แม่บ้านท่องโลก @ Mali ประเทศมาลี

[CR] แม่บ้านท่องโลก @ Mali ประเทศมาลี

กระทู้รีวิว

เที่ยวต่างประเทศ ท่องเที่ยว ทวีปแอฟริกา สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ บันทึกนักเดินทาง

Mali ประเทศมาลี

มาเที่ยวต่อดีกว่า ทริปมาลีของเราเกิดขึ้นช่วงเมษา ปีที่แล้ว 2019 เราตั้งใจอยากไปมาลีเพื่องานซ่อมแซมม้สยิดดินที่ใหญ่สุดในโลก The great Mosque of Djene ซึ่งอยู่ในเมือง Djene นั้นเอง งานเรียกว่า "the Crepissage de la Grand Mosquée" หรือ ภาษาอังกฤษว่า "Plastering of the Great Mosque" ด้วยความที่มาลีเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อน ภาษาราชการและภาษาพูดทางการ คือ ฝรั่งเศสจ้ะ งานนี้ถือว่าเป็นเหตุผลแรกที่เราอยากไปมาลีเลย จบจากงานเรายังไปเที่ยวส่วนอื่นๆในมาลีต่อ ทั้งหมดรวม 2 อาทิตย์ มาเริ่มต้นที่งานก่อนดีกว่า (ส่วนรายละเอียดวีซ่าเดี๋ยวลงอีกที่ช่วงหลัง)

มาลี Mali อยู่ที่ไหน? (ไม่ได้อยู่ในกระป๋องผลไม้มาลีนะ) แต่อยู่ในแอฟริกาไง เป็นประเทศแลนด์ลอคอีกอยู่ด้านบน ทางเหนือติดกับ Algeria, Mauritania, Senegal, Guinea, ทางใต้ติดกับ Ivory Coast, Burkina Faso, Niger ถึงตรงนี้ทุกคนคง งง ว่า ประเทศเหล่านี้มันอยู่ไหนอีกกก ไม่ต้อง งง ถ้าเรามีเวลาจะมารีวิวให้ครบ เพราะเราไปหมดแล้ว แบบว่าเราเป็นสายเที่ยวอัฟริกาแฟนคลับ แต่ไม่ได้มีแฟนเป็นคนแอฟริกานะ

เวิ้นอยู่นาน มาดูงานดีกว่า ว่าเป็นไง

รูปนี้เป็นรูปวันงาน หลังจากเราทำภารกิจช่วยงานฉาบปูนสำเร็จ The great mosque of Djene เป็นมัสยิดดินที่ใหญ่สุดในโลก เป็นหนึ่งใน 4 Unesco ของประเทศมาลี

หลังจากเกิดภาวะไม่สงบเกี่ยวกับการก่อการร้ายและระเบิดที่ Bamako สงบลงนิด เราก็ตัดสินใจพร้อมที่จะไปมาลี เพราะรอต่อไม่ไหวแล้ว และเราก็มานั่งยิ้มตรงที่เราอยากมานานแสนนานสมใจ เอาจริงๆตั้งแต่มาถึงก็ไม่มีความรู้สึกน่ากลัวอะไรเลย ผู้คนใจดีมากๆ ช่างแตกต่างไปจากที่สื้อต่างๆประโคมข่าวมาก วันแรกที่เรามาถึงเมือง ก็มาชมมัสยิดดินก่อนเลย เพราะพรุ่งนี้จะเป็นอีกแบบนึง คนจะเยอะกว่านี้ เหมือนรูปแรก

ด้วยความที่มัสยิดสร้างจากดิน ตามธรรมชาติความสึกกร่อนก็เกิดขึ้นง่าย ไหนจะสภาพดินฟ้าอากาศ ดังนั้นในทุกๆปีก่อนหน้าฝน มัสยินเจนเน่จึงมีเทศกาลฉาบมัสยิดเกิดขึ้นก่อนหน้าฝน เพื่อเพิ่มความแข็งแรง พิธีเริ่มช่วงราวๆเดือนเมษา วันที่กำหนดแน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของบรรดาผู้ใหญ่ๆ

งานเริ่มตั้งแต่ตี 4 ไกด์นัดเราไว้ ที่ตี 5 งานนี้เลอะมากๆ แต่ประทับใจเกินคาด

เทศกาลฉาบมัสยิดเป็นเทศกาลใหญ่ประจำปีของชาวเมือง ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน โดยเฉพาะหนุ่มสาวและเด็กตัวเล็กๆๆ ส่วนผู้ใหญ่จะคอยกำกับความเรียบร้อยและระเบียบการอีกที่ ส่วนคนที่มีหน้าที่ฉาบปูนจะถูกเลือกขึ้นมาอีกที่นึง สังเกตได้ว่าเกือบทุกคนร่วมมือกัน ส่วนน้อยมากๆที่นั่งเฉย

เด็กหนุ่มๆมีหน้าที่แบกดินโคลนมาจากแม่น้ำ ขบวนผู้ชายดุดันมาก ส่วนเด็กสาวๆมีหน้าที่แบกน้ำจากแม่น้ำมา เพื่อมาใช้ผสมกับดินโคลนอีกที่ มีบ่อพักโคลน บ่อตักโคลนในพื้นที่มัสยิดเป็นเรื่องราว ทุกคนดูขยันขันแข็งเป็นอย่างมาก

ทั้งขบวนหญิงชายมาพักน้ำและโคลนที่บ่อจัดเตรียม และ วิ่งไปรับโคลนที่ผสมแล้วเพื่อวิ่งขึ้นไปที่มัสยิด เพื่อส่งต่อให้คนฉาบดินโคลน

เมื่อได้รับโคลนที่พร้อมจะฉาบ ทุกคนต้องรอสัญญาญจากคนดูแลว่าขึ้นไปได้หรือยัง คนวิ่งขึ้นลงตลอดถ้าไม่มีสัญญาญอาจเหยียบกันตาย

ก่อนหน้าวันงาน1-2 วันมีบางส่วนที่เริ่มขนดินโคลนมาบ้าง มีงานช่วงเย็นบ้าง ทั้งงานหน้ากาก ร้องเพลงศาสนา ระบำรื่นเริงกันไป จนมาถึงวันงานจริงๆ พิธีฉาบเริ่มขึ้นช่วงตี 5 ของวันที่ 28/4 หนุ่มๆแบกดินโคลนขึ้นหัวร้องเพลงประสานเสียงกันตลอดทาง เวลาหนุ่มๆพาเหรดแบกดินโคลนผ่านทุกคนต้องวิ่งหาที่หลบ จนหนุ่มๆผ่านไปถึงเดินได้ ส่วนสาวๆก็ร้องรำทำเพลงแบกน้ำมาเทผสมดินโคลนแต่ไม่ดุดันเท่าทีมหนุ่มๆ ส่วนเด็กๆมีทั้งช่วยบ้าง มาแปะดินโคลนใส่บ้าง ถือว่าเป็นการอวยพรให้โชคดี จุดที่ถูกแปะส่วนมากคือ คอและแขน ส่วนใบหน้าจะมีการมองแบบขออีกที่นึง

เราพร้อมมายืนรอหน้างานพร้อมถังใส่น้ำตั้งแต่ตีห้ากว่า ไกด์บอกว่า จะหาคนรู้จักให้พาเราไป เพราะงานนี้ต้องไปกับสาวๆ ก่อนไปตักน้ำเราเดินถ่ายรูปตรงนั่นตรงนี้พร้อมกับหลบเด็กๆที่พยายามจะป้ายดินโคลนใส่เรา เรื่องเปื้อนไม่กลัว กลัวกล้องเลอะมากกว่า

จนกระทั่ง7โมงกว่าๆพวกเราก็ได้ทีมงานสาวเกือบ 30คนได้ ตั้งแต่สาวไปหาเด็กตัวเล็กๆ ในทีมจะมีหัวหน้าหนึ่งคนคอยกำกับดูแลความเรียบร้อย และมีหน้าที่ปลุกระดมร้องเพลง พร้อมโยนน้ำเต้าที่ร้อยหอยเพื่อให้เกิดเสียง ส่วนมากจะร้องตบท้ายด้วยเย้ๆๆมากกว่า ระหว่างที่เดิน คนไหนที่เห็นเราก็จะยิ้มให้การต้อนรับเราไปด้วย เราเดินไปร้องเพลงไปจนถึงท่าน้ำราวๆ 10-15นาที สาวๆช่วยเราตักน้ำจากท่าน้ำ เราทั้งถือทั้งวางถังไว้บนหัวบ้าง ระหว่างทางก็มีหนุ่มๆพาเหรดมาตักดินโคลน พวกเราต้องรีบหลบ ไม่งั้นล้มแน่ๆ

จนในที่สุดเราก็พาทั้งน้ำมาจนถึงมัสยิดโดยการวางไว้บนหัวเอามือประคองสำเร็จ ยิ่งเข้าใกล้มัสยิด ยิ่งเปื้อนและลื่นจากโคลนขึ้นเรื่อยๆ ช่วงบันไดทางขึ้นมีโคลนเต็มไปหมดจนเท้าเราติดยกเท้าไม่ขึ้นประกอบกับทีมหนุ่มๆจะลงมาอีก งานเข้าไม่รู้จะหลบทางไหนจนไกด์มาดึงแขนเรา งานตัวประกอบอย่างเราจึงต้องจบภารกิจที่หน้าบันไดเท่านั้น ไกด์เราเทน้ำในถังเราให้สาวๆคนที่จะขึ้นไปต่อให้ พร้อมจับแขนเราลงมา บอกว่าพอแค่นี้ล่ะเทออออ อย่าไปต่อเลย

หลังจากได้รับคำเตือน ไกด์ก็พาเราขึ้นไปบนมัสยิด โดยปรกติมัสยิดจะแบ่งฝั่งหญิงและชาย ไม่สามารถเดินได้ตามสบายใจ แต่เพราะวันนี้มีงานทางมัสยิดเลยเปิดให้ทุกคน ไกด์รอช่วงจังหวะคนว่าง ก็รีบพาเราวิ่งขึ้นไปอย่างเร็วที่ด้านบน เพื่อดูงานฉาบ ด้านบนมัสยิดจะเป็นแบบนี้

การฉาบ ทำโดยมือล้วนๆ ไม่มีเซฟตี้แต่อย่างไร

ส่วนด้านล่าง ก็ใช้บันไดไม้ปีนกันขึ้นไปฉาบ สิ่งที่แทงๆมาคือไม้ ไว้เป็นที่ยึดให้ดินแข็งแรงแค่นั้น แบบมัสยิดแบบนี้เขาเรียกว่า แบบซูดาน ซึ่งพบเห็นได้เยอะในเวสแอฟริกา