เรื่องไวรัสตอนนี้มันไม่ใช้แค่ปัญหาทั่วไปที่ใครจะหยุดได้ง่ายๆแล้ว
เพราะมันเป็นเรื่องของทั้งโลกที่ระบาดอย่างหนักหน่วงและหาทางรักษา หาวัคซีนมากำราบมันต่อไป
ในช่วงเวลานี้ทุกคนต่างก็ต้องช่วยเหลือ ดูแลตัวเองในเบื้องต้นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
นอกจากการกักตัว หยุดเชื้อ เพื่อชาติกันแล้ว ของส่วนใหญ่ที่จะใช้เป็นอาวุธดูแล ป้องกันตัวเองได้ ก็หนีไม่พ้นพวกหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์นี่แหละ 
แล้วก็ไม่รู้เป็นอย่างไร ประเด็นนี้หน้ากากอนามัยกับแอลกอฮอล์จะต้องมีประเด็นให้ถกเถียงกันอยู่เสมอๆ 
ล่าสุดก็เป็นประเด็นแอลกอฮอล์ที่มีปั๊มน้ำมันเอามาจำหน่ายในราคา 110 บาท ปริมาณ 1 ลิตร
ทางเราก็ว่าดีจะตาย อย่างน้อยก็ยังมีใครสักคนมาขายของในราคาที่มันไม่ได้แพงหูฉี่ เพราะก่อนหน้านี้ราคาแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อในตลาดราคามันไปไกลมากกกก 300-400 บาท  ยามวิกฤติก็แบบนี้แหละของที่จำเป็นจำต้องใช้มักแพงเสมอ นี่ยังไม่พูดถึงพวกพ่อค้าแม่ค้าหัวใสตุนของ เก็งกำไรกันอีกนะ 
แต่กลายเป็นว่าก็มีการมานั่งจับผิดเรื่องราคาแอลกอฮอล์ที่ปั๊มน้ำมันเขาเอามาจำหน่าย บอกขาย 110 บาท เนี่ยแพงกำไรมากมาย เพราะเอาไปเทียบกับราคาน้ำมัน E85 ที่ใช้แอลกอฮอล์ผสมเช่นกัน 
ผมนี่กุมขมับแทนปั๊มน้ำมันเลย เอามาขายด้วยเจตนาดีต้องการเป็นอีกแหล่งให้คนได้เข้าถึงแอลกอฮอล์ราคา  “ปกติ”  กลับต้องมานั่งเจอกระแสสังคมพวกที่ชอบจับผิดกันซะอย่างนั้น
เรื่องการเปรียบเทียบราคาขายถูกขายแพงในครั้งนี้ผมว่ามันก็ทำกันได้ แต่มันควรทำให้ถูกหลักกันเสียหน่อยดีกว่าไหม
 


แอลกอฮอล์หรือเอทานอลที่เอามาผสมในน้ำมัน มันมีความเข้มข้นที่ต่างจากแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เมื่อความเข้นข้นต่างกันราคาจึงแตกต่างกันไปด้วย แล้วแอลกอฮอล์ที่ใช้มันก็คนละตัวกันเลยครับ 
แล้วประเภทเอาราคาน้ำมัน E85 มาเทียบอีก ประทานโทษครับ ช่วยย้อนกลับไปดูโครงสร้างราคาน้ำมันด้วย ที่กองทุนน้ำมันเขาได้ทำการชดเชยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่างๆ เวลาพวกท่านเอามาเทียบกันมันก็ถูกกว่าสิครับ เพราะมันได้รับการชดเชยมาแล้ว
ถ้าอยากจะเปรียบเทียบกันจริงๆ แนะนำให้เอาแอลกอฮอล์ประเภทเดียวกันมาเทียบกันเลยดีกว่า แบบนั้นชัดเจนใครถูกใครแพงว่ากันตามเนื้อผ้าเลย ไม่ต้องมานั่งอธิบายกันให้สับสนกันอีก
เวลานี้มันควรจะเอาเรี่ยวแรงมาช่วยเหลือกันมากกว่าที่จะมานั่งจับผิดใครขาดทุนใครกำไร ผมเห็นพวกพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นๆ ไม่เห็นจะเป็นกระแสสังคมเลย พอปั๊มออกมาขายเท่านั้นแหละ ดราม่ากันยกใหญ่  เหนื่อยใจจริงครับ