ให้ภาพเล่าเรื่อง..ทริปนี้ขอเน้นภาพและวิว รีวิวต่อจากทริปออสโลนะคะ เบอร์เกนช่วงวันที่ 21.02.63-24.02.63 โหด มันส์ ฮา รวมอยู่ที่นี่ที่เดียว เป็นทริปที่น่าจดจำที่สุดสำหรับการทัวร์ยุโรปรอบนี้ (หึหึ)
ก่อนที่จะมาเที่ยวที่นี่คือไม่รู้เลยว่าเบอร์เกนมีดีอะไรบ้าง ประวัติความเป็นมา บรรยากาศเป็นยังไงไม่เคยรู้เลย พอแฟนบอกว่าเดี๋ยวเราจะไป Bergen กัน
ไอ้เราก็ฮ๊ะ อ่านว่าอะไรนะ แบร์เก้น เบอร์เกน..(สำเนียงภาษาอังกฤษ) พูดชื่อเมืองเขาก็ยังไม่ถูกอีกเรา แต่เอาเหอะ..ไปก็ไป เรานี่รีบเลยจ้า รีบไปถามอากู๋..555 ( Google )
ทริปนี้เป็นการเดินทางต่อจากทริปออสโล 21.02.63 เก็บข้าวของแล้วเดินออกจากโรงแรมเพื่อไปยังสถานีรถไฟใจกลางเมือง Oslo Central station
ไปตะลุยพร้อมกันเลยนะคะ..
เวลา 7 โมงเช้าของที่นี่ถือว่ายังเช้ามากสำหรับเรา ข้างนอกก็ยังไม่สว่างเต็มที่บวกกับตัวเราที่ยังมึนๆอึนๆ พากันเดินมาดูตารางเดินรถ ด้านในคนก็ยังโล่งๆ(เช้าง่ะ) พอรู้ชานชาลาแล้วก็พากันเดินตามป้าย
แต่ละชานชาลาจะมีทางออกเพื่อไปยังสถานีรถไฟของใครของมันเลย ป้ายบอกไว้ชัดเจน แนะนำว่าถ้าเวลายังเหลืออยู่มากไม่ต้องรีบออกไปรอข้างนอกเพราะอากาศมันหนาว อยู่ข้างในอาคารนี่แหละดีแล้ว เพราะที่นี่ยึดเวลาเป็นหลัก ต้องตรงเวลาไม่มีเร็วหรือช้า
แต่พอเอาเข้าจริงๆด้วยความตื่นเต้นอ่ะนะ..เรานี่รีบเชียว กลัวตกรถไฟ ออกมารอก่อนเวลาตั้ง 30 นาที ถ่ายรูปวนไป ^^
8.25 น. รถไฟมาล๊าวว..นี่ไงที่นั่งของเรามีโต๊ะวางของด้วย ที่นั่งดูสะอาด เบาะกว้าง เหมาะกับการเดินทางไกลๆหลายชั่วโมงแบบนี้มาก
ทันทีที่รถไฟเคลื่อนออกจากสถานี ความตื่นเต้นก็เริ่มทำงานขึ้นเป็นอัตโนมัติ ด้วยความเร็วของรถไฟที่ไม่ต้องรอสัญญาณไฟเขียวไฟแดง
จึงทำให้เราได้เห็นวิวสวยๆของสองฝั่งข้างทางอย่างไว ภายใน 1 ชม.หลังจากที่รถไฟออกจากสถานีหลัก
บรรยากาศแบบนี้ไม่ว๊าวไม่ได้แล้ว นับว่าเป็นอาหารตาที่ทรงคุณค่าและน่าจดจำมาก ในรูปยังขนาดนี้แล้วของจริงจะขนาดไหน
นี่ขนาดนั่งในรถไฟถ่ายออกไปนะ โอ๊ยย..หลงรักธรรมชาติ
แต่อย่างว่าแหละ อารมณ์ของนักท่องเที่ยวกับอารมณ์ของคนที่เห็นบรรยากาศแบบนี้มาตั้งแต่เกิดมันคงไม่เหมือนกัน รถไฟวิ่งไปกี่ชั่วโมงแล้วไม่รู้ตัวและไม่รู้สึกหิวเพราะมัวแต่อิ่มกับวิวโดยรอบและตลอดทาง พอมารู้ตัวอีกทีตอนที่เขาประกาศว่า Next Station Myrdal ( นั่นคือสถานีที่เราจะลงพอดีเพื่อต่อรถไฟสายโรแมนติกเพื่อชมวิว) แต่ๆๆ..ความโชคร้ายก็ลงมาผ่ากลางความเป็นจริงเมื่อ จนท.บนรถไฟประกาศว่า รถไฟจำเป็นต้องล่าช้าเนื่องจากรถไฟขบวนข้างหน้าที่จะสวนทางมาเสีย ( พอได้ยินแค่นี้แหละ..เตรียมใจ ) ด้วยความที่หิมะมันตกเยอะมากทำให้เดาได้ว่าการที่จะแก้ไขหรือทำอะไรมันก็คงช้าตาม..
และแล้วสิ่งที่คิดและเดาก็เป็นจริง จนท.ก็แจ้งอัพเดทสถานการณ์เป็นระยะๆแหละ แต่นี่มันผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วนะ
สรุปเส้นทางที่เราจะไปต่อคือไม่ทันเวลาแน่นอน ทางเดียวที่จะต้องเลือก ( ไม่มีสิทธิ์เลือกมากกว่า555 ) คือนั่งรถไฟสายนี้ยาวไปถึงเบอร์เกนเลย..
จากแพลนเดิมที่ซื้อแพคเกจไว้คือ นั่งรถไฟขบวนนี้ แล้วเปลี่ยนรถไฟไปสายโรแมนติก 1 ชม.ต่อด้วยลงเรือชมวิว เสร็จแล้วก็นั่งรถบัสเข้าเบอร์เกน
แต่เพราะรถไฟเจ้าปัญหานี้ทำให้เราต้องเสียแผนและเสียเวลา ( แอบเสียดาย ) แต่สุดท้ายแล้วทางบริษัทที่เราซื้อแพคเกจเขาก็ได้คืนเงินให้ประมาณ 50% ถือว่ารับได้เพราะจริงๆแล้วก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ( ไปตามเอากับรถที่เสียแล้วกันนะ หุหุ )
ยังๆ..ความซวยของวันนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ พอนั่งรถยาวมาถึงสถานี Voss ก็มีประกาศดังขึ้นมาว่าคนที่จะไป Bergen ให้เปลี่ยนขบวนรถที่สถานีนี้
( คิดในใจ ) โอ๊ยยย..อีกแล้วเหรอ ฝนก็ตก หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนี่อย อยู่บนรถไฟมาทั้งวันแล้วเนี่ยะ..
แต่โชคดีว่าจาก Voss – Bergen ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ แต่ก็เพลียเหอะนั่งรถไฟทั้งวันแล้ววันนี้ มาถึงเบอร์เกนก็มองไม่เห็นอะไรแล้วเพราะค่ำมืด พากันเปิด Google Map แล้วย่ำเท้ากันอย่างไวเพื่อเดินไปยังโรงแรมที่จองไว้
จากสถานีรถไฟเดินมาถึงโรงแรม First Hotel ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้ ด้วยความที่มันมืด บวกกับเป็นช่วง Low Season ระหว่างเดินก็รู้สึกว่าเมืองนี้มันเป็นเมืองร้างชัดๆ 555 เราจะไม่รีรอและรอรีเพราะวันนี้เหนื่อยมาก เรียกได้ว่า”ซวย”มาทั้งวันแล้ว พอเช็คอินได้ห้องเสร็จก็รีบโยนกระเป๋าแล้วออกไปหาของกินเลยมื้อเย็น ส่วนมื้อเที่ยงนั้นไม่มีอยู่บนรถไฟกินขนมและดื่มน้ำแทน ( ชีวิต..น่าสงสาร )
Dinner ทั้งทีจะกินอะไรดีถามกันไปมาสุดท้ายจบที่รีวิว มาถึงนอร์เวย์แล้วถ้าไม่กินปลาแซลมอนก็ดูเหมือนจะมาไม่ถึง งั้นมือนี้จัดเลยแล้วกัน !
หน้าตาอาหารตามภาพเลยค่ะ ถามว่าสวยมั๊ย? สวย ถามว่าอร่อยมั๊ย? ก็ดี แต่ถามว่าแพงมั๊ย? ตอบเลยว่า มากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) สำหรับมื้อนี้เสียหายไป 956 NOK (ไปคูณเอาเองนะ) ราคาก็ว่าน่าเจ็บใจแล้วแต่ยังมีความเจ็บใจอื่นมากกว่าคือรออาหารนานมากเกือบชั่วโมงได้ ยังไม่พอโต๊ะที่เราได้นั่งคืออยู่ไต้เครื่องทำความร้อนเลยจ้า (คนอื่นอาจจะอุ่นแต่เราสองคนจะไหม้แล้วค่ะ)
รีบกิน รีบกลับค่ะ ไม่ไหว แต่ก่อนกลับขอด่านิดนึง ( ยุให้แฟนคอมเพลน ) อันที่จริงมันก็สมควรมากที่จะคอมเพลนเพราะเรามีเหตุผล นี่ขนาดตอนเขียนรีวิวยังจำได้นะ อารมณ์ขึ้นเลย คอมเพลนกับพนักงานไม่พอ ลากผู้จัดการมาเลยจ้า โป๊ะเช๊ะ ผจก.เป็นคนสวีเดน แฟนเราก็พูดภาษาสวีดิชใส่เลย อวสานมื้อค่ำ กลับโรงแรม เก็บแรงเที่ยว ( บอกแล้วว่าวันนี้มันวันซวย )
กลับมาถึงโรงแรมสามทุ่มนิดๆ นั่งเล่นโทรศัพท์รออาหารย่อย อาบน้ำเตรียมตัวนอนก็เกือบห้าทุ่มพอดี เอ๊ะนั่น ! สัญญาณเตือนไฟไหม้ดังลั่นขึ้นมาทั่วโรงแรม ตกใจ ตื่นเต้น สั่น แฟนบอกให้รีบใส่เสื้อผ้ากันหนาวแล้วออกจากห้อง ( เราพักชั้น 2 ใกล้ทางหนีไฟ จากทั้งหมด 6 ชั้นโรงแรมสไตล์โบราณ ) สรุปเปิดประตูห้องออกมามีคนตะโกนบอกว่า Fake ! อ้าวว..เฮ้ย นี่มันวันมหาเฮงซวยแห่งชาติของเราสองคนเลยนิหว่า ( อยากจะด่าออกมาเป็นภาษาอิสานว่า..ห่าลากกก ) หันหลังกลับเข้าห้องเหมือนเดิม Good night, my bad day.
22.02.63 ตื่นเช้าแต่งตัวทานข้าวที่โรงแรม ภารกิจยามเช้าเรียบร้อยหมด จุดแรกที่เรามุ่งหน้ามาหาก็คือ Tourist Information จร้า เนื่องจากว่าเรามาที่นี่แบบยังไม่มีแพลนและไม่รู้ว่าจะเริ่มเที่ยวจากจุดไหนดี (ไม่อยากจะบอกว่าร้านอาหารแพงๆเมื่อคืนที่มากินอยู่ตรงนี้แหละอยู่ใต้ Tourist Information นี้เลย)
พอมาถึงอาคารนี้ก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นบน กดบัตรคิว พอได้คิวแล้วเราก็รีบเดินไปถามเลย อยากรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเมืองนี้ถามได้หมดพนักงานน่ารัก ตอบคำถามดีและที่สำคัญคือข้อมูลแน่น แถมยังเช็คสภาพอากาศแบบเป็นรายชั่วโมงกันเลยทีเดียวเพราะที่นี่มีทะเลล้อมรอบเอาแน่เอานอนกับฟ้าฝนไม่ได้เลยจริงๆ
สอบถามข้อมูลจบแล้วก็เสียเงิน ( เหมือนโดนปล้น ) ตามระเบียบ ได้บัตร Bergen Card 24 Hr. มาเรียบร้อย คุณสมบัติของการ์ดนี้ไปหาอ่านเองนะคะขอไม่สาธยายให้ยาวยืดเพราะเราอยากเที่ยวแล้ว..
ตลาดปลา ( Fish Market ) อยู่ติดกับท่าเรือและ Tourist Information เลยค่ะ ไม่ว่าคุณจะเดินมาจากทางไหนรับรองว่าต้องมองเห็น ( ถ้าไม่เห็นอะแปลก555 ) ภาพนี้ของเรามันช่างมีผู้คนบางตาเหลือเกิน แต่ทำไมเวลาไปดูกระทู้ของคนอื่นแล้วผู้คนเนืองแน่นมากแถวนี้ อ๋อๆๆ..เรามาเที่ยวช่วง Low Season นั่นเอง เอิ๊กๆ
ตลาดปลา ส่วนมากของที่มาขายคืออาหารทะเลแบบสดๆเพิ่งเอาขึ้นมาจากเรือประมาณนั้น ส่วนเบอเกอร์ น้ำผึ้งแท้ พวกนี้ก็จะเป็นเจ้าของฟาร์มมาขายเอง สินค้าค่อนข้างมีคุณภาพถ้าเทียบกับไทยก็ออกแนวสินค้า OTOP
เราพากันเดินทะลุตลาดปลาเพื่อที่จะไปยังสถานีแรกนั่นคือ Fløyen นั่งรถรางขึ้นบนเขาเพื่อชมวิวโดยรอบของเมือง Bergen
ต่อคิวซื้อตั๋ว ถ้าเรามีบัตร Bergen Card 24 Hr. เราสามารถโชว์เพื่อรับส่วนลดได้นะคะ ( เราซื้อบัตรเพื่อสิ่งนี้แหละ อิอิ )
ได้บัตรแล้วก็เข้ามานั่งรอด้านใน ตรงจอทีวีจะมีเวลาอัพเดทตลอดว่าอีกกี่นาทีจะมีรอบรถรางขึ้น-ลง
เย่ๆ เราขึ้นมาถึงบนเขานี้แล้ว ข้างบนนี้จะมีร้านกาแฟ ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกด้วย
แต่สำหรับเรานั้นสำคัญคือถ่ายรูปค่ะ ลุย..กดชัตเตอร์แบบรัวๆ
แง่ๆๆ..เพิ่งจะได้เริ่มรีวิวจุดเช็คอินแรกเอง จะครบ 10,000 คำซะงั้น
แต่ไม่เป็นไร..
เราไปต่อกันที่คอมเม้นต์แล้วกันนะคะ ตามมาค่ะ >>> Let's go
[CR] นั่งรถไฟไป Bergen สวยล้ำค่าสมฉายาเมืองมรดกโลก ( UNESCO )
8.25 น. รถไฟมาล๊าวว..นี่ไงที่นั่งของเรามีโต๊ะวางของด้วย ที่นั่งดูสะอาด เบาะกว้าง เหมาะกับการเดินทางไกลๆหลายชั่วโมงแบบนี้มาก
แต่ไม่เป็นไร..
เราไปต่อกันที่คอมเม้นต์แล้วกันนะคะ ตามมาค่ะ >>> Let's go
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้