ตีแผ่! ประสบการณ์สองปีในศูนย์บำบัดยา (เกือบไม่รอด)

บทที่ 1 : สู่0 (ศูนย์)
 
                     สวัสดีครับชาวพันธุ์ทิพย์ทุกท่านก่อนอื่นสมาชิกน้องใหม่ป้ายเเดงเเกะกล่องคนนี้ขอฝากตัวด้วยคนนะครับ วันนี้ผมต้องการนำประสบการณ์ตรงมาตีแผ่ให้ทุกท่านได้อ่านกัน ก่อนอื่นเชื่อว่าทุกท่านคงมีภาพในใจเกี่ยวกับศูนย์บำบัดยาเสพติด หลายคนคิดถึงค่ายทหาร การกักกัน กรรมวิธีการบำบัดฝึกฝนผู้เสพติดด้วยระเบียบวินัย ผ่านการปลุกมาซ่อม วิดพื้น ซิดอัพ ให้ขุดหลุมบ่อขี้ พอครบกำหนดเวลา 3-4 เดือนก็เเยกย้ายกันกลับบ้านถือว่าเสร็จๆกันไป ผู้บำบัดที่เลิกได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเเต่...
 
                   หากเเต่ว่าประสบการณ์ตรงของผมที่จะนำมาตีแผ่ต่อไปนี้ รับรองจะลบภาพเดิมของศูนย์บำบัดทั่วไปที่กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งประเทศ นอกจากนั้นวิธีการบำบัดของศูนย์เเห่งนี้เป็นคอรส์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล่าวคือการให้ผู้บำบัดยา หรือขอใช้คำง่ายๆคนติดยาบำบัดกันเอง ซึ่งเป็นวิธีการบำบัดที่เป็นที่รู้จักกันดีในสหรัฐอเมริกา เเละฟิลิปปินส์ เเต่สำหรับเมิองไทยน้อยคนที่จะรู้จักเพราะศูนย์บำบัดขอเรียกสั้นๆว่าศูนย์ฯเเห่งนี้เป็นสังคมของข้างปิด เเละรับสมาชิกเข้าบำบัดในจำนวนจำกัดเท่านั้นเพียงไม่เกิน 100 คน
 
 
                  มาเข้าเรื่องราวชีวิตของผมบ้างดีกว่าขออนุญาติดราม่านะครับท่านผู้อ่านที่น่ารัก ก่อนอื่นออกตัวชิงด่าตัวเองเลยว่าผมไม่ใช่คนดี เเน่นอนว่าไม่งั้นคงไม่ถูกที่บ้านพาไปบำบัดที่ศูนย์เเห่งนี้ ต้องขอยอมรับครับว่าผมติดการพนัน ติดมายาวนานต่อเนื่องตั้งเเต่ปีที่น้ำท่วมกรุงเทพนั่นเเหละครับ พฤติกรรมที่ตามมาก็เป็นที่เข็ดขยาดเเละไม่เป็นที่พึงประสงค์ของคนรอบข้าง เริ่มจากการที่เอาของรักของหวง ของสะสมทุกสิ่งทุกอย่างทั้งกระเป๋าเเบรนด์เนม โมเดลที่อุตส่าห์เก็บเงินค่าขนมเเทบเลือดตากระเด็นออกมาประกาศขายจนกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว เท่านั้นยังไม่พอสันดานการพนันเริ่มลุกลามไปสู่การโจรกรรมของครอบครัวเเละคนรอบข้าง เริ่มจากเหรียญเพียงหยิบมือ หนักเข้าหนักถึงขนาดกล้าเอาบัตรเครดิตคุณพ่อไปรูดหมดเงินไปเจ็ดหลัก เพื่อหลอกหลวงซื้อทองในร้านที่พนักงานต้องการทำยอดไม่สนบัตร
 
                 ด้วยเหตุนี้นานวันเข้าเเรกๆจากพื้นเพเดิมที่เป็นคนจิตใจดี ตั้งใจเรียนมีเเต่คนไว้วางใจ เเต่เมื่อเวลาผ่านไปคำว่าโอกาสไม่ได้มีมาเสมอฝากเอาไว้นะครับ สำหรับใครก็ตามที่อ่านเรื่องราวชีวิตของผมเเล้วมันเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนภาพตัวเอง ขอเเนะนำว่าคำว่าโอกาสไม่ได้สะกดได้ง่ายๆ ถ้าได้รับเเล้วให้รีบเลิกซะ ก่อนจะเป็นคนล้มเหลวเหมือนผมที่เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นทั้งหลังคาเเดง โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านอุดมสุขก็ไปมาเเล้วเสียค่ายาครั้งละหมื่น กินยาจนลิ้นเเข็ง น้ำลายยืด เเขนขาเกร็งเดินเป็นหุ่นยนต์จนเกือบข้ามถนนไม่พ้น หวิดรถชนตาน อีกทั้งยัง ผ่านการสะกดจิตบำบัดให้คุณหมอดีกรีระดับจบปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกามาขับกล่อมเพื่อปลุกจิตใต้สำนึกที่ชาด้านก็ไม่กระดิก พอจะหันมาเอาดีทางด้านความเชื่อโชคลางบ้างเคยลองไปแก้เคล็ดโหรชื่อดังระดับประเทศที่บอกว่าผมขาดธาตุไม้ คุณเเม่ก็ลงทุนซื้อต้นไม้มงคลเป็นสวนๆอุทิศเสริมพลังให้กับผม เคยเเม้กระทั่งบวชล้างซวยมาเเล้วอีกสองครั้ง เรียกว่าวิธีการรักษาที่ราชอาณาจักรไทยเเห่งนี้มีผมลองมาเเล้วเกือบทุกวิธีกระทั่งในวิถีที่ทุกคนกำลังจะถอดใจ ก็เหมือนมีเเสงสว่างปรากฎขึ้นเป็นประกายความหวังของครอบครัว เเต่มันคือนรกชัดๆสำหรับผม
 
 
                เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาถึงวิกฤติชีวิตในเดือนพฤศจิกายนปี 2560 ผมได้ก่ออาชญกรรมอีกครั้งโดยทุบเซฟคุณเเม่ชิงเอาพาสพอร์ตพร้อมต่างหูคู่หนึ่งมา เเละเดินทางไปเล่นการพนันที่ปอยเปตซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผมที่มักจะไปเสี่ยงโชคบ่อยๆ โดยออกอุบายทำทีขอที่บ้านมาเรียนพิเศษเพื่อหวังสอบเข้าราชการที่กรุงเทพ พอสบโอกาสหลังเลิกเรียนก็ซื้อตั๊วจับรถตู้คิวแฮปปี้เเลนด์-อรัญประเทศตรงดิ่งสู่ปอยเปตทันที ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงก็มาถึงเป็นความจริงที่น่าเศร้าเเละโง่เขลาในเวลาเดียวกัน ด้วยข้อจำกัดเรื่องเงินติดตัวที่มีเพียงน้อยนิด ผมจัดการเอาพาสพอร์ตไปจำนำกับเฒ่าเเก่เจ้าประจำที่บ่อนการพนันรีสอรต์ชื่อดังได้เงินมา 2000 บาทที่ถูกการพนันผลาญหมดไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นผมจึงเปลี่ยนเคล็ดย้ายก้นตัวเองมาที่บ่อนการพนันชื่อดังรูปดาวที่ตั้งอยู่เลียบชายเเดน เเละ อาศัยโรงรับจำนำภายในประเมินราคาต่างหูได้เงินมาถึง 30000 บาท
 
              เชื่อขนมยายได้เลยว่าถ้าเป็นคนปกติที่ไม่ใช่ผีพนันเข้าเส้น สิ่งเเรกที่เขาทำเมื่อได้เงินมาคือการไปไถ่พาสพอรต์เพื่อเเลกกลับอิสรภาพ เเต่สิ่งที่ผมทำนึกเเล้วยังเศร้าถึงทุกวันนี้ ผมตรงดิ่งไปยังโต๊ะพนันรูเล็ต วงล้อที่มีลูกบอลกลมกลิ้งหมุนไปรอบๆในเเต่ละตา เเละจะตกลงในลู่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่งจากจำนวน 1-36 เกมนี้คือโปรดปรานที่สุดของผม เเละนี่เเหละครับจุดจบชีวิตของอาชญกรคนบาป ทำดีได้ดีจริงๆเชื่อไหมว่าภายใน 3 ชั่วโมงเงิน 30000 บาทก็ปลิดปลิวไปกับลูกบอลที่หมุนหนีผมทุกหมายเลข คงเป็นเพราะฟ้ามีตาเลยลงโทษคนอย่างผม เที่ยงคืนนั้นผมควัก 20 บาทสุดท้ายใช้โทรศัพท์ของโรงรับจำนำติดต่อกลับคุณเเม่
 
 
             เสียงริงโทนดังอยู่ไม่นาน เมื่อท่านรับสายผมโกหกไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่รู้ตัวว่าเเม่รู้ความจริงอยู่เเล้ว พอสารภาพว่ากลับประเทศไม่ได้ เเม่ก็บอกลาสั้นๆว่าพรุ่งนี้เจอกัน เเละจะโอนเงินค่ากินพอประทังชีวิตให้ได้ยินอย่างนั้นน้ำตามันก็ไหลอาบเเก้มทั้งสองข้าง ลึกๆก็รุ้ว่าตัวเองพาตัวเองมาอยู่ในจุดที่ถอยหลังกลับได้ยากลำบากจริงๆวันต่อมาคุณอาที่เป็นญาติอาสาข้ามฝั่งมารับผมที่ชายเเดน เราข้ามฝั่งไป เเละพบว่าคุณอาว่าจ้างรถตู้ติดฟิลม์มิดชิด เเม้ตามมาสบทบทีหลังพร้อมกับเสื้อผ้าเมดอินขะเเมร์ ที่เป็นเสื้อบอลกับกางเกงบอลฝ่าฝืนลิขสิทธ์ เเต่ท่าทางใส่สบาย ไอ้ผมก็ตายใจเราไม่ได้คุยอะไรกันมากกระทั่งรถตู้เดินทางมาถึงกรุงเทพ คืนนั้นคุณอาพาผมไปเลี้ยงที่ภัตตาคารจีนที่ย่านศรีนครินทร์ ผมมีความสุขกับการกิน ส่วนคุณเเม้ทานได้น้อยคงเป็นเพราะยังคงผิดหวังกับลูกเลวๆคนนี้ ผมไม่ได้เอะใจสักนิดกระทั่งที่วินาทีที่เข้าพักที่โรงเเรม เป็นครั้งเเรกที่เเม่เเยกห้องนอนกับผม ให้ผมไปนอนกับพี่เลี้ยงวึ่งเป้นคืนสุดท้ายที่ได้หลับเต็มอิ่มหลับไปกับคำว่าอิสรภาพ
 
       ตื่นเช้าขึ้นมานึกเเล้วก็ซูฮกกับความซื่อปนบื๊อของตัวเอง ร้อยวันพันปีคุณอาไม่เคยส่งรถตู้มารับเพื่อที่จะไปส่งผมกับเเม่ที่สนามบินดอนเมือง ที่สำคัญผมก็ยอมขึ้นไปนั่งโดยดีซะด้วยสิ รถตู้เเวะรับคุณอาที่สำนักงานย่านถนนบางนาตราด ปรากฎว่ามีผู้ชายอีกคนท่าทางกำยำบึกบึนขึ้นมากับคุณอาด้วยทั้งสองตรงไปนั่งในบริเวณเบาะข้างหลัง ก่อนที่โชเฟอร์จะพาเราขึ้นทางด่วนวิภาวดีรังสิต เเต่ขณะที่กำลังสัญจรผ่านห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวปรากฏว่ารถเปลี่ยนเส้นทางเอาดีอๆ ผมสบตาคุณเเม่ที่หลบตา เเละทำเป็นหลับขณะที่ความจริงเริ่มคลืบคลานเข้ามาเมื่อบุรุษร่างกำยำคนนั้นลุกจากที่เข้ามานั่งประชิดตัวผม ผมตะโกนโวยวายด้วยถ้อยคำที่มีเเต่ลูกทรพีเท่านั้นจะสรรหามาได้ นี่เเหละครับคนที่ไม่ยอมโทษตัวเอง เคราะห์ดีอยู่บ้าง ตำรวจนอกเครื่องเเบบที่ถูกจ้างวานมาควบคุมตัวผมชวนคุย เเละพยายามปลอบประโยน เเละสงบสติอารมณ์ผม รู้ไหมครับสิ่งที่ผมทำคืออะไร? ให้ทาย? ผมยืมโทรศัพท์พี่เลี้ยงจัดการเปิดเว๊บไซต์การพนันออนไลน์ต่อหน้าทุกคนเป็นการสั่งลา เเละชั่วพริบตายอดเงินคงเหลือ 6000 กว่าบาทก็ปลิดปลิวไป เเละความเงียบก็โรยตัวลงในรถ
 
         ระหว่างทางผมพยายามข่มตาหลับเเต่ใครจะหลับลงได้ กระทั่งคำตอบของชะตากรรมมาหยุดลงในที่ที่คุ้นเคย ศูนย์บำบัดที่มีรูปปั้นพระเเม่มารีย์ตั้งอยู่เเวดล้อมด้วยกำเเพงคอนกรึตที่สูงลิบลิ่วที่นั่นผู้ชายตัวโต กล้ามโตยิ่งกว่ายืนกอดอกรอต้อนรับผมอยู่ก่อนเเล้ว ผมไม่มีวันลืมใบหน้านั้นไปได้ เขาคือพี่เอก(นามสมมติ) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บำบัดเเละฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ขอเรียกสั้นๆว่าศูนย์ "พี่ผิดหวังในตัวเเกมาก" คำพูดสั้นๆพานให้หยาดน้ำใส ไหลรินอาบเเก้มทั้งสอง

           รถตู้เคลื่อนออกจากบริเวณสำนักงานหน้าศูนย์เคลื่อนไปตามถนนลาดยางเเคบๆ ภาพสถานที่ที่คุ้นเคย เพราะเคยมาอยู่ที่นี่เเล้วเมื่อสามเดือนก่อนปรากฏเเก่สายตา ต้นไม้ทุกต้น สนามฟุตบอล เเละซุ้มเห็ดผมยังจำทุกอย่างได้ดีเหมือนเมื่อวานนี้เองที่ผมเพิ่งได้รับอิสรภาพไปเพราะการจากไปของคุณตา คุณเเม่เลยเดินทางมารับผมกลับบ้านเเละมีโอกาสได้บวชในช่วงสั้นๆเพื่อทดเเทนคุณเเลกกับการที่ไม่ต้องกลับมายังสถานที่เเห่งนี้อีก เเต่ผมก็ทำมันพัง เมื่อลงจากรถสมาชิกสองคน (ผู้บำบัดยา) ก็ตรงเข้าขนาบตัวผมเข้าสู่ห้องมืด ออกคำสั่งให้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก เเลบลิ้น ปลิ้นตา สะบัดของลับ เเละถกหนังหุ้มปลายองคชาตจนทั่ว ก่อนจะเเหวกก้นออกเพื่อพิสูจน์ว่ายาจะไม่มีทางเล็ดรอดเข้ามาในศูนย์บำบัดเเห่งนี้เเน่
 
            เป็นความจริงที่น่าเศร้าเมื่อผมจัดการใส่ชุดสีชมพู กับกางเกงสีเขียวโปร่งบางเเบบที่ผุ้ป่วยนิยมใส่กันในโรงพยาบาลเสร็จ ปรากฏว่าคุณเเม่กลับไปเเล้ว ผมถูกพาตัวเข้าไปในห้องกว้างที่ทาสีพื้นสีเเดง มีฟูก หมอน ทีวีที่เป็นความบันเทิงอย่างเดียวตั้งอยู่ พร้อมเเนะนำตัวกับเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ถูกจับมาบำบัดอีกหนึ่งคนเป็นเด็กชายอายุน้อยกว่าผม เราไม่ได้พูดอะไรกันมาก เเค่มองตาก็เข้าใจความรู้สึกกัน
 
           ระยะเวลา 10 วันคือเวลาทั้งหมดที่ผมใช้ไปในส่วนของบ้านเเรกรับ หรือที่เด็กศูนย์เรียกกันว่าบ้านตัดยาจนชินปาก ที่นี่ชีวิตดำเนินไปด้วยความซ้ำซากจำเจหลังลูกกรงไม่ต่างจากเรือนจำ โชคดีที่สุขภาพอนามัยสะอาดกว่า เเละไม่มีอะไรนอกจากกินนอนซึ่งเบิ้ลได้ไม่อั้น จนหลายคนจากที่เคยซูบผอมดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาถนัดตา เพราะเเท้จริงเเล้วสถานที่เเห่งถูกเตรียมไว้เป็นขั้นตอนมาตรฐานก่อนการเข้ารับการฟื้นฟู เพราะโดยส่วนใหญ่ผู้เสพยาเสพติดที่เข้ามาที่นี่มักจะมาด้วยอาการเดียวกันคือ ไม่ได้กิน หรือไม่ได้นอนมาเป็นสัปดาห์ หรือเเม้กระทั่งยั่งมีอาการลงเเดงหรืออยากยาอยู่ ซึ่งที่บ้านตัดยาจะเตรียมน้ำเเดงเฮลส์บลูบอยเอาไว้ให้เเก้ขัดในยามเฉพาะกิจ ที่ไม่มีอะไรนอกจากการกิน เเละนอน
 
                ข้อห้ามสำคัญที่เป็นกฎเหล็กก็คือห้ามพูดสื่อ หรือเกาะกลุ่มชวนกันคิดหนีเด็ดขาด เเม้เเต่การเข้าใกล้กัน หรือสัมผัสถูกตัวกันก็ไม่ได้ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นกฎเหล็กอีกข้อ ใครก็ตามที่ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามกฏระเบียบออกอาการกระวนกระวาย หรือใช้ความรุนเเรง ขั้นตอนสุดท้ายก็คือพี่ๆสมาชิกรีเอนทรี่ หรือคนที่คอยดูเเลบ้านตัดยาจะส่งข้อความผ่านวอร์ไปเรียกหน่วยปราบพยศซึ่งประกอบด้วยพี่เจ้าหน้าที่ เเละสมาชิกที่ได้รับความไว้วางใจมาจัดการปราบพยศมัดมือมัดเท้าให้ผู้ที่คลุ่มคลั่งอยู่ในความสงบซึ่งเเต่ละคนต่างก็มีขขนาดตัว เเละขนาดกล้ามที่อย่าหือจะดีที่สุด
 
              หลังจากผ่านไปเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ จะมีเจ้าหน้าที่เชิญตัวให้ออกมาสัมภาษณ์เพื่อทำความรู้จักกัน ผ่านการซักประวัติตั้งเเต่คำถามเรื่องการใช้ยา ซึ่งของผมคือการเล่นพนัน คำถามคลอบคลุมไปถึงสาเหตุที่กลับไปติดซ้ำ เเละล้วงลึกไปถึงปมในใจต่างๆ

             ก่อนที่วันชี้ชะตาจะมาถึงในอีกสองสามวันข้างหน้า เมื่อวันนั้นมาถึงผมยังจำรอยยิ้มของเจ้าหน้าที่พี่นัท(นามสมมติ) ชายวัยกลางคนท่าทางใจดี ที่มารับตัวผม ในมือของพี่เเนทถือเเฟ้มหรือที่นี่เรียกว่าไฟล์ประวัติของผม "สวัสดีน้อง เอ็งรู้ตัวดีใช่เปล่าว่าตัวเองล้มเหลว เเละกลับมาที่นี่รอบสอง พี่เข้าใจเเละจะไม่ซ้ำเติมเอ็ง เเต่ลูกผู้ชายเมื่อพลาดก็ต้องรับผิดชอบ เรียนรู้ไปเข้าใจป่าว เดี๊ยวไปนั่งเก้าอี้นะ" นั่งเก้าอี้อาจฟังดูเป็นคำธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะผมยังจำได้ดีว่าใครก็ตามที่ถูกสั่งให้ไปนั่งเก้าอี้จะไม่สามารถพูดคุยกับใครได้เด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นคนบาปหรือ Siner ที่รอคำพิพากษาความผิดจากเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่อย่างเดียวคือการพาตัวเองไปลงเอยในห้องสี่เหลี่ยมที่มียามคุ้มกันเรียกว่าห้องซีโอ โดยที่คนบาปต้องจดจ่ออยู่กับการDrop Guiltเขียนสารภาพบาปในใจลงไปตามเเนวทางของศาสนาคริสต์ที่คอยดูเเลกิจการของศูนย์บำบัดเเห่งนี้ Drop Guilt คืออะไร? ชีวิตคนบาปคนนี้จะลงเอยด้วยบทลงโทษรูปเเบบไหน?
-โปรดติดตามตอนต่อไป-
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่