ข้อมูลน่าเป็นห่วง ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19สะสมของไทย เพิ่มเป็น2เท่าใน4วัน (ถึง2เมย.)

ก่อนหน้านี้เราอาจดูข้อมูลผู้ติดเชื้อสะสมกัน ซึ่งของไทย เพิ่มเป็น2เท่าใน 9วัน ในขณะที่ของโลก 8วัน ของUS 5 วัน ซึ่งถือว่าของไทยผู้ติดเชื้อเพิ่มไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเฉลี่ยทั่วโลก
 
ทีนี้มาดูข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโควิด-19สะสมของไทย เพิ่มเป็น2เท่าใน 4วัน (ถึง2เมย.) ในขณะที่ของโลก 7 วัน ของ US 3 วัน ถือว่าน่าเป็นห่วง ถ้านับรวมวันนี้(3เมย.) ของไทยเริ่มต่ำกว่า 4 วันแล้ว
 
เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลอัตราผู้เสียชีวิต ฟังจากข่าวประวัติผู้ชีวิตของไทย ก็น่าเป็นห่วงที่มีช่วงเวลาจากการยืนยันการติดเชื้อถึงการชีวิตมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยยะ คือมีกรณีที่ระยะเวลาจากการยืนยันถึงเสียชีวิตน้อยกว่า 7วันหลายกรณี รวมถึงมีกรณีที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการได้ไปรับการตรวจที่สถานพยาบาลแต่ไม่ได้รับการตรวจเชื้อโควิด รับยากลับไปทานที่บ้าน แล้วในที่สุดมารพ.อีกทีด้วยอาการหนักตรวจยืนยันว่าติดเชื้อโควิดแต่สายไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้มีหลายกรณีเช่นเดียวกัน ล่าสุดมีกรณีที่ยืนยันการติดเชื้อหลังจากการเสียชีวิตแล้ว
 
ทราบดีครับว่ามันเป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มีข้อมูลพัฒนาการของโรค/แนวทางการรักษาที่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ เราก็ยังสามารถเรียนรู้ได้บ้างจากประเทศที่มีข้อมูลค่อนข้างมาก เช่น จีน เกาหลีใต้ อิตาลี ฯ โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นในไทย
 
 เตือนเพื่อก่อนะครับ ให้คิดถึงสถานะการณ์โดยรวม หาแนวทางปรับปรุงเพื่ออนาคต ดูว่าอะไรสำคํญกว่ากันแล้วให้ทรัพยากรที่มีจำกัดไปที่สิ่งที่สำคัญกว่า
 
สำหรับผมเห็นว่าควรพิจารณาแก้ที่ต้นทาง นอกจากมาตรการเพิ่มระยะห่างที่ผมเห็นอย่างยิ่งแล้ว การจำกัดจำนวนผู้ที่สามารถแพร่เชื้อในสังคมได้โดยการลดเงื่อนไขการตรวจเชื้อ+รณรงค์ให้ปชช.รีบมาตรวจตั้งแต่อาการน้อยแต่เนิ่นๆ มากกว่าที่จะตรวจน้อยตามเงื่อนไขเดิม นอกจากจะจำกัดจำนวนผู้ที่สามารถแพร่เขื้อในสังคมแล้วยังสามรถให้การรักษาที่เหมาะสมแต่เนิ่นๆอาการยังไม่หนักมาก โอกาสที่จะควบคุมจำนวนผู้มีอาการหนัก/วิกฤตได้ดีกว่า เป็นการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า
 
สุดท้ายผมขอบคุณและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทุกภาคส่วนในการรับมือกับวิกฤตนี้ครับ
 
ดูข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโควิด-19สะสมปรียบเทียบรายประเทศได้จาก https://ourworldindata.org/coronavirus#the-growth-rate-of-covid-19-deaths
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่