[CR] แชร์ประสบการณ์เรียนต่อที่ ‘ ซิดนีย์ – ออสเตรเลีย ’ 2 ปี : ไม่มีอะไรง่าย แต่ก็ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจ ♡

เผลอแป๊ปเดียวเราเรียนจะจบแล้วหรอเนี่ย..
เวลาผ่านไปเร็วมาก.. เร็วแบบตกใจ..
หลังจาก 1 ปี 10 เดือน ใน “ซิดนีย์”
ทำให้เรารู้สึกว่า เราเปลี่ยนเป็นคนละคน
จากเด็กที่กลัวจะเรียนไม่ได้ ไม่มีความมั่นใจ
กลายเป็นเด็กที่เรียนและทำงานไปด้วยได้ 2 งาน
แบบเกรดไม่ตก จากงานเสิร์ฟ งานขายของ
ฝึกงานไม่ได้เงิน สู่งานครีเอทีฟในออฟฟิศ
จากเช่าห้องเล็กๆอยู่กับคนอื่น มีปัญหาวุ่นวาย
กลายเป็นแชร์บ้านกับเพื่อนแฮปปี้ จากที่เคย
แคร์ว่าคนอื่นจะมองเรายังไง กลายเป็น
ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุข…



บทความนี้คือไดอารี่เล็กๆ
เรารวมสิ่งที่เราอยากส่งต่อ ให้คนที่กำลังจะมาเรียน
หรือเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ / ออสเตรเลีย “มันคือสิ่งที่
เราคิดว่า ถ้าเรารู้ก่อนจะย้ายมาที่นี่ ก็คงดีนะ”
หวังว่าจะจุดประกาย หรือเติมไฟให้ใครได้บ้าง :’)



Highlights ( เลือกอ่านแค่บางส่วนก็ได้นะ :-} )

- วิธีหาบ้าน (การเช่าบ้านมีกี่แบบ? ข้อดี ข้อเสียของแต่ละแบบ? ควรเลือกบ้านจากอะไร?)
- วิธีหางาน (เริ่มหางานยังไง จากไหน? ตัวอย่างเรซูเม่ และ คำแนะนำ)
- ระบบการศึกษา (เรียนที่นี่ต่างจากที่ไทยยังไง? คำแนะนำในการเตรียมตัว และ ปรับตัว)
- ซิดนีย์ ในแบบที่ไม่ได้คิดไว้ **
- ไม่ว่าใครจะพูด/มองเรายังไง อย่าลดคุณค่าของตัวเอง
- ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่เข้ามา ไม่ว่าจะเล็ก/ใหญ่ ร้าย/ดี
- รวมลิงก์รีวิว ทริปต่างๆในออสเตรเลีย <3
- เราในวันที่เหยียบซิดนีย์ครั้งแรก กับ เราในวันนี้

1. วิธีหาบ้าน

การเช่าบ้านมีกี่แบบ ? ข้อดี ข้อเสียของแต่ละแบบ ?

เรื่องแรกที่คนจะมาเรียนนึกถึง ก็คงไม่พ้นเรื่องบ้านค่ะ
การเช่าบ้านที่นี่ ต่างกับที่ไทยตรงที่ เราจ่ายค่าเช่าเป็น
รายสัปดาห์หรือ 2 สัปดาห์นะ ไม่ใช่รายเดือน กับ
ราคาบ้านมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องที่
เราเช่า จำนวนคนที่แชร์บ้านกับเรา โลเคชั่น ฯลฯ
ปิงแบ่งวิธีเช่าบ้านในซิดนีย์ ให้เข้าใจง่ายไว้ 2 แบบ
แบบแรก คือ เราเช่าห้องๆหนึ่ง จากคนที่เค้าเช่าบ้าน
หรืออพาร์ทเม้นต์นั้นอยู่แล้ว ยกตัวอย่างนะคะ นาย A
เช่าอพาร์ทเม้นต์ 3 ห้องนอน นาย A อยู่กับแฟน 1 ห้องนอน
ปล่อยอีก 2 ห้องนอน ให้คนอื่นมาเช่า โดยใช้ส่วนกลาง
ร่วมกัน เก็บค่าเช่า รวมค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต
ป.ล. ประเทศนี้ไม่มีค่าน้ำเด้อ

ข้อดี : จ่ายครั้งเดียวจบ, บ้านหรือห้องเช่าแบบนี้หาง่าย
ข้อเสีย : เราอาจจะไม่เข้ากับคนที่ให้เช่า หรือ คนอื่นในบ้าน,
ไม่ค่อยเป็นส่วนตัว จะพาใครมาต้องขอคนที่ให้เช่าบ้านก่อน,
แพงกว่าการเช่าแบบที่สองค่ะ (อยากรู้ก็ต้องเลื่อนอ่านต่อ อิอิ)

บ้านเช่าแบบนี้ หาได้ตามเว็บไซต์ หรือ กลุ่มเฟสบุ๊ค
ของคนไทยในซิดนีย์ค่ะ ปิงบอกชื่อเว็บกับกรุ๊ปไว้ให้
คร่าวๆใน vlog ตัวนี้ https://www.facebook.com/111476199189252/videos/686385115216784/
นี่เป็นรูปห้องที่ปิงเคยเช่าอยู่ กับคนไทย ในย่าน
newtown ค่ะ ใกล้ตัวเมืองเลย เป็นห้องเดี่ยว แชร์ห้องน้ำ
กับอีก 3 คน ราคา $240 / วีค รวมค่าไฟ ค่าเน็ต



มาแย้ววววววว การเช่าบ้านแบบที่สอง นั่นก็คือ
การเช่าบ้านหรืออพาร์ทเม้นต์จากเจ้าของบ้าน
โดยผ่านเอเจนท์ทั้งหลาย ก็คือเราเช่ามาทั้งบ้าน
หรือทั้งห้องเลย อยู่กันเองกับเพื่อน แฟน ญาติ
ถ้าห้องเหลือ อยากปล่อยให้คนมาเช่าก็แล้วแต่
ซึ่งเราจะต้องทำสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร
และส่วนใหญ่เป็นสัญญา 6 หรือ 12 เดือนค่ะ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ
นาย A มีบ้าน 2 หลัง นาย A และครอบครัว
อยู่บ้านหลังที่หนึ่งและปล่อยบ้านหลังที่สอง
ให้คนอื่นเช่า โดยให้เอเจนท์จัดการ หาคนมาเช่า
และแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ ปิงกับเพื่อนไปเช่าบ้าน
หลังที่สองของนาย A ปิงกับเพื่อนอยู่บ้านหลังนั้น
และจ่ายค่าเช่าจนกว่าสัญญาจะหมด

ข้อดี : ค่าบ้านถูกกว่าการเช่าแบบแรก,
มีความเป็นส่วนตัวกว่าบ้านเช่าแบบแรก,
ได้อยู่กับคนที่เราสนิทและไว้ใจได้,
ถ้าห้องเหลือสามารถปล่อยเช่า ทำกำไรได้
ข้อเสีย : ขั้นตอนในการหาบ้าน ไปดูบ้าน
และยื่นเอกสาร ยากกว่าแบบแรก,
ต้องจ่ายค่าไฟ ค่าเน็ตแยก, ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์
บางอย่างเข้าบ้านเอง และ ขายต่อถ้าจะ
ย้ายเมือง หรือ กลับไทย หรือ ต้องจ้างรถใหญ่
มาขน ถ้าจะย้ายบ้าน

เว็บไซต์หลักๆที่คนใช้หาบ้านแบบนี้คือ
https://www.domain.com.au/ กับ
https://flatmates.com.au/ ตอนนี้ปิงก็เช่า
บ้านแบบนี้อยู่กับเพื่อนอีก 2 คนค่ะ สัญญาหมด
ไปแล้ว 1 ปี แล้วปิงต่อสัญญาอีกครึ่งปี บ้านมี
3 ห้องนอน ตกคนละ $170-180 / วีค
บ้านอยู่ย่าน Roseville ฝั่งเหนือค่ะ
เข้าไปดู vlog ตอนปิงย้ายบ้านได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/111476199189252/videos/2033543976680761/
นี่รูปบ้านที่ปิงอยู่ตอนนี้ค่ะ ฮี่ๆ >//<
ป.ล. ตู้เสื้อผ้านั่นแค่ครึ่งเดียวนะ



ควรเลือกบ้านจากอะไร ? 

( ความเห็นส่วนตัวนะ ไม่มีถูกผิด )

1. เลือกอันที่เราเดินทางสะดวก ใกล้ที่เรียน / ที่ทำงาน
2. เลือกอยู่ในย่านที่มีร้านอาหาร ร้านขายของ ซุปเปอร์มาร์เก็ต
3. เลือกที่เหมาะสมกับงบที่เรามี (ถ้าถูกมาก แต่ต้องเดินทางเป็นชั่วโมง หรือเดินทางหลายต่อ เราอาจจะเหนื่อย หรือ เสียค่าเดินทางเยอะ)
4. เลือกบ้านที่เราอยู่แล้วสบายใจ (ความสบายใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนแค่มีที่นอน ก็สบายใจแล้ว บางคนต้องการความสงบ ความสะอาด อย่ามองข้ามเรื่องพวกนี้เวลาเราเลือกบ้าน เพราะมันจะมีผลกับเราในระยะยาวจ่ะ)

 
2. วิธีหางาน

เริ่มหางานยังไง จากไหน?

ได้บ้านแล้ว เรื่องสำคัญต่อไป ก็คือเรื่องงานค่ะ
เรามาเรียนก็จริง แต่เราก็อยากทำงาน part-time
เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ กับหา
ประสบการณ์อ่ะเนอะ คำถามที่ปิงเจอบ่อยมาก
ที่สุดคือ “งานที่ซิดนีย์หายากมั้ย?” คำตอบคือ
ไม่ยากเลยค่ะ… และที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่งานเสิร์ฟ
งานเชฟ ในร้านอาหาร แต่มีงานอื่นๆอีกเยอะ!
ทั้งงานคาเฟ่ บาริสต้า งานขายของ งานโรงแรม
รับจ้างส่งของ รับทำความสะอาด นักดนตรี ฯลฯ
คำถามต่อไปคือ “เริ่มหางานยังไง จากไหน?”
ปิงรวมเว็บไซต์ที่ใช้หางาน ทั้งของคนไทย
และ คนต่างชาติ มาให้ ลองดูค่ะ
http://www.natui.com.au/
http://www.sydneythai.info/
https://www.seek.com.au/
https://au.jora.com/
ถ้าเป็นกรุ๊ปเฟสบุ๊คจะมีคนมาโพสต์หาคน
ทำงานเรื่อยๆ ลองเสิร์ชหากรุ๊ปด้วยการใช้
Keyword ดูค่ะ อย่างคำว่า “คนไทยในซิดนีย์”
“หางานในซิดนีย์” “Jobs in Sydney”
หรือใครมีร้านที่อยากทำ ใกล้ที่พัก
ก็เอาเรซูเม่ไป walk-in เลยก็ได้จ้าาาาา

รูปสมัยทำร้าน takeaway อิ_อิ



รูปที่ทำงานปัจจุบันฮับบบบบ :”)



ตัวอย่างเรซูเม่ และ คำแนะนำ

ก่อนอื่น ขอบอกก่อนว่า ปิงแนะนำจาก
ประสบการณ์ส่วนตัวของปิง ปิงไม่สามารถ
ฟันธงได้ว่าเรซูเม่แบบไหนจะทำให้ทุกคนได้
หรือไม่ได้งาน เพราะแต่ละงาน ต้องการคุณสมบัติ
ที่ต่างกัน และนายจ้างแต่ละคนก็มีความไม่เหมือนกัน
แต่ที่ปิงคอนเฟิร์มได้คือ เรซูเม่เป็นประตูด่านแรก
ที่จะพาเราไปสู่งาน มันคือสิ่งที่เค้าใช้ตัดสินเรา
ก่อนจะเห็นเราทำงานซะอีก เพราะฉะนั้น มันต้องดูดีค่ะ!
(ปิงเคยทำเสิร์ฟร้านไทย ร้านfine dining ของฝรั่ง
เคยขายข้าวกล่อง takeaway ขายเสื้อผ้าในห้าง
และตลาดนัด เคยฝึกงานบริษัทอีเว้นท์ และตอนนี้
ทำ content creator ให้บริษัทของคนไทยที่นี่ค่ะ)

ปิงแนะนำให้ 2 แบบและกัน
แบบแรก สำหรับคนที่อยากทำงานกับคนไทย
หรือกับชาวต่างชาติ แต่ว่าเป็นงานที่ไม่ซีเรียส
หรือเป็นองค์กรใหญ่ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่
ร้าน takeaway ฯลฯ เราสามารถออกแบบ
เรซูเม่ได้ตามใจชอบ เอาที่ดูแล้วเป็นเรา
ทั้งสี ทั้งการตกแต่ง และ รูปถ่าย แต่ว่า
การจัดเรียงก็ยังต้องเป็นระเบียบ อ่านง่าย
กับมีข้อมูลสำคัญครบถ้วน อย่าง ชื่อ นามสกุล
เบอร์ติดต่อ อีเมล ประวัติการศึกษา ประวัติ
การทำงาน และ ประสบการณ์อื่นๆ

ตำเตือน : เขียนทุกอย่างให้สั้น กระชับ
อย่าเขียนวนไปวนมา หรือ ติดกันเป็นพืด
ใช้ bulltet point เพื่อช่วยให้อ่านง่ายขึ้น
อันนี้คือเรซูเม่ที่ปิงเคยใช้หางาน กับเคย
รับจ้างทำเรซูเม่ให้คนไทยในซิดนีย์ค่ะ



แบบที่สอง เรซูเม่สำหรับคนที่อยากทำงาน
ในองค์กร หรือ อยากทำงานกับคนออสเตรเลีย
อันนี้ปิงได้ข้อมูลมาจากแผนกหางานที่
มหาลัยฯของปิงนะคะ คือ เค้าไม่ต้องการ
ให้เราใส่รูปลงไปในเรซูเม่ค่ะ ใช่..
อ่านถูกแล้ว ถ้าจะสมัครงานบริษัทออสฯ
ไม่ควรใส่รูป กับถ้าไม่ใช่บริษัทด้านดีไซน์
ไม่ต้องตกแต่งเรซูเม่เลยก็ได้ เป็นกระดาษ
A4 สีขาว ตัวหนังสือสีดำ ฟ้อนต์เรียบๆ
แค่จัดวางให้สะอาดสะอ้าน อ่านง่ายก็พอแล้ว
กับควรแนบ cover letter / จดหมายสมัครงาน
ไปด้วย เพราะคนที่นี่เค้าสนใจที่ประสบการณ์
และความสนใจของเรามากกว่าค่ะ
นี่เป็นตัวอย่างเรซูเม่ที่ปิงใช้ยื่นสมัครร้าน
fine dining กับบริษัทอีเว้นท์ที่นี่ ลองดู



3. ระบบการศึกษา

เรียนที่นี่ต่างจากที่ไทยยังไง?

ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆว่าตอนอยู่ไทย ปิงเรียนป.ตรี
ที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ ซึ่งปิงเรียนเอกโฆษณาค่ะ วิชาในเอก
ส่วนใหญ่จะวัดผลจากงานออกแบบโฆษณา
อย่าง story board, โบชัว, ad banner, presentation
ส่วนวิชาในคณะก็จะวัดผลด้วยการสอบเป็นหลัก
มีงานกลุ่มบ้าง ส่วนวิชาบังคับมหาลัย ไม่ต้องพูดถึง
สอบอย่างเดียวจ่ะ จะแบบเขียน / แบบ choice ก็ว่าไป

ส่วนที่ปิงมาเรียนที่ซิดนีย์คือ ป.โท บริหารการ
โรงแรม ของโรงเรียนที่ชื่อว่า Blue Mountains
International Hotel Management School
เป็นส่วนหนึ่งของ Torrens University ค่ะ
การวัดผลมีหลายแบบมาก เทอมแรกจะมีวิชา
ปฏิบัติ เช่น ต้องไปเรียนการบริการในร้านอาหาร
fine dining เรียนเป็น receptionist ในโรงแรม
เรียนเป็น housekeeper ซึ่งพวกวิชาแบบนี้
เค้าจะวัดผลจากการปฏิบัติของเรา ว่าตรงตาม
เกณฑ์ที่เค้ากำหนดไว้มั้ย ส่วนวิชาที่เน้นทฤษฎี
ก็จะมีทั้งสอบ รายงานกลุ่ม และ รายงานเดี่ยวค่ะ
แต่สอบนี่นานน๊านนนนนนน จะเจอที ส่วนใหญ่คือ
เขียนรายงานวนไปๆๆๆ จนมือเปื่อย T_T
ชื่อสินค้า:   เรียนต่อออสเตรเลีย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่