ก่อนอื่นขอบอกเลยว่า แม่ผมเป็นอยู่ และ ยังรักษาไม่หาย
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ สิงหาคม 2018
อยู่ๆ แม่ผมก็ไอแห้งๆ ไอไม่บ่อย คือนานมากทีเลยหละ ไอ 1-3 รอบแล้วก็เว้นช่วงเป็นชั่วโมง แต่ก็ไอทุกวัน
ทีแรกก็คิดว่าไปเจอฝุ่นจัดมา เพราะก่อนหน้าเริ่มไอไม่ถึงเดือน แม่ไปเที่ยวตุรกีซึ่งเป็นประเทศฝุ่นเยอะมา 1 วีคเต็มๆ
จากนั้นอาการก็มากขึ้น รู้สึกอ่อนล้าไม่ค่อยมีแรงแทบตลอดเวลา ยิ่งถ้าออกนอกบ้านก็คือ วูบบ่อย
แม่เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลวิภาราม หมอบอกว่าเป็น กรดไหลย้อน ก็ให้ยามากิน
ปรากฎว่าก็ไม่หาย แถมมีอาการที่มากขึ้นคือ ไอทีเจ็บถึงกะบังลม
ปลายธันวาคม 2018
แม่เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
จากการเอกซเรย์และอะไรหลายๆอย่าง หมอสงสัยว่าเป็น วัณโรค และมีโอกาสว่าเป็นอย่างอื่น
หมอก็ขอเก็บสารคัดหลั่งไปตรวจ ปรากฎว่าไม่ใช่วัณโรค ตรวจละเอียดอีกที
ต้นมกราคม 2019
จากการตรวจละเอียดก็เจอว่าเป็น มะเร็งปอด และก็อยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว
ตอนนั้นทุกคนช็อกกันหมด งงมากว่าแม่เป็นได้ไง เพราะแม่ก็ไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ได้ทำงานที่เจอควัน
มีที่เป็นไปได้มากสุดก็แค่ เข้าท่าเรือบ่อย.. แม่ปกติทำงานออฟฟิศ เป็นหัวหน้าแผนก แล้วเวลามีปัญหาตรวจปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ แม่ก็จะชอบบุกเข้าท่าเรือไปคุยกับเจ้าหน้าที่เองตลอด บางทีสั่งเปิดตู้สำแดง คือมันก็ฝุ่นอะนะ แม่กลับบ้านหลายทีถึง 5 ทุ่มเที่ยงคืนมาเป็นปี
และครอบครัวฝั่งแม่มีกรรมพันธุ์มะเร็ง เพราะยายก็เป็นมะเร็งเต้านม
ที่งงคือ ก่อนหน้าแม่ไม่แสดงอาการอะไรเลย ไม่เลยจริงๆ
และแข็งแรงมาก แม่ผมเป็นผู้หญิงที่เข้าฟิตเนส เล่นเวท เรียนต่อยมวย
หมอบอกว่า เพราะแม่สร้างกล้ามเนื้อไว้เยอะมาก พอโดนมะเร็งกินมันเลยไม่รู้สึก
แต่มะเร็งมันกินเข้ากระดูกไปแล้ว ตอนไอเลยเจ็บถึงกระดูก คือ เจ็บแปร๊บที่กะบังลม
กลางมกราคม 2019
แม่จำเป็นต้องได้รับคีโม จากการตรวจร่างกายแม่มีการตอบสนองดี
ก็ได้ข้อสรุปว่า ไม่จำเป็นต้องฉายแสง แต่แค่กินยาต้านมะเร็งแบบเม็ด ก็ได้
หมอให้ยารักษามะเร็งแม่กินทุกวัน เป็นยาที่กินตอนไหนแล้วต้องเว้นช่วง 23-24 ชั่วโมงแบบเป๊ะๆ กินเวลาเดิมทุกวัน
หลังจากกินได้เกือบเดือน แม่ก็ร่างกายปกติ ทำได้ทุกอย่าง กลับไปเข้าฟิตเนสได้
สภาพคือสวย ผิวดี ไม่โทรม ไม่อะไรเลย คือ บอกใครว่าเป็นเค้าก็ไม่เชื่ออะครับ
ขนาดขับรถออกต่างจังหวัดแบบไปขึ้นเขาเลย แม่ขับเองติดกัน 8 ชั่วโมงติดกันไม่พัก ก็คือแม่ไม่เหนื่อยเลย พอถึงโรงแรมแม่รีบเก็บของชวนว่ายน้ำต่อทันที
ทั้งที่ตอนนั้นตรวจเจอว่าการกระจายตัวของมะเร็งคือ 40-60% และ มีภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ต้องให้ยาลดแคลเซียมทุก 3 เดือน
กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2020
อาการเหนื่อยล้าเริ่มกลับมา ไปตรวจเจอพบว่า จำนวนเซลล์มะเร็งมันลดลง แต่การกระจายตัวมันเพิ่มขึ้น
นี่คือสัญญาณว่ามะเร็งเริ่มดื้อยา และพบว่ามันกลายพันธุ์ด้วย ซึ่งหมอบอกว่า เป็นปกติ แต่ก็น่าแปลกที่แม่ดื้อยาช้ามาก
ปกติผู้ป่วยจะกินไป 7 เดือนก็ดื้อยา นานสุดคือ 9 เดือน แต่แม่ผมไปได้ถึง 13 เดือน
หมอก็จำเป็นต้องเจาะเลือดไปตรวจว่ามันกลายพันธุ์เป็นแบบไหน แล้วให้หยุดยาไป 1 เดือนเต็ม ให้เชื้อมันกลับคืนสภาพเดิม
หลังจากหยุดไปประมาณ 2 วีค อาการป่วยเมื่อยตัวที่ค่อยเพิ่มความรุนแรงขึ้นช้าๆ ก็มากจนแม่เริ่มไม่ไหว บางทีลงบันไดยังเซ
ปวดเมื่อยตัวจนเป็นไข้ อุณหภูมิสูงถึง 37-39 แต่พอได้นอนพักก็ลดเหลือ 36-37 ครับ
ช่วงวีคสุดท้ายก่อนครบ 1 เดือนที่หยุดยา แม่คือไม่ไหวละจริง นอนซมแทบทั้งวัน
ก็ สงสารแม่มากนะ เพราะปกติแม่เป็นคนที่อยู่เฉยๆไม่เป็นเลย จะมีงานมาทำได้ตลอดเวลา ทำอาหาร คิดเมนูอาหารแปลกๆ (เคยถึงขั้นทำพิซซ่าแบบนวดแป้งกันเอง) ทำความสะอาดรถเอง ดูแลสวน เย็บผ้า ซื้อปูนปั้นมาระบายสี แต่ตอนนี้คือต้องมานอนซม ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง
เดี๋ยวแม่ก็จะถึงเวลานัดไปหาหมอเพื่อเปลี่ยนยา หวังว่ามันจะช่วยให้เป็นแบบเดิมนะ
อยากทราบว่า แม่มีโอกาสรอดสูงมั้ยครับ
มีโอกาสมั้ยครับ ที่แม่จะหายเป็นปกติ แบบ เชื้อหมดไปเลยอะครับ
ใครเคยเป็น มะเร็งระยะสุดท้าย แล้วรักษาหายบ้าง มาแชร์ประสบการณ์กันครับ