ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับเกณฑ์ใหม่ ceiling-floor 15%
แต่ทางตลท.ยินดีเปิดกว้างรับฟังคคห.จากนักลงทุนในเรื่องนี้
นับเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและน่าชื่นชมยิ่ง
ต้องขอขอบคุณผจก.ตลาดหลักทรัพย์แทนนักลงทุนทุกคนครับ
ใครที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับ ceiling-floor 15%
ขอเชิญไปที่ www.set.or.th
ทางตลาดจะมีเอกสารรับฟังความคิดเห็น(หน้าแรกช่องข่าว)
แต่ถ้าหาไม่เจอก็ให้ใช้วิธีพิมพ์เองสั้นๆง่ายๆก็ได้
...ว่าเราไม่เห็นด้วยกับประเด็นไหน
เปิดรับฟังความคิดเห็นถึงวันที่30 มีนาคม 2563
ส่งไปที่ E-mail: MarketSupervisionPolicyDepartment@set.or.th
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับ circuit breaker ใหม่
แต่ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับเกณฑ์ใหม่ ceiling-floor15%
ด้วยเหตุผลดังข้างล่างนี้
ก่อนอื่นขอให้ดูความแตกต่างระหว่าง
Ceiling-floor 30%(เดิม) กับ 15%(ใหม่)
Floor30%(เดิม) (ราคา10บาท)
10---7---4.9---3.4 (รวม3floor)
(floor15%(ใหม่)ไม่ได้คำนวณให้ดู
(เหตุผลตามข้อ1-4 ข้างล่าง)
Ceilingเดิม30% (ราคาบาท)
3.4---4.42---5.75---7.45---9.7 (รวม 4 ceiling)
Ceilingใหม่15% (ราคาบาท)
3.4---3.9---4.5---5.15(ต่อแถวล่าง)
---5.95---6.85---7.85---9---10 (รวม 8 ceiling)
(ต่อแถวซะยาวเลย อดทนรอไหวไหม)
จากข้อเปรียบเทียบข้างบน
ผมจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ที่จะใช้เกณฑ์ใหม่ceiling-floor 15%
ด้วยเหตุผลสำคัญคือ “ผิดจังหวะผิดช่วงเวลา”
อันมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ1.ราคาหุ้นทุกตัวต่ำเตี้ยติดดิน จะมีเหตุอันใดให้floorอีก
15%floor เป็นดาบสองคมที่เร่งให้เกิดfloorหรือไม่(ดูข้อ4)
ถ้าจะช่วยบรรเทาความเสียหายอย่างเป็นรูปธรรมคือ
ให้เปลี่ยนเป็น ceiling30% floor20% ดีกว่าไหม ?
ข้อ2.นักลงทุนทั้งรายใหญ่รายย่อยต่างไม่อยากขายหุ้นออกมาแล้ว
ด้วยราคาหุ้นรูดลงมาอย่างหนักตั้งแต่ข่าวโควิด19(เมื่อต้นกุมภาพันธ์)
ซ้ำร้ายยังมาเจอสงครามหั่นราคาน้ำมัน(เมื่อ9/3/63)
จนราคาหุ้นจำนวนมากหายนะต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงไปครึ่งๆ
เมื่อดู PE และP/BV ของหุ้นแต่ละตัว
ไหลรูดลงมาต่ำเตี้ยกว่าหลายครั้งที่เกิดวิกฤติ
ข้อ3.ตลาดหลักทรัพย์ได้พยายามบรรเทาความเสียหาย
เช่นการใช้Circuit breaker ใหม่ซึ่งเป็นเรี่องที่ดี
แต่การเปลี่ยนมาใช้เกณฑ์ใหม่floor15%ในช่วงเวลาที่คนไม่อยาก
แต่ตรงข้ามกลับใช้ceiling15% กับตลาดหุ้นที่กำลังจะมีโอกาสพลิกฟื้นขึ้นมา
ไม่ทราบว่า “ถูกต้องหรือไม่”
ตัวอย่างศุกร์ที่13 ช่วงที่หุ้นหลายๆตัวใกล้แตะceiling15%(12-13%)
จะเกิดอาการชะงักงันเห็นได้อย่างชัดเจน
ถ้าเป็น30%(เดิม)ราคาหุ้นคงได้ไปต่อในวันนั่น
เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ผู้ถือหุ้นซึ่งบอบช้ำมาร่วม2เดือน
จะเก็บความรู้สึกไม่ดีนี้ไว้ตรงไหน (ให้ดูข้อ5ต่อ)
ข้อ4.ผลเสียอีกประการของfloor15% คือ
กรณีราคาหุ้นลงมาแถว10-12%
จะเป็นการเร่งเร้าให้นักลงทุนรีบชิงขายออกมาก่อนหรือไม่
เพราะคำว่าfloorในแง่จิตวิทยาย่อมสร้างผลลบ
และเป็นรอยแผลต่อหุ้นตัวนั่นๆ ทำให้ภาพตลาดยิ่งน่าสะพรึงกลัว
ข้อ5.การคิดจะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่สุ่มเสี่ยงเป็นผลลบต่อนักลงทุน
ควรเปลี่ยนในภาวะปกติ จะได้ไม่เกิดข้อครหาว่าได้เปรียบ-เสียเปรียบ
ตลอดช่วง2เดือนที่ราคาหุ้นทรุดหนักใช้เกณฑ์floor-ceiling30%
จนราคาหุ้นถูกแสนถูก 2แถม1บ้าง หรือ3แถม1 จนนักลงทุนไม่อยากขายหุ้นแล้ว
ขณะเดียวกันพอตลาดหุ้นอยู่ในช่วงที่มีโอกาสไต่ขึ้นไปได้บ้าง
กลับถูกเปลี่ยนเป็นceiling15%...มันช่างบังเอิญจริงๆ
จึงไม่ทราบว่าเป็นการเยียวยาที่ถูกต้องหรือไม่
อย่าคิดว่านำมาทดลองใช้ 3 เดือนเท่านั่น
แต่ในตลาดหุ้นแค่ครึ่งเดือนก็นานเกินไปแล้ว
ข้อ6.กรณีถ้าพบเจอยาวัคซีน หุ้นหลายตัวอาจceilingซ้ำๆ
ถ้าเกณฑ์เดิม30% แค่4ครั้งราคาขึ้นไปที่10บ.
แต่ถ้าใช้เกณฑ์ใหม่15% ต้องceilingถึง8ครั้ง
ผลต่างมันเห็นชัดเจน ใช่ไหม
“เคราะห์หามยามร้าย ตลาดวายเสียก่อน”
**ถ้าเกิดกรณีเช่นว่านี้ ใครควรจะรับผิดชอบ**
ก่อนปิดท้ายขอเน้นอีกครั้ง ถ้าต้องการเยียวยาความเสียหาย
ขอให้เปลี่ยนเกณฑ์ใหม่เป็น ceiling30% floor20% น่าจะดีกว่า)
แม้จะดูไม่สากลนัก แต่ภาวะตลาดหุ้นเลวร้ายเช่นนี้
แค่นำมาใช้กู้วิกฤติตลาดหุ้นชั่วคราว
ควรจะทำได้นะครับ
(9ครับ)
(หมายเหตุ)
เนื่องจากสมาชิกใหม่ไม่สามารถตอบคคห.ได้
จึงแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ปล.ช่วยๆกันแสดงคคห.
เห็นด้วยหรือไม่...ไม่เป็นไร
เพื่อเป็นข้อมูลให้ตลท.นำไปพิจารณา
ปล.2
กระทู้วิ่งเร็วมาก ไม่ทราบต้องทำอย่างใด
สุดยอดครับ เมื่อตลท.ยินดีรับฟังคคห.เรื่อง ceiling&floor15%...ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยครับ
แต่ทางตลท.ยินดีเปิดกว้างรับฟังคคห.จากนักลงทุนในเรื่องนี้
นับเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและน่าชื่นชมยิ่ง
ต้องขอขอบคุณผจก.ตลาดหลักทรัพย์แทนนักลงทุนทุกคนครับ
ใครที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับ ceiling-floor 15%
ขอเชิญไปที่ www.set.or.th
ทางตลาดจะมีเอกสารรับฟังความคิดเห็น(หน้าแรกช่องข่าว)
แต่ถ้าหาไม่เจอก็ให้ใช้วิธีพิมพ์เองสั้นๆง่ายๆก็ได้
...ว่าเราไม่เห็นด้วยกับประเด็นไหน
เปิดรับฟังความคิดเห็นถึงวันที่30 มีนาคม 2563
ส่งไปที่ E-mail: MarketSupervisionPolicyDepartment@set.or.th
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับ circuit breaker ใหม่
แต่ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับเกณฑ์ใหม่ ceiling-floor15%
ด้วยเหตุผลดังข้างล่างนี้
ก่อนอื่นขอให้ดูความแตกต่างระหว่าง
Ceiling-floor 30%(เดิม) กับ 15%(ใหม่)
Floor30%(เดิม) (ราคา10บาท)
10---7---4.9---3.4 (รวม3floor)
(floor15%(ใหม่)ไม่ได้คำนวณให้ดู
(เหตุผลตามข้อ1-4 ข้างล่าง)
Ceilingเดิม30% (ราคาบาท)
3.4---4.42---5.75---7.45---9.7 (รวม 4 ceiling)
Ceilingใหม่15% (ราคาบาท)
3.4---3.9---4.5---5.15(ต่อแถวล่าง)
---5.95---6.85---7.85---9---10 (รวม 8 ceiling)
(ต่อแถวซะยาวเลย อดทนรอไหวไหม)
จากข้อเปรียบเทียบข้างบน
ผมจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ที่จะใช้เกณฑ์ใหม่ceiling-floor 15%
ด้วยเหตุผลสำคัญคือ “ผิดจังหวะผิดช่วงเวลา”
อันมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ1.ราคาหุ้นทุกตัวต่ำเตี้ยติดดิน จะมีเหตุอันใดให้floorอีก
15%floor เป็นดาบสองคมที่เร่งให้เกิดfloorหรือไม่(ดูข้อ4)
ถ้าจะช่วยบรรเทาความเสียหายอย่างเป็นรูปธรรมคือ
ให้เปลี่ยนเป็น ceiling30% floor20% ดีกว่าไหม ?
ข้อ2.นักลงทุนทั้งรายใหญ่รายย่อยต่างไม่อยากขายหุ้นออกมาแล้ว
ด้วยราคาหุ้นรูดลงมาอย่างหนักตั้งแต่ข่าวโควิด19(เมื่อต้นกุมภาพันธ์)
ซ้ำร้ายยังมาเจอสงครามหั่นราคาน้ำมัน(เมื่อ9/3/63)
จนราคาหุ้นจำนวนมากหายนะต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงไปครึ่งๆ
เมื่อดู PE และP/BV ของหุ้นแต่ละตัว
ไหลรูดลงมาต่ำเตี้ยกว่าหลายครั้งที่เกิดวิกฤติ
ข้อ3.ตลาดหลักทรัพย์ได้พยายามบรรเทาความเสียหาย
เช่นการใช้Circuit breaker ใหม่ซึ่งเป็นเรี่องที่ดี
แต่การเปลี่ยนมาใช้เกณฑ์ใหม่floor15%ในช่วงเวลาที่คนไม่อยาก
แต่ตรงข้ามกลับใช้ceiling15% กับตลาดหุ้นที่กำลังจะมีโอกาสพลิกฟื้นขึ้นมา
ไม่ทราบว่า “ถูกต้องหรือไม่”
ตัวอย่างศุกร์ที่13 ช่วงที่หุ้นหลายๆตัวใกล้แตะceiling15%(12-13%)
จะเกิดอาการชะงักงันเห็นได้อย่างชัดเจน
ถ้าเป็น30%(เดิม)ราคาหุ้นคงได้ไปต่อในวันนั่น
เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ผู้ถือหุ้นซึ่งบอบช้ำมาร่วม2เดือน
จะเก็บความรู้สึกไม่ดีนี้ไว้ตรงไหน (ให้ดูข้อ5ต่อ)
ข้อ4.ผลเสียอีกประการของfloor15% คือ
กรณีราคาหุ้นลงมาแถว10-12%
จะเป็นการเร่งเร้าให้นักลงทุนรีบชิงขายออกมาก่อนหรือไม่
เพราะคำว่าfloorในแง่จิตวิทยาย่อมสร้างผลลบ
และเป็นรอยแผลต่อหุ้นตัวนั่นๆ ทำให้ภาพตลาดยิ่งน่าสะพรึงกลัว
ข้อ5.การคิดจะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่สุ่มเสี่ยงเป็นผลลบต่อนักลงทุน
ควรเปลี่ยนในภาวะปกติ จะได้ไม่เกิดข้อครหาว่าได้เปรียบ-เสียเปรียบ
ตลอดช่วง2เดือนที่ราคาหุ้นทรุดหนักใช้เกณฑ์floor-ceiling30%
จนราคาหุ้นถูกแสนถูก 2แถม1บ้าง หรือ3แถม1 จนนักลงทุนไม่อยากขายหุ้นแล้ว
ขณะเดียวกันพอตลาดหุ้นอยู่ในช่วงที่มีโอกาสไต่ขึ้นไปได้บ้าง
กลับถูกเปลี่ยนเป็นceiling15%...มันช่างบังเอิญจริงๆ
จึงไม่ทราบว่าเป็นการเยียวยาที่ถูกต้องหรือไม่
อย่าคิดว่านำมาทดลองใช้ 3 เดือนเท่านั่น
แต่ในตลาดหุ้นแค่ครึ่งเดือนก็นานเกินไปแล้ว
ข้อ6.กรณีถ้าพบเจอยาวัคซีน หุ้นหลายตัวอาจceilingซ้ำๆ
ถ้าเกณฑ์เดิม30% แค่4ครั้งราคาขึ้นไปที่10บ.
แต่ถ้าใช้เกณฑ์ใหม่15% ต้องceilingถึง8ครั้ง
ผลต่างมันเห็นชัดเจน ใช่ไหม
“เคราะห์หามยามร้าย ตลาดวายเสียก่อน”
**ถ้าเกิดกรณีเช่นว่านี้ ใครควรจะรับผิดชอบ**
ก่อนปิดท้ายขอเน้นอีกครั้ง ถ้าต้องการเยียวยาความเสียหาย
ขอให้เปลี่ยนเกณฑ์ใหม่เป็น ceiling30% floor20% น่าจะดีกว่า)
แม้จะดูไม่สากลนัก แต่ภาวะตลาดหุ้นเลวร้ายเช่นนี้
แค่นำมาใช้กู้วิกฤติตลาดหุ้นชั่วคราว
ควรจะทำได้นะครับ
(9ครับ)
(หมายเหตุ)
เนื่องจากสมาชิกใหม่ไม่สามารถตอบคคห.ได้
จึงแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ปล.ช่วยๆกันแสดงคคห.
เห็นด้วยหรือไม่...ไม่เป็นไร
เพื่อเป็นข้อมูลให้ตลท.นำไปพิจารณา
ปล.2
กระทู้วิ่งเร็วมาก ไม่ทราบต้องทำอย่างใด