วาณิชในนาวา
๏ วาณิชลงนาวา ลงอาณาชลาศัย
บานทองบรรทุกไว้ ค่าข้าค้าคั่งค้างฟ้า
คั่งค้างฟุ้งคว้างฝัน ฟุ้งเฟ้อคันธมาทน์หนา
มาดคลาดขาดคันนา มาดค้นหามากโภไคย
โภคินกระสินธุ์ส่ง กระสานติ์คงดรงค์ไหล
ลมเรื่อยกระแสไป ก็ราบรื่นอยู่ในที
พลันฟ้าสบถลั่น สงบพลันสะเทือนผี
ครืนครืนค้อมคลื่นคี- ตขย้อนขย้ำวาฬ
ขยั้น ฤ วาณิช ขยิ่มคิดขยองขาน
แค่ค่อยขยลคาน ฤ ทัดทานสำเภาทอง
สั่งการกะลาสี กระแสจี้ก็จองหอง
กราบเฝ้าเจ้ากระกอง กระฎุมพีกระกองกาญจน์
ก่นกองกะลาสี กระลาชี้ก็ร้าวฉาน
ครุครุกุลีงาน ก็ร้าวรานคุกรุ่นใน
... วาตวัดหนึ่งพัดผ่าน ...
วาณิชหว่านวากย์วุ่นไหว
จัดแจงโภชาชัย ช่วงเฉลิมแช่มฉลอง
แช่งแช่งกะลาสี กระลารี้สรวมผยอง
ไม่ทนมือเท้ารอง ผกาศก้องขบถกัน
ขบถขู่กู้ศรีศักดิ์ วาณิชควักพระแสงขันธ์
ปะเปรี้ยงประเดียงควัน คละคลุ้งคั่นข้างร่างราย
ข้างล่างกายล้มกอง ลูกเรือร้องเร่งหนีหาย
ล่นน้ำเร่งหนีตาย เร่งฝีพายเรือน้อยเปิง
ร่อยเหลือสิบหยิบมือ ลูกเรือถือทนถ่อเถิง
ฝั่งฟ้าฝันเถกิง ถกลเกียรติถกลไกร
ถากลถกลก่อ ม่านฟ้าม่อเมฆินทร์ไหม้
แดงดั้นโลกันตร์ใด ฉาบฟากฟ้ากลนรก
ฟ้ากลั้วนรกเกลี้ย ทะมึนเรี่ยทมอปรก
ลมไร้ละเลียดรก- ร้างล้างร้างลางมารมรณ์
ม้วยมรณ์อัมพรมาฬ์ก ม่านเปิดฉากทะมื่นกร่อน
แดงกลับดำกาฬกลอน สะเดาะเฟี้ยมทมิฬนิรัย
คลั่งคลื่นกลืนสิงขร เขยื้อนคลอนอสงไขย
ครื่นครื่นกลืนไผท กะขยุ้มขยี้โลก
หวาดหวาดขลาดวาณิช แขยงกิจขยลโกรก
เคียววาตฆาฏกรรโชก กะกระชากชะตากรรม
หมดกล้าชฎาทิ้ง กลัวเผ่นกลิ้งชะตากล้ำ
แจ้นหนีเข้าห้องนำ ช่างกะลาช่างกุลี
กูลี้หนีคุมโปง ในห้องโคลงเคลงกูหนี
ขอข้อแค่ชีวี ไม่อยากตายแค่อยากรวย
รัวรัวระรีขวาง ที่ทองข้างก็ขวนขวย
รึเจอะรึเจอทวย ทองเก็บเนืองอีกที่นึง
โลภาในลาเภศ ไม่ลาเศษเพียงสลึง
โลภเลปน์รีบลุกจึง ล้มลื่นตึงรางวิญญาณ
วิญญาณแค่เลือนหลุด ยังยั้งหยุดยังสังขาร
ดีดนิ้วกระดิกกาล จงรู้สึกจงรู้สา
วาณิชจิตรู้สึก รู้น้ำลึกท่วมเกศา
ท้นท่วมทั่วโกลา- หละลุกสำลักครัน
อาโปเปี่ยมถ้วนทั่ว ปูนรัวรั่วรึเรือฉัน
ทว่าที่สำคัญ ทองเท่านั้นควรอยู่ดี
ทว่าเมื่อเปิดห้อง เพียงเปล่าทองพบไม่มี
หายพร้อมกะลาสี ไม่มีแล้วไม่มีเลย
จบแล้ว ฤ ความฝัน เพียรวางชั้นพลันว่างเฉย
หอคอยพังพาบเกย ฝั่งอาลัยฝังอารัมภ์
... วาตวายสองผ้ายผ่าน ...
วาณิชปานตายถลำ
วิดน้ำจากเรือลำ จากลาภแล้วจากลาภเลย
เหลือเดียวเสี้ยวชีวิต ยังลิขิตชดใช้เผย
กรรมก่อนห่อนการเคย ยังคงยื่นประสบการณ์
วาณิชทอดอาลัย มองฟ้าไกลไม่เห็นฐาน
แผ่นพื้นแผ่นดินพาน ฝั่งชีวิตฝังชีวิต
ฝั่งเกียนก็เพี้ยนกว่า น้ำไร้ปลามายาปิด
โภชังคลังวาณิช ก็ร่อยหรอส่อมิเหลือ
เหลือเศษเปรตชีวิต มีเพียงจิตติดร่างเนื้อ
ทิ้งร่างกลางลำเรือ กลางสำเภากูณฑ์เผากาย
...
ม่านเมฆพลันมืดมิด พลันมืดริดสรรพแสงหาย
การกลครั้งสุดท้าย ยะย่างกรายยะเยียบกัลป์
ยะย้ายกร้ายเกรี้ยวกราด ยุคันต์วาตยุติสวรรค์
พัดโลกพัดโลกันตร์ พลัดจากกันฟ้าและดิน
ฟ้าดินกลับหัวหาง กลับหัวกลางแสกกระสินธุ์
แยกธาตุแยกชีวิน พ่างพังภินท์ทุกเผ่าพันธุ์
คลื่นคลื่นกะกลืนหาว กะกลืนดาวกะกลืนจันทร์
กะกลืนพื้นสรวงสันต์ กะกลืนยันจักรวาล
ครืนครืนเคลื่อนเข้ามา กังวานฆ่าคีตะขาน
เพลงเบิกทวารบาล จากห้วงเป็นสู่ห้วงตาย
...
วาณิชลงคุกเข่า วอนพระเจ้าครั้งสุดท้าย
ก่อนปลงปลิดปราณวาย ขอข้าคลายความทุกข์ทัณฑ์
ครืนครืนเคลื่อนคืนค่ำ เคลื่อนดินต่ำจากสวรรค์
เคลื่อนแสงออกจากวัน เคลื่อนเวลาจากเวลา
...
พลันแสงกระจ่างแจ้ง สาดทแยงจากเวหา
พลันฟ้ากระจ่างตา กระจ้างจ้ากระจ่างใจ
ไก่แจ้ไก่แจ้งขัน วาณิชพลันน้ำตาไหล
ฝั่งฟากอยู่ไม่ไกล กระจ่างใจกระจ่างแจ้ง
... วายวอดสามรอดผ่าน ...
ทุกเหตุการณ์ทุกระแหง
เปลี่ยนตาที่เรื่อแดง ให้เห็นแจ้งให้เห็นจริง
น้ำตาก็อาบเอ่อ ที่พบเจอในทุกสิ่ง
พบแล้ทองแท้จริง ค่าข้าค้นขึ้นค้างฟ้า ๚ะ
วาณิชลงนาวา ลงกราบหญ้าโลภาทิ้ง
ไห้อื้นสะอื้นอิง แอบแนบนิ่งหนึ่งไผท
วาณิชลงนาวา ล่องนารากระแสใส
ล่องเรื่อยกระสินธุ์ไป สู่ดินแดนอันนิรันดร์ ๚ะ๛
_____________________________________________
_________________จบบริบูรณ์___________________
ยาวจัง...
วาณิชในนาวา
บานทองบรรทุกไว้ ค่าข้าค้าคั่งค้างฟ้า
คั่งค้างฟุ้งคว้างฝัน ฟุ้งเฟ้อคันธมาทน์หนา
มาดคลาดขาดคันนา มาดค้นหามากโภไคย
โภคินกระสินธุ์ส่ง กระสานติ์คงดรงค์ไหล
ลมเรื่อยกระแสไป ก็ราบรื่นอยู่ในที
พลันฟ้าสบถลั่น สงบพลันสะเทือนผี
ครืนครืนค้อมคลื่นคี- ตขย้อนขย้ำวาฬ
ขยั้น ฤ วาณิช ขยิ่มคิดขยองขาน
แค่ค่อยขยลคาน ฤ ทัดทานสำเภาทอง
สั่งการกะลาสี กระแสจี้ก็จองหอง
กราบเฝ้าเจ้ากระกอง กระฎุมพีกระกองกาญจน์
ก่นกองกะลาสี กระลาชี้ก็ร้าวฉาน
ครุครุกุลีงาน ก็ร้าวรานคุกรุ่นใน
... วาตวัดหนึ่งพัดผ่าน ...
วาณิชหว่านวากย์วุ่นไหว
จัดแจงโภชาชัย ช่วงเฉลิมแช่มฉลอง
แช่งแช่งกะลาสี กระลารี้สรวมผยอง
ไม่ทนมือเท้ารอง ผกาศก้องขบถกัน
ขบถขู่กู้ศรีศักดิ์ วาณิชควักพระแสงขันธ์
ปะเปรี้ยงประเดียงควัน คละคลุ้งคั่นข้างร่างราย
ข้างล่างกายล้มกอง ลูกเรือร้องเร่งหนีหาย
ล่นน้ำเร่งหนีตาย เร่งฝีพายเรือน้อยเปิง
ร่อยเหลือสิบหยิบมือ ลูกเรือถือทนถ่อเถิง
ฝั่งฟ้าฝันเถกิง ถกลเกียรติถกลไกร
ถากลถกลก่อ ม่านฟ้าม่อเมฆินทร์ไหม้
แดงดั้นโลกันตร์ใด ฉาบฟากฟ้ากลนรก
ฟ้ากลั้วนรกเกลี้ย ทะมึนเรี่ยทมอปรก
ลมไร้ละเลียดรก- ร้างล้างร้างลางมารมรณ์
ม้วยมรณ์อัมพรมาฬ์ก ม่านเปิดฉากทะมื่นกร่อน
แดงกลับดำกาฬกลอน สะเดาะเฟี้ยมทมิฬนิรัย
คลั่งคลื่นกลืนสิงขร เขยื้อนคลอนอสงไขย
ครื่นครื่นกลืนไผท กะขยุ้มขยี้โลก
หวาดหวาดขลาดวาณิช แขยงกิจขยลโกรก
เคียววาตฆาฏกรรโชก กะกระชากชะตากรรม
หมดกล้าชฎาทิ้ง กลัวเผ่นกลิ้งชะตากล้ำ
แจ้นหนีเข้าห้องนำ ช่างกะลาช่างกุลี
กูลี้หนีคุมโปง ในห้องโคลงเคลงกูหนี
ขอข้อแค่ชีวี ไม่อยากตายแค่อยากรวย
รัวรัวระรีขวาง ที่ทองข้างก็ขวนขวย
รึเจอะรึเจอทวย ทองเก็บเนืองอีกที่นึง
โลภาในลาเภศ ไม่ลาเศษเพียงสลึง
โลภเลปน์รีบลุกจึง ล้มลื่นตึงรางวิญญาณ
วิญญาณแค่เลือนหลุด ยังยั้งหยุดยังสังขาร
ดีดนิ้วกระดิกกาล จงรู้สึกจงรู้สา
วาณิชจิตรู้สึก รู้น้ำลึกท่วมเกศา
ท้นท่วมทั่วโกลา- หละลุกสำลักครัน
อาโปเปี่ยมถ้วนทั่ว ปูนรัวรั่วรึเรือฉัน
ทว่าที่สำคัญ ทองเท่านั้นควรอยู่ดี
ทว่าเมื่อเปิดห้อง เพียงเปล่าทองพบไม่มี
หายพร้อมกะลาสี ไม่มีแล้วไม่มีเลย
จบแล้ว ฤ ความฝัน เพียรวางชั้นพลันว่างเฉย
หอคอยพังพาบเกย ฝั่งอาลัยฝังอารัมภ์
... วาตวายสองผ้ายผ่าน ...
วาณิชปานตายถลำ
วิดน้ำจากเรือลำ จากลาภแล้วจากลาภเลย
เหลือเดียวเสี้ยวชีวิต ยังลิขิตชดใช้เผย
กรรมก่อนห่อนการเคย ยังคงยื่นประสบการณ์
วาณิชทอดอาลัย มองฟ้าไกลไม่เห็นฐาน
แผ่นพื้นแผ่นดินพาน ฝั่งชีวิตฝังชีวิต
ฝั่งเกียนก็เพี้ยนกว่า น้ำไร้ปลามายาปิด
โภชังคลังวาณิช ก็ร่อยหรอส่อมิเหลือ
เหลือเศษเปรตชีวิต มีเพียงจิตติดร่างเนื้อ
ทิ้งร่างกลางลำเรือ กลางสำเภากูณฑ์เผากาย
...
ม่านเมฆพลันมืดมิด พลันมืดริดสรรพแสงหาย
การกลครั้งสุดท้าย ยะย่างกรายยะเยียบกัลป์
ยะย้ายกร้ายเกรี้ยวกราด ยุคันต์วาตยุติสวรรค์
พัดโลกพัดโลกันตร์ พลัดจากกันฟ้าและดิน
ฟ้าดินกลับหัวหาง กลับหัวกลางแสกกระสินธุ์
แยกธาตุแยกชีวิน พ่างพังภินท์ทุกเผ่าพันธุ์
คลื่นคลื่นกะกลืนหาว กะกลืนดาวกะกลืนจันทร์
กะกลืนพื้นสรวงสันต์ กะกลืนยันจักรวาล
ครืนครืนเคลื่อนเข้ามา กังวานฆ่าคีตะขาน
เพลงเบิกทวารบาล จากห้วงเป็นสู่ห้วงตาย
...
วาณิชลงคุกเข่า วอนพระเจ้าครั้งสุดท้าย
ก่อนปลงปลิดปราณวาย ขอข้าคลายความทุกข์ทัณฑ์
ครืนครืนเคลื่อนคืนค่ำ เคลื่อนดินต่ำจากสวรรค์
เคลื่อนแสงออกจากวัน เคลื่อนเวลาจากเวลา
...
พลันแสงกระจ่างแจ้ง สาดทแยงจากเวหา
พลันฟ้ากระจ่างตา กระจ้างจ้ากระจ่างใจ
ไก่แจ้ไก่แจ้งขัน วาณิชพลันน้ำตาไหล
ฝั่งฟากอยู่ไม่ไกล กระจ่างใจกระจ่างแจ้ง
... วายวอดสามรอดผ่าน ...
ทุกเหตุการณ์ทุกระแหง
เปลี่ยนตาที่เรื่อแดง ให้เห็นแจ้งให้เห็นจริง
น้ำตาก็อาบเอ่อ ที่พบเจอในทุกสิ่ง
พบแล้ทองแท้จริง ค่าข้าค้นขึ้นค้างฟ้า ๚ะ
วาณิชลงนาวา ลงกราบหญ้าโลภาทิ้ง
ไห้อื้นสะอื้นอิง แอบแนบนิ่งหนึ่งไผท
วาณิชลงนาวา ล่องนารากระแสใส
ล่องเรื่อยกระสินธุ์ไป สู่ดินแดนอันนิรันดร์ ๚ะ๛
_____________________________________________
_________________จบบริบูรณ์___________________