เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาวๆๆๆๆอยู่บ้านช่วยชาติกัน เพราะเจ้าcovid -19ตัวร้าย

ทำให้เรามีเวลาว่างมากจนฟุ้งซ่านเลยจะมารีวิวทริปท่องเที่ยวที่เราประทับใจ ช่วงปลายปี2018ที่ผ่านมา ที่เลือกทริปนี้เพราะเราเคยจองทัวร์เดินทางกับบริษัทนี้มาแล้วเมื่อ2ปีก่อน และที่ผ่านมาก็ยังติดต่อพูดคุยกับเซลส์ที่นี่ตลอดเวลาจะหาข้อมูลท่องเที่ยวหรือเจออะไรน่าสนใจก็จะสอบถามเขาไปเสมอ เซลส์ที่นี่น่ารักมากค่ะทั้งบริการและตอบคำถามถึงแม้บางครั้งเราจะไม่ได้จองทัวร์แค่อยากได้ข้อมูล ทำให้เห็นถึงความจริงใจ เลยเป็นความประทับใจและผูกพันธ์ ช่วงวิกฤตอย่างนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคงโดนกระทบมากเลยจะขอแชร์ประสบการ์ที่เราได้เดินทางกับที่นี่และรู้สึกประทับใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ทำทริปดีๆ ให้ราได้ท่องเที่ยวกันอีกในโอกาสหน้าค่ะ
(เนื่องจากเราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางบริษัท ท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อหลังไมค์นะคะ)
จริงๆเรามีแพลนเที่ยวปีละครั้ง ปลายปี2019ตั้งใจจะไปอิตาลี แต่ก็อย่างที่ทราบต้องพักก่อนนน ปีที่ผ่านมาเลยไม่มีทริปให้อวด มาเริ่มกันเลยค่ะ
เราวางแผนตั้งใจจะไปเที่ยวสแกนดิเนเวียค่ะ อยากไปดูแสงเหนือสักครั้งในชีวิต เก็บเงินมาทั้งปีอยากได้ทริปที่ไม่เหนื่อยมากได้เก็บไฮไลท์ที่เราต้องการครบ และใช้ระยะเวลาไม่นานมาก ก็ไปเจอกับโปรแกรมทัวร์นี้ก็ตรงกับที่เราตั้งเป้าไว้ ทัวร์สแกนดิเนเวีย 8วัน 6คืน มีฟินแลนด์ สวีเดน และเดนมาร์ก (ขาดนอร์เวย์ เป็นแพลนต่อไปตั้งใจจะเจาะลึกที่นี่ประเทศเดียว)ได้พักบ้านกระจก2 คืน 2บรรยากาศ ได้เห็นแสงเหนืออันนี้เกินคาด แต่ที่ผิดหวังก็น่าจะเป็นเรื่องหิมะ เพราะช่วงที่เราเดินทางปลายเดือนพ.ย.หิมะไม่ตกค่ะ เสียใจมาก ทางบริษัทก็แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนเดินทางแล้ว แต่เรื่องของธรรมชาติ เอาแน่นอนไม่ได้อันนี้เข้าใจ ก่อนเดินทางก็หวังว่าเราจะโชคดี หิมะตกช่วงที่เราไปถึง มาลุ้นกันค่ะว่าทริปนี้เราจะได้เจอหิมะไหม
สำหรับการเดินทางไปยุโรปแถบสแกนดิเนเวียนี้จะต้องขอวีซ่าเป็นวีซ่าเชงเก้นนะคะ เรายื่นขอวีซ่าที่ของประเทศฟินแลนด์ค่ะ ส่วนรายละเอียดเรื่องการขอวีซ่าเราไม่ขอลงในรีวิวนี้นะคะ ถ้าว่างๆจะมารีวิวเพิ่มเติมเรื่องขั้นตอนการขอวีซ่าของแต่ละประเทศให้ทราบ และมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันค่ะ อันนี้เราขอเน้นบรรยากาศ สถานที่เที่ยว และรูปความประทับใจ
ขอออกตัวก่อนนะคะว่ารูปทุกรูปเราถ่ายเองจากมือถือตัวเอง (มีบางรูปยืมมาจากเว็ปของโรงแรม) อาจดูชัดบ้างไม่ชัดบ้าง มุมอาจไม่สวยแบบมืออาชีพแต่เราตั้งใจและอยากแชร์เรื่องราวดีๆให้เพื่อนได้ชมด้วยความตั้งใจจริงค่ะ
มาเริ่มที่วันแรกกันเลย เราออกเดินทางด้วยสายการบินฟินแอร์ บินตรงไปลงที่เฮลซิงกิเมืองหลวงของฟินแลนด์ค่ะ เราออกเดินทางกันแต่เช้าเลยค่ะ ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไฟลท์ 9.05น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ9ชม. มาถึงสนามบินเฮลซิงกิ เวลาท้องถิ่น15.00น. เวลาเขาจะช้ากว่าเราประมาณ4ชม.นะคะ

ตัวอักษรF ตรงปลายปีกเครื่องบินสัญลักษณ์ของสายการบินฟินแอร์ค่ะ
เมื่อมาถึงสนามบินเรายังไม่ได้ออกไปไหนนะคะ เพราะเราต้องต่อเครื่องเพื่อไปลงที่เมื่องโรวาเนียมิ เขตแลปป์แลนด์จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ค่ะ โดยเราออกเดินทางจากสนามบินเฮลซิงกิเวลา 16.20น. ไปถึงสนามบินโรวาเนียมิ เวลา 17.40น. ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินประมาณ 1ชม.ครึ่งค่ะ
แล้วเราก็มาถึง เมืองโรวาเนียมิ(Rovaniemi) เมืองเหนือสุดของฟินแลนด์ ในเขตแลปแลนด์ ดินแดนของคุณลุงซานต้าขวัญใจเด็กๆ
เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ท้องฟ้าอาจไม่สดใส และมืดเร็ว ถ่ายรูปออกมาอาจดูมัวๆ แต่ก็โรแมนติกไปอีกแบบค่ะ
พอออกจากสนามบินเราก็พุ่งตรงไปยังที่พักเลยค่ะ
ที่พักของเราคืนนี้เป็นโรงแรม ชื่อSanta Igloo Artic Circle จะเป็นสไตล์รีสอร์ท ให้พักเป็นหลังๆ ที่พักจะสร้างเป็นเรือนกระจก ดีไซด์สวยงามทันสมัย ข้าวของเครื่องใช้ในห้องก็ยังใหม่สะอาด

อันนี้คือตัวห้องพักถ่ายจากข้างนอก เราเอามาจากเว็ปของโรงแรมค่ะ เพราะตอนที่เราไปถึงไม่มีมีแสงถ่ายออกมาไม่ส่วย น่ารักใช่มั๊ยคะ ของจริงก็สวยแบบนี้เลยค่ะ เพียงแค่ตอนเราไปถึงไม่มีแสงเหนือ กับหิมะ T_T แปลว่าวันนี้เรามาถึงแล้วยังไม่มีหิมะนะ มาตามลุ้นกันต่อค่ะ

เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอทางเข้าเล็กๆ ข้างในอุ่นนะคะ เพราะเขาทำจากกระจกนำความร้อนพิเศษ เก็บความร้อนได้ เพราะข้างในมีฮีตเตอร์ ไม่ต้องกลัวหนาวค่ะ

เตียงนอนค่ะ ทริปนี้เราพักกับพี่สาวค่ะนอนเตียงคู่

มุมนั่งเล่นน่ารักๆปลายเตียง หมอนเป็นรูปน้องกวางเรนเดียร์สัตว์เจ้าถิ่นของที่นี่
หลังจากสำรวจห้องพัก เก็บข้าวของเสร็จเราก็ไปทาน
อาหารเย็นกันค่ะ วันนี้ไม่ต้องไปไหนไกลทานที่ภัตตาคารของโรงแรมเลยค่ะ

สมาชิกทุกคนพร้อมมากค่ะ

ชอบความน่ารักของการจัดโต๊ะจัดจาน รายละเอียดดีเทลต่างๆแม้กระทั่งผ้ากันเปื้อน
มื้อนี้เป็นอาหารพื้นเมือง รสชาติอร่อยแบบไม่น่าเชื่อเรากินหมดเกลี้ยงทุกจาน จริงๆอาจเพราะหิวมากก็ได้ค่ะ

จานแรกเป็นซุปผักค่ะ อร่อยมากกกก เค้าจัดจานได้น่ารักดูเป็นธรรมชาติมาก

จานนี้เป็นสเต็กปลาแซลม่อน ที่นี่เค้านิยมทานปลากับเนื้อกวางกันค่ะ เราของเลือกปลาละกันนะ

และปิดด้วยขนมหวาน เป็นไอศกรีมเค้กนะคะ จะมีกลิ่นออกลาเวนเดอร์รสชาติหวานหอมสดชื่นมาก ทานคู่กับซอสส้ม และซอสเบอร์รี่ หวานตัดเปรี้ยวลงตัว หลับสบายค่ะคืนนี้
มาถึงวันที่สองของการเดินทาง วันนี้ตื่นเช้าเก็บของ ออกไปทานอาหารเช้าเตรียมตัวลุยต่อกันเลยค่ะ
เช้านี้สถานที่แรกที่เราจะมาเยือนคือ Santa Claus Village หมู่บ้านซานตาคลอส บ้านเกิดของคุณลุงซานต้าที่แท้ทรูค่ะ จากที่พักเดินทางมาถึงที่หมู่บ้านใช้เวลาไม่เกิน15 นาทีค่ะเพราะอยู่ใกล้กันมาก มาถึงที่นี่แล้วพลาดไม่ได้เลยคือการถ่ายรูปกับเส้น Arctic Circle เส้นแบ่งเขตตามเส้นรุ้งและเส้นแวง เพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลจะอยู่ที่66 องศา 32 ลิปดา 44ฟิลิปดาเหนือ แหะๆ โหมดความรู้ก็มีนะจ๊ะ

รอคิวถ่ายนานมากค่ะ เลยขออนุญาตถ่ายติดเพื่อนร่วมทริปแล้วกันนะคะรูปนี้

อุณหภูมิวันนี้ค่ะ 0 องศา นี่ยังไม่พีคสุดนะคะปกติดถ้าเข้าหน้าหนาวเต็มๆติดลบได้ถึง8 องศาเลยค่ะ

ตอนนี้เราเดินเข้ามาในบ้านคุณลุงซานต้าแล้วนะคะ ข้างในก็จะมีช้อปขายของฝากเกี่ยวกับคุณลุงซานต้ามากมายให้เลือกช้อปกันเพลินๆเลยค่ะ

ข้างในจะมีบริการให้ถ่ายรูปกับคุณลุงซานต้า อันนี้คิดเงินนะคะประมาณ 30ยูโรค่ะ จขกท.เลยต้องขออนุญาตเอาตัวเองมาถ่ายภาพหมู่ตรงนี้แล้วกันนะคะ

ใบเซอร์จ้า ที่แปะเหลืองๆไว้เป็นชื่อเราเองน๊า เขาให้ไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งนึงเราได้มาเหยียบเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลแล้ว เท่ไม่เบา อันนี้ปกติไม่รู้ว่าคนที่ไปจะได้ทุกคนหรือเปล่า ทางทัวร์ส่งให้เราหลังจากที่เดินทางกลับมาถึงบ้านแล้วนะคะ น่ารักมากค่ะขอชื่นชม
หลังจากที่เราได้ชื่นชมกับบรรยากาศน่ารักๆที่หมู่บ้านซานต้าคลอสกันพอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางต่อกันแล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะเข้าเมืองไปชมบรรยากาศของเมืองโรวาเนียมิ(Rovaniemi) กันค่ะ วันที่มาถึงจะเป็นวันเสาร์ วันหยุดของคนที่นี่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ผู้คนหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และอีกอย่างที่นี่เป็นเมืองเล็กๆผู้คนไม่พลุกพล่าน เราเลยได้โอกาสเดินเที่ยวสำรวจพื้นที่เพลินๆกันไปเลย

ย่านใจกลางเมือง จะเห็นว่าเงียบมาก ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6โมงเย็นค่ะ ร้านขายของ ซุปเปอร์มาเก็ตยังเปิดปกตินะคะ

รถจอดกันเป็นระเบียบมากค่ะ

เริ่มเห็นคนเดินกันบ้างแล้วค่ะ

ที่เห็นนี้ชาวแก๊งของเราเองค่ะไม่ใช่คนท้องถิ่นนะคะ เห็นเดินๆกันอยู่นั้นนักท่องเที่ยวเอเชียทั้งนั้นเลยค่ะ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น

เราเดินกันมาจนสุดถนนก็มาเจอกับแม่น้ำใหญ่ และสะพานข้ามแม่น้ำ ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บรรยากาศดีมากเลยค่ะ สะพานตรงนี้ตอนเราเดินทางมาจากหมู่บ้านซานตาคลอส เราต้องนั่งรถผ่านตรงนี้ด้วยนะคะ เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่จะพาเราไปยังเมืองต่อไปค่ะ

ภาพอีกฝั่งนึงค่ะ เดี๋ยวจะไปหาคำตอบมาให้นะคะว่าแม่น้ำนี้ชื่อว่าแม่น้ำอะไร
หลังจากสำรวจเมืองโรวาเนียมิกันจนทะลุปรุโปร่งแล้วเราก็ได้เวลาเดินทางทางต่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันนี้กัน นั่นก้คือเมืองเลวี (Levi) เมืองสกีรีสอร์ท นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จุดประสงค์หลักเลยคือการเล่นสกี สกีรีสอร์ทของที่นี่มีชื่อเสียงมากค่ะ
มาถึงที่นี่ก็มืดแล้วค่ะ บรรยากาศลานสกี ทางเข้าโรงแรมที่พักค่ะ
คืนนี้เราพักที่โรงแรม Panorama Levi นะคะ ที่นี่มีบริการซาวน่าด้วยนะคะ เราเพิ่งได้ความรู้ใหม่ว่าการซาวน่าคือกิจกรรม ธรรมเนียมที่คนฟินแลนด์ชื่นชอบและเป็นที่นิยมอย่างมากค่ะ เนื่องจากบ้านเมืองเขาอากาศค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปี ดังนั้นถ้าใครมาฟินแลนด์และมาพักที่นี่ก็อย่าลืมขึ้นไปใช้บริการซาวน่าที่ชั้น7 นะคะ แต่เราไม่ได้ใช้บริการค่ะ เพราะแอบขึ้นไปสำรวจแล้วดันไปจ๊ะเอ๋กับหนุ่มหุ่นล่ำตาน้ำข้าวที่กำลังซาวน่าอยู่ จริงๆเขาจะแยกโซนชายหญิงนะคะ แต่ทางเข้ามันจะเป็นโซนของผู้ชายก่อน สุดท้ายใจไม่กล้าพอต้องรีบเผ่นเข้าห้องนอนไป

ห้องนอนเราคืนนี้ค่ะเห็นเตียงแล้วอยากกระโดดเข้าใส่เลยค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ววันนี้

น้องน่ารักมั๊ยคะ เจ้าตุ๊กตาตัวนี้คือสุนัขจิ้งจอก เป็นสัตว์ประจำถิ่นของที่นี่ แต่อย่าเผลอหยิบน้องใส่กระเป๋าเชียวนะดูที่หูน้องก่อน 15 ยูโรเลยนาจา ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 460บาท

อีกมุมของห้องค่ะ เปิดหน้าต่างไปจะเป็นลานสกีที่เราเห็นตรงทางเข้าเลยค่ะ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปให้ดู^^

ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนะคะ แล้วพรุ่งนี้มาพบกันใหม่ กลับสถานที่ในฝันและวันของแสงเหนือค่ะ
วันที่สามของการเดินทางค่ะ
เช่นเคยค่ะ ทานอาหารเช้า เก็บข้าวของเตรียมตัวออกเดินทางกันค่ะ วันนี้จุดหมายปลายทางของเราคือ หมู่บ้านอิกกลู แคคสลอตทาเนน เมืองซาริเซลก้า(Saariselka) ที่นี่อากาศหนาวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าหนาว เดือนตุลาคม ถึง มีนาคม ของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8 -
[CR] เปิดประสบการณ์เที่ยวสแกนดิเนเวีย 8วัน 6คืน กับทัวร์ชื่อดังแถบสแกน
(เนื่องจากเราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางบริษัท ท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อหลังไมค์นะคะ)
จริงๆเรามีแพลนเที่ยวปีละครั้ง ปลายปี2019ตั้งใจจะไปอิตาลี แต่ก็อย่างที่ทราบต้องพักก่อนนน ปีที่ผ่านมาเลยไม่มีทริปให้อวด มาเริ่มกันเลยค่ะ
เราวางแผนตั้งใจจะไปเที่ยวสแกนดิเนเวียค่ะ อยากไปดูแสงเหนือสักครั้งในชีวิต เก็บเงินมาทั้งปีอยากได้ทริปที่ไม่เหนื่อยมากได้เก็บไฮไลท์ที่เราต้องการครบ และใช้ระยะเวลาไม่นานมาก ก็ไปเจอกับโปรแกรมทัวร์นี้ก็ตรงกับที่เราตั้งเป้าไว้ ทัวร์สแกนดิเนเวีย 8วัน 6คืน มีฟินแลนด์ สวีเดน และเดนมาร์ก (ขาดนอร์เวย์ เป็นแพลนต่อไปตั้งใจจะเจาะลึกที่นี่ประเทศเดียว)ได้พักบ้านกระจก2 คืน 2บรรยากาศ ได้เห็นแสงเหนืออันนี้เกินคาด แต่ที่ผิดหวังก็น่าจะเป็นเรื่องหิมะ เพราะช่วงที่เราเดินทางปลายเดือนพ.ย.หิมะไม่ตกค่ะ เสียใจมาก ทางบริษัทก็แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนเดินทางแล้ว แต่เรื่องของธรรมชาติ เอาแน่นอนไม่ได้อันนี้เข้าใจ ก่อนเดินทางก็หวังว่าเราจะโชคดี หิมะตกช่วงที่เราไปถึง มาลุ้นกันค่ะว่าทริปนี้เราจะได้เจอหิมะไหม
สำหรับการเดินทางไปยุโรปแถบสแกนดิเนเวียนี้จะต้องขอวีซ่าเป็นวีซ่าเชงเก้นนะคะ เรายื่นขอวีซ่าที่ของประเทศฟินแลนด์ค่ะ ส่วนรายละเอียดเรื่องการขอวีซ่าเราไม่ขอลงในรีวิวนี้นะคะ ถ้าว่างๆจะมารีวิวเพิ่มเติมเรื่องขั้นตอนการขอวีซ่าของแต่ละประเทศให้ทราบ และมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันค่ะ อันนี้เราขอเน้นบรรยากาศ สถานที่เที่ยว และรูปความประทับใจ
ขอออกตัวก่อนนะคะว่ารูปทุกรูปเราถ่ายเองจากมือถือตัวเอง (มีบางรูปยืมมาจากเว็ปของโรงแรม) อาจดูชัดบ้างไม่ชัดบ้าง มุมอาจไม่สวยแบบมืออาชีพแต่เราตั้งใจและอยากแชร์เรื่องราวดีๆให้เพื่อนได้ชมด้วยความตั้งใจจริงค่ะ
มาเริ่มที่วันแรกกันเลย เราออกเดินทางด้วยสายการบินฟินแอร์ บินตรงไปลงที่เฮลซิงกิเมืองหลวงของฟินแลนด์ค่ะ เราออกเดินทางกันแต่เช้าเลยค่ะ ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไฟลท์ 9.05น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ9ชม. มาถึงสนามบินเฮลซิงกิ เวลาท้องถิ่น15.00น. เวลาเขาจะช้ากว่าเราประมาณ4ชม.นะคะ
ตัวอักษรF ตรงปลายปีกเครื่องบินสัญลักษณ์ของสายการบินฟินแอร์ค่ะ
เมื่อมาถึงสนามบินเรายังไม่ได้ออกไปไหนนะคะ เพราะเราต้องต่อเครื่องเพื่อไปลงที่เมื่องโรวาเนียมิ เขตแลปป์แลนด์จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ค่ะ โดยเราออกเดินทางจากสนามบินเฮลซิงกิเวลา 16.20น. ไปถึงสนามบินโรวาเนียมิ เวลา 17.40น. ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินประมาณ 1ชม.ครึ่งค่ะ
แล้วเราก็มาถึง เมืองโรวาเนียมิ(Rovaniemi) เมืองเหนือสุดของฟินแลนด์ ในเขตแลปแลนด์ ดินแดนของคุณลุงซานต้าขวัญใจเด็กๆ
เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ท้องฟ้าอาจไม่สดใส และมืดเร็ว ถ่ายรูปออกมาอาจดูมัวๆ แต่ก็โรแมนติกไปอีกแบบค่ะ
พอออกจากสนามบินเราก็พุ่งตรงไปยังที่พักเลยค่ะ
ที่พักของเราคืนนี้เป็นโรงแรม ชื่อSanta Igloo Artic Circle จะเป็นสไตล์รีสอร์ท ให้พักเป็นหลังๆ ที่พักจะสร้างเป็นเรือนกระจก ดีไซด์สวยงามทันสมัย ข้าวของเครื่องใช้ในห้องก็ยังใหม่สะอาด
อันนี้คือตัวห้องพักถ่ายจากข้างนอก เราเอามาจากเว็ปของโรงแรมค่ะ เพราะตอนที่เราไปถึงไม่มีมีแสงถ่ายออกมาไม่ส่วย น่ารักใช่มั๊ยคะ ของจริงก็สวยแบบนี้เลยค่ะ เพียงแค่ตอนเราไปถึงไม่มีแสงเหนือ กับหิมะ T_T แปลว่าวันนี้เรามาถึงแล้วยังไม่มีหิมะนะ มาตามลุ้นกันต่อค่ะ
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอทางเข้าเล็กๆ ข้างในอุ่นนะคะ เพราะเขาทำจากกระจกนำความร้อนพิเศษ เก็บความร้อนได้ เพราะข้างในมีฮีตเตอร์ ไม่ต้องกลัวหนาวค่ะ
เตียงนอนค่ะ ทริปนี้เราพักกับพี่สาวค่ะนอนเตียงคู่
มุมนั่งเล่นน่ารักๆปลายเตียง หมอนเป็นรูปน้องกวางเรนเดียร์สัตว์เจ้าถิ่นของที่นี่
หลังจากสำรวจห้องพัก เก็บข้าวของเสร็จเราก็ไปทาน
อาหารเย็นกันค่ะ วันนี้ไม่ต้องไปไหนไกลทานที่ภัตตาคารของโรงแรมเลยค่ะ
สมาชิกทุกคนพร้อมมากค่ะ
ชอบความน่ารักของการจัดโต๊ะจัดจาน รายละเอียดดีเทลต่างๆแม้กระทั่งผ้ากันเปื้อน
มื้อนี้เป็นอาหารพื้นเมือง รสชาติอร่อยแบบไม่น่าเชื่อเรากินหมดเกลี้ยงทุกจาน จริงๆอาจเพราะหิวมากก็ได้ค่ะ
จานแรกเป็นซุปผักค่ะ อร่อยมากกกก เค้าจัดจานได้น่ารักดูเป็นธรรมชาติมาก
จานนี้เป็นสเต็กปลาแซลม่อน ที่นี่เค้านิยมทานปลากับเนื้อกวางกันค่ะ เราของเลือกปลาละกันนะ
และปิดด้วยขนมหวาน เป็นไอศกรีมเค้กนะคะ จะมีกลิ่นออกลาเวนเดอร์รสชาติหวานหอมสดชื่นมาก ทานคู่กับซอสส้ม และซอสเบอร์รี่ หวานตัดเปรี้ยวลงตัว หลับสบายค่ะคืนนี้
มาถึงวันที่สองของการเดินทาง วันนี้ตื่นเช้าเก็บของ ออกไปทานอาหารเช้าเตรียมตัวลุยต่อกันเลยค่ะ
เช้านี้สถานที่แรกที่เราจะมาเยือนคือ Santa Claus Village หมู่บ้านซานตาคลอส บ้านเกิดของคุณลุงซานต้าที่แท้ทรูค่ะ จากที่พักเดินทางมาถึงที่หมู่บ้านใช้เวลาไม่เกิน15 นาทีค่ะเพราะอยู่ใกล้กันมาก มาถึงที่นี่แล้วพลาดไม่ได้เลยคือการถ่ายรูปกับเส้น Arctic Circle เส้นแบ่งเขตตามเส้นรุ้งและเส้นแวง เพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลจะอยู่ที่66 องศา 32 ลิปดา 44ฟิลิปดาเหนือ แหะๆ โหมดความรู้ก็มีนะจ๊ะ
รอคิวถ่ายนานมากค่ะ เลยขออนุญาตถ่ายติดเพื่อนร่วมทริปแล้วกันนะคะรูปนี้
อุณหภูมิวันนี้ค่ะ 0 องศา นี่ยังไม่พีคสุดนะคะปกติดถ้าเข้าหน้าหนาวเต็มๆติดลบได้ถึง8 องศาเลยค่ะ
ตอนนี้เราเดินเข้ามาในบ้านคุณลุงซานต้าแล้วนะคะ ข้างในก็จะมีช้อปขายของฝากเกี่ยวกับคุณลุงซานต้ามากมายให้เลือกช้อปกันเพลินๆเลยค่ะ
ข้างในจะมีบริการให้ถ่ายรูปกับคุณลุงซานต้า อันนี้คิดเงินนะคะประมาณ 30ยูโรค่ะ จขกท.เลยต้องขออนุญาตเอาตัวเองมาถ่ายภาพหมู่ตรงนี้แล้วกันนะคะ
ใบเซอร์จ้า ที่แปะเหลืองๆไว้เป็นชื่อเราเองน๊า เขาให้ไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งนึงเราได้มาเหยียบเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลแล้ว เท่ไม่เบา อันนี้ปกติไม่รู้ว่าคนที่ไปจะได้ทุกคนหรือเปล่า ทางทัวร์ส่งให้เราหลังจากที่เดินทางกลับมาถึงบ้านแล้วนะคะ น่ารักมากค่ะขอชื่นชม
หลังจากที่เราได้ชื่นชมกับบรรยากาศน่ารักๆที่หมู่บ้านซานต้าคลอสกันพอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางต่อกันแล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะเข้าเมืองไปชมบรรยากาศของเมืองโรวาเนียมิ(Rovaniemi) กันค่ะ วันที่มาถึงจะเป็นวันเสาร์ วันหยุดของคนที่นี่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ผู้คนหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และอีกอย่างที่นี่เป็นเมืองเล็กๆผู้คนไม่พลุกพล่าน เราเลยได้โอกาสเดินเที่ยวสำรวจพื้นที่เพลินๆกันไปเลย
ย่านใจกลางเมือง จะเห็นว่าเงียบมาก ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6โมงเย็นค่ะ ร้านขายของ ซุปเปอร์มาเก็ตยังเปิดปกตินะคะ
รถจอดกันเป็นระเบียบมากค่ะ
เริ่มเห็นคนเดินกันบ้างแล้วค่ะ
ที่เห็นนี้ชาวแก๊งของเราเองค่ะไม่ใช่คนท้องถิ่นนะคะ เห็นเดินๆกันอยู่นั้นนักท่องเที่ยวเอเชียทั้งนั้นเลยค่ะ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น
เราเดินกันมาจนสุดถนนก็มาเจอกับแม่น้ำใหญ่ และสะพานข้ามแม่น้ำ ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บรรยากาศดีมากเลยค่ะ สะพานตรงนี้ตอนเราเดินทางมาจากหมู่บ้านซานตาคลอส เราต้องนั่งรถผ่านตรงนี้ด้วยนะคะ เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่จะพาเราไปยังเมืองต่อไปค่ะ
ภาพอีกฝั่งนึงค่ะ เดี๋ยวจะไปหาคำตอบมาให้นะคะว่าแม่น้ำนี้ชื่อว่าแม่น้ำอะไร
หลังจากสำรวจเมืองโรวาเนียมิกันจนทะลุปรุโปร่งแล้วเราก็ได้เวลาเดินทางทางต่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันนี้กัน นั่นก้คือเมืองเลวี (Levi) เมืองสกีรีสอร์ท นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จุดประสงค์หลักเลยคือการเล่นสกี สกีรีสอร์ทของที่นี่มีชื่อเสียงมากค่ะ
มาถึงที่นี่ก็มืดแล้วค่ะ บรรยากาศลานสกี ทางเข้าโรงแรมที่พักค่ะ
คืนนี้เราพักที่โรงแรม Panorama Levi นะคะ ที่นี่มีบริการซาวน่าด้วยนะคะ เราเพิ่งได้ความรู้ใหม่ว่าการซาวน่าคือกิจกรรม ธรรมเนียมที่คนฟินแลนด์ชื่นชอบและเป็นที่นิยมอย่างมากค่ะ เนื่องจากบ้านเมืองเขาอากาศค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปี ดังนั้นถ้าใครมาฟินแลนด์และมาพักที่นี่ก็อย่าลืมขึ้นไปใช้บริการซาวน่าที่ชั้น7 นะคะ แต่เราไม่ได้ใช้บริการค่ะ เพราะแอบขึ้นไปสำรวจแล้วดันไปจ๊ะเอ๋กับหนุ่มหุ่นล่ำตาน้ำข้าวที่กำลังซาวน่าอยู่ จริงๆเขาจะแยกโซนชายหญิงนะคะ แต่ทางเข้ามันจะเป็นโซนของผู้ชายก่อน สุดท้ายใจไม่กล้าพอต้องรีบเผ่นเข้าห้องนอนไป
ห้องนอนเราคืนนี้ค่ะเห็นเตียงแล้วอยากกระโดดเข้าใส่เลยค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ววันนี้
น้องน่ารักมั๊ยคะ เจ้าตุ๊กตาตัวนี้คือสุนัขจิ้งจอก เป็นสัตว์ประจำถิ่นของที่นี่ แต่อย่าเผลอหยิบน้องใส่กระเป๋าเชียวนะดูที่หูน้องก่อน 15 ยูโรเลยนาจา ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 460บาท
อีกมุมของห้องค่ะ เปิดหน้าต่างไปจะเป็นลานสกีที่เราเห็นตรงทางเข้าเลยค่ะ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปให้ดู^^
ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนะคะ แล้วพรุ่งนี้มาพบกันใหม่ กลับสถานที่ในฝันและวันของแสงเหนือค่ะ
วันที่สามของการเดินทางค่ะ
เช่นเคยค่ะ ทานอาหารเช้า เก็บข้าวของเตรียมตัวออกเดินทางกันค่ะ วันนี้จุดหมายปลายทางของเราคือ หมู่บ้านอิกกลู แคคสลอตทาเนน เมืองซาริเซลก้า(Saariselka) ที่นี่อากาศหนาวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าหนาว เดือนตุลาคม ถึง มีนาคม ของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8 -
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้