"ฮาวทูทิ้ง ทิ้งดังโบ๊ะ" มันไม่ได้เข้าใจยากถ้าคุณเคยผ่านมาก่อน

นั่งดูหนังเรื่องนี้แล้วต้องกลับมาถามตัวเองว่าเรามันมีอารมณ์อ่อนไหวไปเองคนเดียวป่าววะ เมื่อคนอื่นๆที่ได้ดูพร้อมๆกันมันพากันหลับๆเบื่อๆไปซะหมด

จริงๆก็เข้าใจประสบการณ์การทิ้งของอยู่เหมือนกัน
เพราะตัวเองเพิ่งผ่านการทุบบ้านแล้วรีโนเวทมาสดๆร้อนๆ เรียกว่าทุบยังไงไม่ให้เหลือเค้าเดิมก็ว่าได้
แล้วก็ทะเลาะกับแม่เรื่องของไหนจะเก็บจะทิ้ง เพราะมีของบางอย่างของพ่อที่ตายไปแล้วรวมๆอยู่ด้วย สถานการณ์จะว่าคล้ายนางเอกในเรื่องก็เกือบจะใช่

พอมานั่งดูนางเอกกับแม่ทะเลาะกันผ่านหนังในฐานะบุคคลที่3 ก็เพิ่งทำให้คิดได้
สำหรับใครหลายๆคนของชิ้นเดียวกัน ให้ความรู้สึกต่างกันมากมาย
เปียโนของพ่อ สำหรับแม่มันคือความรู้สึกในตอนที่รักยังหวานชื่น แต่สำหรับลูกมันคือเครื่องระลึกของผู้ชายเฮงซวยคนนึงที่ทิ้งครอบครัวไป

ชอบอีกอย่างนึงคือมุมมองของการขอโทษในหนังเรื่องนี้
คนเราขอโทษเพราะมันเป็นภาระใจของตัวเอง ขอโทษเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นทุกข์ ขอโทษเพื่ออยากจะรู้สึก'หาย'ผิด
แล้วคนที่ถูกขอโทษละ กรูต้องให้อภัยหรอ ถ้าไม่ให้คือกรูกลายมาเป็นคนผิดซะเองใช่ป่ะ

จริงๆอยากจะเขียนให้ยาวกว่านี้ แต่ถ้าจะเขียนมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะนำคนอ่านเข้าไปสู่ความดำมืดในจิตใจที่ยังไม่อยากพูดออกมา

เอาเป็นว่าที่เขียนกระทู้นี้ก็เพื่อบอกว่า เข้าใจ 

เข้าใจแล้วว่าทำไมซันนี่ให้สัมภาษณ์ว่าบทหนังเรื่องนี้มีความเป็นมนุษย์มากๆ
เข้าใจกับประโยคที่ว่าเต๋อ นวพลคิดบทหนังเรื่องนี้ออกมาได้ไงวะ เออจริง ยอมรับเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่