(2 สาวเพื่อนซี้) - หนีโควิด19 ไปดำน้ำกับฉลามและสิงโตทะเลที่ Galapagos กัน


ที่ๆปลอดภัยที่สุดตอนนี้ก็คงจะมีแต่โลกใต้น้ำ แต่ในช่วงเวลาที่โควิด19ระบาดแบบนี้ เราก็คงได้แต่ท่องโลกผ่านจากสื่อและโลกออนไลน์เท่านั้นแหละ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เที่ยวอีกทีเนอะ รีบๆช่วยกันอยู่บ้าน Covid19 จะได้เลิกระบาด แล้วเราจะได้ไปเที่ยวกันนะ สู้ๆนะคะทุกคน 

ทีเด็ดของการดำน้ำที่ Galapagos ก็คงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากฉลาม เป็นดงมันเลยแหละ ถึงแม้จะเยอะมาก แต่คงดี ถ้ามีเยอะกว่านี้ อย่าลืมนะคะว่า #whenthebuyingstopsthekillingcantoo น้องฉลามมีค่ามากกว่าเมื่อมีชีวิต กินอย่างอื่นที่มีประโยชน์กันเถอะ ถ้าเราหยุดซื้อ คนขายก็จะหยุดฆ่า เรามาช่วยฉลามไปด้วยกันนะคะ #ฉลองไม่ฉลาม

ไปยังไง how to get there?
ก่อนอื่นต้องเอาตัวเองไปให้ถึงประเทศ Ecuador ให้ได้ก่อน แล้วไปต่อเครื่องภายในประเทศที่ Guayaquil ไม่งั้นก็ที่เมืองหลวง Quito ขาเข้าเราเลือกต่อที่ Guayquil เพราะเครื่องจะเป็นบินตรง แล้วไม่ต้องออกเช้ามาก ส่วนขากลับเราไปลงถึง Quito เครื่องจอดให้คนลง/รับคนเพิ่มที่ Guayaquil แปปนึง 

ที่ Guayaquil เราพักในเมือง ใกล้ๆห้าง เพราะจะได้ซื้อซิมมือถือสะดวก แนะนำว่าซื้อเถอะค่ะ wifi ที่ galapagos ไม่ได้เรื่องจริงๆ สัญญาณมือถือดีกว่าเยอะ

      

คำเตือน ซื้อแต่ซิมนะคะ น้ำขนมไม่ต้องตุนไป หลายอย่างเอาเข้าเกาะไม่ได้ เค้าเช็คกันเข้มงวดมาก มี list เป็น 100 อย่างเลยที่เอาไปไม่ได้ พวกขนมขบเคี้ยวไปได้ค่ะ ถั่วผลไม้อาหารสดไปไม่ได้ ที่สนามบินขาออกจะมีการแสกนกระเป๋าตั้งแต่ก่อนเช็คอิน แล้วก็ต้องเสียขาผ่านทาง $20 เพื่อที่จะได้รับใบเหมือนวีซ่าไปเกาะกาลาปากอส เอาจริงๆ เค้าทำเหมือนเป็นอีกประเทศเลย



พอขากลับแวะนอนที่ Quito ก็จะมีที่เที่ยวหลายที่ ใครมีเวลาก็ไปภูเขาไฟ Cotopaxi ได้ เราไม่มีเลยได้ไปแค่เส้นศูนย์สูตร มันเป็นที่เที่ยวเลยค่ะ “Ciudad Mitad Del Mundo”


ถึงแล้วไงต่อ how to get around?
พอไปถึงก็ต้องเสียค่าเข้า $100 แล้วใครไม่ได้จองทัวร์หรือไม่มี รร มา รับ ก็ต้องเสียค่านั่งบัสไปท่าเรือ $5 สนามบิน Seymour airport อยู่บนเกาะ Baltra ที่ติดกับเกาะ Santa Cruz แต่เค้าไม่มีสะพาน ใช้นั่ง ferry 5 นาทีเอา สนามบินนี้เป็นสนามบินเดียวที่ fully eco-friendly นอกจากสนามบินนี้ ก็มีสนามบินเล็กที่เกาะ San Cristobal ใน Galapagos มี 4 เกาะที่มี รร ให้นักท่องเที่ยวพักคือ San Cristobal, Santa Cruz, Floreana และ Isabela

เราให้บริษัทที่เราจะดำน้ำด้วยมารับที่สนามบินเลย เพราะจะแวะเที่ยวดูเต่ายักษ์ก่อนเข้าเมือง (หมู่บ้าน) Puerto Ayora เต่าอยู่ที่ Rancho Primicias ที่นั่นมี lava tunnel ให้ไปเดินด้วย มันเป็นอุโมง เหมือนถ้ำหินแหละ แต่เป็นลาวาที่แข็งตัว



การเที่ยวใน Galapagos ต้องเลือกเอาว่าจะเป็น land based (นอนบนเกาะ) หรือ cruise based (นอนบนเรือ) การนอนบนเกาะประหยัดสุด แต่จะไม่ได้ไปหลายเกาะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้อยากทำกิจกรรมเหมือนกันทั้งกลุ่ม ใครอยากดูนก ดูเต่า ก็แยกไปจากคนที่อยากดำน้ำได้ 

แต่ถ้าใครอยากไปหลายเกาะ (เราก็อยาก แต่งบและเวลาไม่พอ) แนะนำให้นอนบนเรือค่ะ แต่เรือเค้าแยกเป็น land based activities vs dive liveabroad ก็เลยจะต้องเลือก ว่าอยากดำน้ำ หรือ เที่ยวเกาะ เรือดำน้ำทริปจะประมาณ 10 วัน เรือเที่ยวเกาะแบบ 5 วันก็มีค่ะ ราคาก็แล้วแต่เรือเลย แต่ไม่มีถูกนะคะ มีแค่แพง กับ แพงมาก กลุ่มใหญ่ที่ชอบทำกิจกรรมไม่เหมือนกันจะไม่เหมาะกับการนอน liveabroad เพราะถ้าใครไม่ดำน้ำ การออกทะเลไปกับเรือที่ทั้งอาทิตย์กว่าเค้าดำกันวันละ 3-4 dives คุณจะเบื่อมาก ส่วนเรือที่ทำกิจกรรม land based จะมีให้ snorkel ทุกวัน จะมีกิจกรรมหลากหลายกว่า



เมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Puerto Ayora
จะบอกว่าเป็นเมืองก็คงไม่ใช่ หมู่บ้านไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ใหญ่พอที่จะต้องใช้รถ Puerto Ayora เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน Galapagos มีประชากรมากที่สุด แล้วก็สะดวกสบายที่สุด มีร้านอาหารและที่พักให้เลือกหลายระดับหลายราคา เราพักอยู่ที่นี่ตลอดทั้งอาทิตย์ ไม่ย้ายเกาะ เพราะจะดำน้ำเป็นหลัก ระหว่างเกาะถ้าไม่บินก็ต้องนั่งเรือ ferry เห็นคนที่นั่งบอกอ้วกแตกจ้า 

อาหารบนเกาะไม่ถูกปาก จืดๆหน่อย ร้านที่ดีที่สุดก็เฉยๆ อาหารชาวบ้านทำอร่อยกว่า ตอนเย็นจะมีถนนเส้นนึงขายอาหารให้ชาวบ้าน นั่งกินกันข้างทาง คนท้องถิ่นเค้าก็จะไปกันแต่ตรงนี้ เราก็ต้องระวังเรื่องความสะอาดนิดหนึ่งไม่อยากท้องเสีย ป่วยแล้วจะอดเที่ยว เกือบลืมบอก มีร้าน gelato ร้านหนึ่งอร่อยมาก icecream อร่อยสุดในเกาะแล้ว ร้านชื่อ Galapagos Deli อยู่ซอยข้างหลังถนน shopping เราไปแทบทุกวัน กลับมาจากดำน้ำเหนื่อยๆ คือชื่นใจมาก 

นอกจากกินและซื้อของ ที่เมืองก็มี Darwin Research Center มีเต่าอีกชนิดหนึ่ง หลังมันจะไม่เหมือนกัน เราไปไม่ทัน วันนั้นปิดพอดี แล้วบนเกาะก็มีหาดให้เดินไปเที่ยวได้ น้อง iguana ทะเลมีอยู่ทั่วไป ริ่มน้ำมีให้เห็น หน้าตาเหมือน godzilla เย็นๆว่างๆก็ไปนั่งดูสิงโตทะเลได้ จะอยู่ริมฝั่งนี่แหละ ถ้าไปนั่งเล่นแถวท่าเรือก็จะเห็นลูกฉลาม ลูกกระเบน แล้วก็นกที่เท้าสีฟ้า blue-footed booby



ทุกเช้า บ. ดำน้ำจะส่งรถมารับที่ รร เพื่อไปที่ท่าเรือ มันก็คือท่าเรือเดียวกับตอนที่ข้ามมาจากสนามบินนั่นแหละ เรือเที่ยวทั้งหมดจะออกจากจุดนี้ (Itabaca Channel) ทุกวันก็จะต้องนั่งรถไป/กลับมาฝั่งเหนือของเกาะ แล้วไม่รู้ทำไมอากาศเหนือ ใต้คนละเรื่องเลย บางทีฝนก็ตกระหว่างทางไป แต่พอลงเขามาหน่อย ก็จะแดดออกฟ้าสวย เราก็เลยจะต้องนั่งลุ้นกันทุกวัน

ดำน้ำกันดีกว่า Let’s go diving! 
เราดำน้ำกัน 3 วันติด ดำวันละ 2 dives อุปกรณ์ทั้งหมดใช้ของเค้า เราขอ wetsuit แบบหนาเลย เพราะถึงแม้เค้าบอกว่านี่ summer ของเค้านะ น้ำอุ่น 20กว่าๆ องศา เราแบบโนวจ้า ถ้าไม่ถึง 25 มันไม่อุ่นนะ แล้วเอาจริงๆ ดำ 45-60นาที ยังไงก็ตัวเย็น แล้วดีนะที่ตัดสินใจขอชุดหนา ไม่งั้นหนาวตายอ่ะ เพราะน้ำจริงๆรู้สึกเหมือน 18-20°C บางทีมีกระแสน้ำเย็นมา เรานี่สะดุ้ง แล้วมันมีบาง dive ที่แช้อยู่กับที่นานๆ ดูฉลามไปเรื่อย dive นั้นใช้อากาศน้อย กว่าจะหมด tank ดำไป ชม เราสองคนมองหน้ากันแบบเมื่อไรจะขึ้น คือ diminishing returns ค่ะ เห็นฉลามจนเริ่มชิน/เบื่อ มันมาให้เห็นทั้ง dive เวลาตื่นเต้นหน่อยก็จะเป็นตอนที่ได้เห็นเป็นฝูงใหญ่ๆ ดำกับสิงโตทะเลก็เด็ด

Day 1: North Seymour & Mosquera
Dive 1: North Seymour
Spotted: white tip sharks, rays
Visibility: ดีสุดจาก dive ทั้งหมด

 

Dive 2: Mosquera
Spotted: black tip and Galapagos sharks 
Visibility: 3-10m



ทั้งสอง dives ไม่ค่อยมีคลื่นใต้น้ำ เรารู้สึกว่าน้ำเย็นนะ ถึงเค้าจะบอกว่ามัน 24°c แต่เรารู้สึกเหมือน 20-22°c เท่าห้องแอร์ที่นอนเลย วันแรกก็ดำเบาๆ ไม่ยาก ส่วนมากก็เห็นฉลามกับ eagle rays ฉลามที่เด็ดสุดก็จะเป็นฉลาม Galapagos ตัวใหญ่มาก นางท้องอยู่ แล้วว่ายมาใกล้มาก ตกใจเลย แต่นางสวยนะ แล้วก็ไม่ได้ดุอะไร 

Day 2: Gordon’s Rock
Dive 3 & 4: Gordon’s Rock
Visibility: 3-10m (murky water)
Temperature: 21-24°c
Spotted: hammerhead sharks, white/black tip sharks, rays, eels, turtle, and blue-footed booby birds

สุดจริงอะไรจริง dive site วันนี้เค้าแนะนำให้มีประสบการณ์ดำน้ำมาอย่างน้อย 25 dives คือมันไม่ง่ายเลยจริงๆ เหนื่อยมาก แล้วถ้าคนไม่ค่อยเป็น ก็อันตรายเหมือนกัน มีทั้งคลื่นข้างบน คลื่นใต้น้ำ กระแสน้ำเย็นที่อยู่ๆก็เข้ามา ว่ายสวน currents แล้วยังมีการโดน current พัดขี้นลงอีก ดำ 50 นาที แต่รู้สึกเหมือนวิ่ง 2 ชม ขึ้นมามองหน้ากัน มองบนหนักมาก แบบเป็น dive ที่ยากสุดตั้งแต่ดำมา แต่ก็เป็น one of the best dive เช่นกัน ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆสินะ ใครกลัวที่โล่ง ไม่แนะนำให้ดำที่นี่ เพราะมันดำแบบ wall dive ไม่เห็นพื้นนะคะ


            

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่