึกบอกว่า ไม่มีเกียรตินิยมนะเว่ย เอาผ่านก็พอ คือ คงจะอ่านทุกข้อ คิดทุกข้อ ซึ่งผมก็มั่วไปประมาณ 60 - 70 ข้อได้มังครับ เยอะจนอ่านไม่ไหว แต่ส่วนใหญ๋ผ่าน แต่ มีคนสอบตกด้วย 555

การเรียน รด ผมว่าสิ่งที่ได้คือเรื่องระเบียบ วินัย การอยู่เป็นกลุ่มทำงานกัน ต้องคอยดูคอยฟัง คนหมู่มากต้องมียืนยัน ชัดเจน จะว่าไปคำสั่ง ครูฝึก พวกผมก็เครียดนะครับ โดนทำโทษแต่ละทีก็เหนื่อย ผิดคนเดียวโดนกันหมด แบบ One for all and all for One ( นั่น )  สมาธิต้องมี สติต้องมี เพื่อนฝูงต้องคอยดูแลกัน ก็เรียกว่า พอจบปีสามก็ถือว่า ได้ฝึกบุคลิกความนิ่งไปได้ด้วยครับ 

ก็อย่างที่บอกครับ เสี้ยวหนึ่งของชีวิต ที่ก็มีเรื่องสนุกๆอยู่บ้าง เพราะถ้าไม่เรียน รด แล้ว ชีวิตช่วงวัยรุ่นผมตอนนั้น ก็คงจะ ดูดบุหรี่ กินเหล้า เข้าโรงหนัง ไปเล่นสนุ้ก  อ้อ เล่นสนุ้ก ตอนนั้นอายุไม่ได้เกณฑ์ คือต่ำกว่า 18 และเคยมีเพื่อนเคยโดนสารวัตรนักเรียนจับแล้วมาส่งที่โรงเรียน

ตอนหลังพวกผมแอบไปกันอีก เจอ บุรุษไปรษณีย์ นึกว่าสารวัตรนักเรียน วิ่งหนีกันหลงกันไปรอบนึง จนมาเจอกันอีกทีในตลาดประตูน้ำ แล้วจะเรียกสามล้อ ตรงที่เขาห้ามจอด สามล้อชี้ ให้ดู ตำรวจ ยืนอยู่ ก็วิ่งกันอีกรอบ เพราะตอนนั้นมีกฎหมาย ห้ามเรียนกสามล้อตรงที่ห้ามเรียนก ไม่งั้นตำรวจจับ เลยกระเจิงหนีกันอีกรอบ กว่าจะมาเจอกันตอนเช้าอีกวันที่โรงเรียน มีเพื่อนอีกคนบอกว่า วิ่งทำไม นั่นบุรุษไปรษณีย์เว้ย ...555

จริงๆมีเรื่องอีกเยอะเล่าไม่หมดครับ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน

บางคราคิด คำนึง ถึงวันเก่า 
ชีวิตเรา ไม่เศร้าทุกข์ สนุกแท้
แม้เวลา เนิ่นนาน ผ่านผันแปร
เหลือเพียงแค่ ความทรงจำ รำลึกเอย ...


[center
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่