...ผู้กองเบนซ์ กับคลิป "พระพุทธเจ้าทิ้งลูกทิ้งเมียจริงไหม?"....

กระทู้คำถาม
ในฐานะที่เคยบวชและเรียนภาษาบาลีมาบ้าง   ขอท้วงติงการวิเคราะห์ศัพท์ "เด/รัจ/ฉาน" ในคลิปนี้ของคุณมา ณ ตรงนี้    ซึ่งผู้กองได้แยกศัพท์คำนี้เป็นสองส่วนคือ:-
เต + รัจฉาน = เด/รัจ/ฉาน
เต แปลว่า "สาม"
รัจฉาน แปลว่า "ทางเดิน" 
เด/รัจ/ฉานแปลว่า "ผู้ที่เดินบนสามเส้นทางคือ กิน นอน สืบพันธ์ุ" 
นั่นเป็นการวิเคราะห์แล้วแปลที่ผิดทั้งอรรถะและพยัญชนะโดยทิ้งรากศัพท์เดิมของคำๆ นี้ไปอย่างสิ้นเชิงเลยครับ   ขออนุญาต.......

เด/รัจ/ฉานมาจากคำบาลีว่า "ติรจฺฉ"   เกิดจากกระบวนการสมาสสนธิของรากศัพท์สองคำคือ  "ติริย" กับ "อญช"
ติริย = ขวาง
อญช = เป็นไป,ไป
ติริย + อญช = ติรจฺฉ แปลว่า  "ผู้ไปในแนวขวาง"  หรือแปลไทยเป็นไทยอีกทีก็คือ "ผู้ที่เจริญเติบโตในแนวขวาง"  ซึ่งก็หมายถึงบรรดาสัตว์ต่างๆ นั่นเอง   (ต่างจากมนุษย์ที่เจริญเติบโตในแนวตั้ง)   ดั้งนั้นเวลาได้ยินใครด่าว่า "อ้ายเด/รัจ/ฉาน"   ก็เหมือนกับโดนด่าว่า "อ้ า ย สัส!"   นั่นเองขอรับ
-----------------------------------------------------------------------
ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวของผมต่อในคลิปนี้นะครับ

ที่ผู้กองเบนซ์ตำหนิคนที่มองว่า "พระพุทธเจ้าทิ้งลูกทิ้งเมีย"  ว่าเป็นพวก เด/รัจ/ฉาน นั้น    ผมเห็นว่าออกจะแรงไปหน่อย (ผมรู้ว่านั่นเป็นสไตส์ของผู้กองนะ)  เรียนตามตรงว่า ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยได้ยินชาวพุทธคนไทยพูดว่าพระพุทธเจ้าทิ้งลูกทิ้งเมียเลย   หรือถ้าหากจะมีใครสักคนพูดในลักษณะนั้นก็อยู่ในวิสัยที่จะพูดได้เช่นกัน  จริงไหมครับ?     ซึ่งเรา (ผู้ได้ยิน) เองก็ควรเปิดใจกว้างรับฟัง    ไม่ใช่โยนความเป็น เด/รัจ/ฉาน บอกว่าเขาพึ่งพ้นมาจากอบายภูมิ / ประณามเขาว่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว     ผู้กองก็แนะนำเองว่าอย่าไปใส่ใจกับคำถามของพวกพ้นมาจากอบายภูมิ   แต่ผู้กองเองกลับสวดพวกเขาซะยาวเลย  มันดูย้อนแย้งไปไม่น้อยนะครับ

ผมทำงานอยู่อังกฤษ   เคยทำงานในโรงเรียนมา18 ปี  และเป็นจิตอาสาตามโรงพยาบาลเพื่อพูดคุยกับคนป่วย (ชาวพุทธหรือสนใจศาสนาพุทธ)  บ่อยครั้งผมโดนชาวต่างชาติถามในเรื่องนี้เวลาไปบรรยายในห้อเรียนนอกสถานที่   และคำตอบของผมก็บอกว่าเจ้าชายสิทธัตถะออกจากพระราชวังสู่ป่าจริง  ซึ่งนั่นมันเป็นปรกติวิถีของพราหมณ์ในยุคนั้นอยู่แล้ว    หากฝรั่งหรือแม้แต่พุทธศาสนิกชนไทยหรือต่างชาติจะมองว่าเป็นการทิ้งลูกทิ้งเมียก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกหรือน่าตำหนิน่าประณามใหญ่โตอะไรเลย     ซึ่งการมองในลักษณะนี้กอร์ปกับความเป็นไปในสังคมยุคนี้มันก็ดูสมเหตุสมผลในตัวของมัน  มันไม่ใช่การหาเรื่อง "ด่าพระ" หรือ "ด่าพระอรหันต์" หรือ "ด่าพระพุทธเจ้า" อย่างที่ผู้กองพยายามจะดึงไปในเส้นนั้นเลย  เจ้าชายสิทธัตถะทรงละทิ้งลูกเมียไว้ข้างหลังเพื่อแสวงหาโมกข์ธรรมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง    ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้กองต้องแสดงอาการตอบโต้ด้วยโทนเสียงขุ่นใจและคับแค้นพร้อมการประณามคนที่มองเหตุการณ์จริงตรงนั้น   กลับควรที่จะถือโอกาสนี้อธิบายให้พวกเขาได้เข้าใจ ไม่ใช่ยกอ้างคำบาลีเพื่อฟังแล้วดูขลังและหนักแน่นว่าเป็นนั่นเป็น " มหาวิเนษกรมณ์"   การโยนเข้าหาพระถาคาหรือบาลีบ่อยๆ อย่างนี้เกิดขึ้นแทบทุกคลิปของผู้กอง  มีหรือคนอื่นจะกล้าเห็นต่าง?   เช่นนี้ก็เข้าทางนักพูดผู้กองอย่างที่เห็น   ดูเหมือนว่านับวัน"สีลัพพตปรามาส" จะพองโตขึ้นเรื่อยๆ   ผมอายุมากแล้วไม่ได้อิจฉาอะไร (จะพ้นมือมัจจุราชอย่างโควิด 19 หรือเปล่าก็ไม่รู้?? 55)    จึงสะกิดมาเพื่อให้รับทราบเท่านั้นเองแหละครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่