"...ผมมั่นใจว่าคนไข้ยังจะได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการแพทย์อยู่ ตราบใดที่ตัวแพทย์ยังปักหลักที่จะช่วย
คนไข้ตามปณิธานที่ตั้งไว้เมื่อครั้งย้งเป็นหนุ่มสาวก่อนเข้ามาสู่อาชีพนี้ ปักหลักยืนหยัด
ไม่ยอมตัวเป็น "ยี่ปั๊ว" ของบริษัทยาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าแพทย์ทุกคนมีข้อสงสัยในข้อมูลวิทยาศาสตร์แล้ว
ตั้งคำถามและเสาะหาคำตอบอย่างที่คุณหมอทำอยู่นี้ อุตสาหกรรมการแพทย์ก็จะทำร้ายคนไข้ได้ไม่มากหรอกครับ
แต่ในอนาคตถ้าหากเมื่อไหร่ที่แพทย์วางตัวเป็น "แนวร่วม" กับบริษัทยา แบบว่าถ้อยทีถ้อยทำมาค้าขายด้วยกัน
นั่นก็คือโลกยุคมิคสัญญี
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
06 เมษายน 2563
ผลข้างเคียงของ statin... มันมีอะไรมากกว่าที่คุณหมอเห็นบนผิวน้ำ
เรียนอาจารย์สันต์ครับ
ผม นพ. .. ครับ เป็นอายุรแพทย์จบ ... รุ่น ... อยู่ที่รพ. ... ผมมีความเคารพนับถืออาจารย์มากและใช้บทความของ
อาจารย์แนะนำคนไข้บ่อยๆ
ผมอ่านบทความของอาจารย์ซึ่งพูดถึงผลข้างเคียงของยา statin ในแง่ของการปวดกล้ามเนื้อในเจอร์นาลที่
อาจารย์อ้างถึงนั้นมีอุบัติการเกิดสูงถึง 28% แต่ผมไม่เห็นอาจารย์อ้างถึงงานวิจัย Heart Protection Study
(Lancet. 2002 Jul 6;360(9326):7-22) ซึ่งเป็นงานวิจัยใหญ่ ใช้คนถึง 20,536 คนและพบว่ามีภาวะแทรกซ้อน
เกี่ยวกับอาการปวดกล้ามเนื้อ (myopathy) เพียง 0.01% ทำไมอาจารย์ไม่พูดถึงเปเปอร์นี้เลยครับ
เคารพนับถือ
...........................................................................
ตอบครับ
เดิมผมตั้งใจจะไม่ตอบจดหมายของคุณหมอเพราะไม่อยากมีปัญหากับอุตสาหกรรมยาซึ่งบางคนก็เป็นเพื่อนซี้
ของผม แต่มาคิดอีกทีตัวเองก็แก่ปูนนี้แล้วหากอะไรควรพูดแล้วไม่กล้าพูดแล้วจะมีหน้าอะไรไปแนะนำอะไรแก่
แพทย์รุ่นหลัง ถ้าผมขี้กลัวก็เท่ากับปล่อยให้พวกน้องๆเชื่ออะไรหัวปักโดยไม่มีโอกาสได้รู้ความจริงอีกด้านหนึ่ง
อย่างที่ตัวผมเองเคยเป็นมาในอดีตสมัยที่ประสบการณ์ในวิชาชีพนี้ยังไม่มากพอ คิดได้อย่างนี้จึงหยิบจดหมาย
ขึ้นมาตอบ
ก่อนที่จะอ่านคำตอบของผมคุณหมอต้องทำใจก่อนนะว่าทุกวงการมันมีคนหากินสาระพัดแบบ มีตั้งแต่พวก
"อีแอบ" ไปจนถึงพวกโจรผู้ร้ายจี้ปล้นสะดมโต้งๆ วงการของเราก็ไม่เว้น เพราะอุตสาหกรรมการแพทย์มันเป็น
อุตสาหกรรมใหญ่ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือโลกที่เราอยู่อาศัย มันมีทั้งด้านดีและด้านแย่ คุณหมอทำใจยอมรับ
ตรงนี้ก่อน
งานวิจัยที่คุณหมออ้างถึง (MRC/BHF Heart Protection Study) มันมีอะไรที่ใต้น้ำมากกว่าที่คุณหมอเห็น
บนผิวน้ำ เรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ งานวิจัยนี้เขาทำเป็น 6 ขั้น
ขั้นที่ 1. รับสมัครคนมา 63,603 คน
ขั้นที่ 2. สัมภาษณ์คัดเหลือ 32,145 คน
ขั้นที่ 3. แล้วเอา 32,145 คนนี้มาทำวิจัยแบบ run in หรือ pretest โดยให้ทุกคนกินยา simvastatin ขนาด
วันละ 40 มก.นาน 4-6 สัปดาห์
ขั้นที่ 4. แล้วคัดเอาคนที่มีปัญหาเกิดผลข้างเคียงของยาทิ้งออกไปก่อน มีผู้ที่ถูกคัดทิ้งไป 11,609 คน หรือ
36.1% พวกที่ถูกคัดทิ้งนี้คือพวกที่มีผลข้างเคียงของยาเกือบทั้งนั้นแหละ เหลือคนที่ไม่มีผลข้างเคียง
ของยา 20,536 คน
ขั้นที่ 5. เอาคนที่เหลือ 20,536 คนที่พิสูจน์แล้วว่ากินยา 40 มก.นาน 4-6 สัปดาห์แล้วไม่มีปัญหา มาสุ่มตัวอย่าง
แบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อทำวิจัยตามที่ตีพิมพ์ไว้
ขั้นที่ 6. แล้วรายงานว่าคน 20,536 คน มีปัญหาผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อเพียง 0.01%
คุณหมออ่านวิธีวิจัยทั้งหกขั้นแล้วคุณหมอคิดว่าผู้ป่วยที่มีปัญหาต่อกล้ามเนื้อเมื่อกินยา symvastatin
ในงานวิจัยนี้จริงๆแล้วมีกี่เปอร์เซ็นต์ละครับ
ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี่ผมไม่ได้ไปล้วงความลับที่ไหนมาเปิดโปง มันตีพิมพ์ไว้ในนิพนธ์ต้นฉบับของงานวิจัย
ทั้งหมดนั่นแหละ บางตอนอาจจะทำเป็นตัวเล็กหน่อย แต่ถ้าตั้งใจอ่านก็จะเห็น
แล้วทำไมเขาถึงทำวิจัยแบบนี้ ผม..no comment
แล้วคนที่ทำวิจัยมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรหรือเปล่า ผม..no comment
แต่ถ้าคุณหมออ่านคำประกาศแนบท้ายงานวิจัยให้ละเอียดก็จะพอเห็น
ผมเองเคยทำงานให้ AHA อยู่สองปี รู้จักพวกที่หากินทำวิจัยทางหัวใจอยู่บ้าง แต่ไล่ชื่อในเปเปอร์นี้ไม่มีคนที่
ผมรู้จักสักคนจึงบอกเบื้องหลังไม่ได้
ผมระวังมากในการตอบจดหมายนี้ที่จะไม่ให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณหมอ "เซ็ง" กับวิชาแพทย์แผนปัจจุบันนะ
ผมแก่จนปูนนี้แล้วบอกคุณหมอได้เต็มปากว่าเรื่องแบบนี้มีในทุกวงการ ผมหลบไปทำเกษตรแบบชาวบ้านก็ยังไม่
วายเจอเรื่องแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ผมมั่นใจว่าคนไข้ยังจะได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการแพทย์อยู่ ตราบใดที่ตัวแพทย์ยังปักหลักที่จะช่วย
คนไข้ตามปณิธานที่ตั้งไว้เมื่อครั้งย้งเป็นหนุ่มสาวก่อนเข้ามาสู่อาชีพนี้ ปักหลักยืนหยัด
ไม่ยอมตัวเป็น "ยี่ปั๊ว" ของบริษัทยาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าแพทย์ทุกคนมีข้อสงสัยในข้อมูลวิทยาศาสตร์แล้ว
ตั้งคำถามและเสาะหาคำตอบอย่างที่คุณหมอทำอยู่นี้ อุตสาหกรรมการแพทย์ก็จะทำร้ายคนไข้ได้ไม่มากหรอกครับ
แต่ในอนาคตถ้าหากเมื่อไหร่ที่แพทย์วางตัวเป็น "แนวร่วม" กับบริษัทยา แบบว่าถ้อยทีถ้อยทำมาค้าขายด้วยกัน
นั่นก็คือโลกยุคมิคสัญญี
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
Cr. :
https://visitdrsant.blogspot.com/2020/04/statin.html
●● ผลข้างเคียงของ statin... มันมีอะไรมากกว่าที่คุณหมอเห็นบนผิวน้ำ ●●
คนไข้ตามปณิธานที่ตั้งไว้เมื่อครั้งย้งเป็นหนุ่มสาวก่อนเข้ามาสู่อาชีพนี้ ปักหลักยืนหยัด
ไม่ยอมตัวเป็น "ยี่ปั๊ว" ของบริษัทยาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าแพทย์ทุกคนมีข้อสงสัยในข้อมูลวิทยาศาสตร์แล้ว
ตั้งคำถามและเสาะหาคำตอบอย่างที่คุณหมอทำอยู่นี้ อุตสาหกรรมการแพทย์ก็จะทำร้ายคนไข้ได้ไม่มากหรอกครับ
แต่ในอนาคตถ้าหากเมื่อไหร่ที่แพทย์วางตัวเป็น "แนวร่วม" กับบริษัทยา แบบว่าถ้อยทีถ้อยทำมาค้าขายด้วยกัน
นั่นก็คือโลกยุคมิคสัญญี
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
06 เมษายน 2563
ผลข้างเคียงของ statin... มันมีอะไรมากกว่าที่คุณหมอเห็นบนผิวน้ำ
เรียนอาจารย์สันต์ครับ
ผม นพ. .. ครับ เป็นอายุรแพทย์จบ ... รุ่น ... อยู่ที่รพ. ... ผมมีความเคารพนับถืออาจารย์มากและใช้บทความของ
อาจารย์แนะนำคนไข้บ่อยๆ
ผมอ่านบทความของอาจารย์ซึ่งพูดถึงผลข้างเคียงของยา statin ในแง่ของการปวดกล้ามเนื้อในเจอร์นาลที่
อาจารย์อ้างถึงนั้นมีอุบัติการเกิดสูงถึง 28% แต่ผมไม่เห็นอาจารย์อ้างถึงงานวิจัย Heart Protection Study
(Lancet. 2002 Jul 6;360(9326):7-22) ซึ่งเป็นงานวิจัยใหญ่ ใช้คนถึง 20,536 คนและพบว่ามีภาวะแทรกซ้อน
เกี่ยวกับอาการปวดกล้ามเนื้อ (myopathy) เพียง 0.01% ทำไมอาจารย์ไม่พูดถึงเปเปอร์นี้เลยครับ
เคารพนับถือ
...........................................................................
ตอบครับ
เดิมผมตั้งใจจะไม่ตอบจดหมายของคุณหมอเพราะไม่อยากมีปัญหากับอุตสาหกรรมยาซึ่งบางคนก็เป็นเพื่อนซี้
ของผม แต่มาคิดอีกทีตัวเองก็แก่ปูนนี้แล้วหากอะไรควรพูดแล้วไม่กล้าพูดแล้วจะมีหน้าอะไรไปแนะนำอะไรแก่
แพทย์รุ่นหลัง ถ้าผมขี้กลัวก็เท่ากับปล่อยให้พวกน้องๆเชื่ออะไรหัวปักโดยไม่มีโอกาสได้รู้ความจริงอีกด้านหนึ่ง
อย่างที่ตัวผมเองเคยเป็นมาในอดีตสมัยที่ประสบการณ์ในวิชาชีพนี้ยังไม่มากพอ คิดได้อย่างนี้จึงหยิบจดหมาย
ขึ้นมาตอบ
ก่อนที่จะอ่านคำตอบของผมคุณหมอต้องทำใจก่อนนะว่าทุกวงการมันมีคนหากินสาระพัดแบบ มีตั้งแต่พวก
"อีแอบ" ไปจนถึงพวกโจรผู้ร้ายจี้ปล้นสะดมโต้งๆ วงการของเราก็ไม่เว้น เพราะอุตสาหกรรมการแพทย์มันเป็น
อุตสาหกรรมใหญ่ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือโลกที่เราอยู่อาศัย มันมีทั้งด้านดีและด้านแย่ คุณหมอทำใจยอมรับ
ตรงนี้ก่อน
งานวิจัยที่คุณหมออ้างถึง (MRC/BHF Heart Protection Study) มันมีอะไรที่ใต้น้ำมากกว่าที่คุณหมอเห็น
บนผิวน้ำ เรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ งานวิจัยนี้เขาทำเป็น 6 ขั้น
ขั้นที่ 1. รับสมัครคนมา 63,603 คน
ขั้นที่ 2. สัมภาษณ์คัดเหลือ 32,145 คน
ขั้นที่ 3. แล้วเอา 32,145 คนนี้มาทำวิจัยแบบ run in หรือ pretest โดยให้ทุกคนกินยา simvastatin ขนาด
วันละ 40 มก.นาน 4-6 สัปดาห์
ขั้นที่ 4. แล้วคัดเอาคนที่มีปัญหาเกิดผลข้างเคียงของยาทิ้งออกไปก่อน มีผู้ที่ถูกคัดทิ้งไป 11,609 คน หรือ
36.1% พวกที่ถูกคัดทิ้งนี้คือพวกที่มีผลข้างเคียงของยาเกือบทั้งนั้นแหละ เหลือคนที่ไม่มีผลข้างเคียง
ของยา 20,536 คน
ขั้นที่ 5. เอาคนที่เหลือ 20,536 คนที่พิสูจน์แล้วว่ากินยา 40 มก.นาน 4-6 สัปดาห์แล้วไม่มีปัญหา มาสุ่มตัวอย่าง
แบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อทำวิจัยตามที่ตีพิมพ์ไว้
ขั้นที่ 6. แล้วรายงานว่าคน 20,536 คน มีปัญหาผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อเพียง 0.01%
คุณหมออ่านวิธีวิจัยทั้งหกขั้นแล้วคุณหมอคิดว่าผู้ป่วยที่มีปัญหาต่อกล้ามเนื้อเมื่อกินยา symvastatin
ในงานวิจัยนี้จริงๆแล้วมีกี่เปอร์เซ็นต์ละครับ
ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี่ผมไม่ได้ไปล้วงความลับที่ไหนมาเปิดโปง มันตีพิมพ์ไว้ในนิพนธ์ต้นฉบับของงานวิจัย
ทั้งหมดนั่นแหละ บางตอนอาจจะทำเป็นตัวเล็กหน่อย แต่ถ้าตั้งใจอ่านก็จะเห็น
แล้วทำไมเขาถึงทำวิจัยแบบนี้ ผม..no comment
แล้วคนที่ทำวิจัยมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรหรือเปล่า ผม..no comment
แต่ถ้าคุณหมออ่านคำประกาศแนบท้ายงานวิจัยให้ละเอียดก็จะพอเห็น
ผมเองเคยทำงานให้ AHA อยู่สองปี รู้จักพวกที่หากินทำวิจัยทางหัวใจอยู่บ้าง แต่ไล่ชื่อในเปเปอร์นี้ไม่มีคนที่
ผมรู้จักสักคนจึงบอกเบื้องหลังไม่ได้
ผมระวังมากในการตอบจดหมายนี้ที่จะไม่ให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณหมอ "เซ็ง" กับวิชาแพทย์แผนปัจจุบันนะ
ผมแก่จนปูนนี้แล้วบอกคุณหมอได้เต็มปากว่าเรื่องแบบนี้มีในทุกวงการ ผมหลบไปทำเกษตรแบบชาวบ้านก็ยังไม่
วายเจอเรื่องแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ผมมั่นใจว่าคนไข้ยังจะได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการแพทย์อยู่ ตราบใดที่ตัวแพทย์ยังปักหลักที่จะช่วย
คนไข้ตามปณิธานที่ตั้งไว้เมื่อครั้งย้งเป็นหนุ่มสาวก่อนเข้ามาสู่อาชีพนี้ ปักหลักยืนหยัด
ไม่ยอมตัวเป็น "ยี่ปั๊ว" ของบริษัทยาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าแพทย์ทุกคนมีข้อสงสัยในข้อมูลวิทยาศาสตร์แล้ว
ตั้งคำถามและเสาะหาคำตอบอย่างที่คุณหมอทำอยู่นี้ อุตสาหกรรมการแพทย์ก็จะทำร้ายคนไข้ได้ไม่มากหรอกครับ
แต่ในอนาคตถ้าหากเมื่อไหร่ที่แพทย์วางตัวเป็น "แนวร่วม" กับบริษัทยา แบบว่าถ้อยทีถ้อยทำมาค้าขายด้วยกัน
นั่นก็คือโลกยุคมิคสัญญี
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
Cr. : https://visitdrsant.blogspot.com/2020/04/statin.html