'หมอมิ้ง' แนะผู้นำ "ฟังให้ชัด คิดให้เป็น สั่งให้ครบ สื่อสารให้เข้าใจ" ฝ่าโควิด-19
https://voicetv.co.th/read/ju4oZ2Vku
อดีตรองนายกรัฐมนตรี ชี้โควิด-19 วิกฤตพิสูจน์ผู้นำไทย แนะนำฟังให้ชัด คิดให้เป็น สั่งให้ครบ สื่อสารให้เข้าใจ ระดมความร่วมมือจากประชาชนอย่างกว้างขวางฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
นพ.
พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 บอกเป็นวิกฤตที่จะพิสูจน์ความสามารถของผู้นำไทย พร้อมแนะ 5 ข้อเสนอเพื่อสร้าง "ความเชื่อมั่น" ให้ประชาชนและฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
เนื้อหาทั้งหมดระบุผ่านเฟซบุ๊ก
Prommin Lertsuridej ดังนี้
ฟังให้ชัด คิดให้เป็น สั่งให้ครบ สื่อสารให้เข้าใจ
วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มใช้มาตรการ”ปิดกรุงเทพ”และจังหวัดข้างเคียง เพื่อลดอุบัติการณ์ การติดต่อ COOVID19 ด้วยกระบวนการ SOCIAL DISTANCING ให้ได้ผล แต่มาตรการดังกล่าว ไม่ใช่มาตรการเดียว หากแต่ต้องดำเนินควบคู่มาตรการอื่นๆอีกหลายเรื่อง การปิด กรุงเทพ 21 วันจึงจะได้ผล
1. ปิดทางเข้าของผู้นำเชื้อรายใหม่ๆ เข้ามาในสังคม คนต่างชาติไม่มีเหตุจำเป็นต้องเข้ามาช่วงนี้ให้ใช้วิธีติดต่อทางอื่น คนไทยผู้ที่กลับจากต่างประเทศ ในที่นี้มิใช่ห้าม แต่ใช้มาตรการที่เหมาะสม คนไทยกลับจากอิตาลี เยอรมัน อังกฤษ อเมริกา ล้วนแต่เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ สูงกว่าไทยมาก เมื่อจะย่างเข้ามาไทย จะต้องถูกตรวจแยกแยะ กักกัน ติดตามอย่างไร ผู้มีอาการก็แยกเข้ารักษา ไม่มีอาการจะต้องให้ติดตามอย่างไร กลไกของสาธารณสุขมีถึงระดับหมู่บ้าน ทั้งยังมีสมาชิกสังคม จะช่วยแบ่งเบางานให้เจ้าหน้าที่อย่างไร ใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ช่วยอย่างไร กระทรวงดิจิตอลฯ ต้องเข้ามาช่วยอย่างแม่นยำอย่างไร
2. เร่งติดตามกลุ่มเสี่ยงติดและแพร่เชื้อรายเก่าที่ปะปนในสังคม 3 กลุ่มใหญ่ (นี่ยังไม่รวม กล่มนักเรียน นักศึกษากลุ่มใหญ่จากโลกตะวันตกที่กำลังทะยอยกลับเข้ามา)คือกลุ่มสนามมวย ไม่ยอมมารายงานตัว อีกหลายร้อยคน กลุ่มทองหล่อ และกล่มที่กลับจากมาเลเซีย นี่ภายใน 2 อาทิตย์ ต้องหาตัวให้พบ ขณะนี้ไม่ต้องปืดบังกันแล้ว กิจกรรมหากิน และสังคมหยุดหมด ทุกคนต้องเหินห่างกันเพื่อขจัดเชื้อร้ายนี้ ใช้3 สัปดาห์นี้ให้คุ้มเป็นประโยชน์ มิฉะนั้นจะสูญเปล่า และต้องใช้กลไกประชาชนร่วมด้วย
3. การเตรียมการบริการทางการแพทย์ ด้านการตรวจหาผู้ป่วย การบริการรักษาพยาบาล อุปกรณ์ป้องกันโรคของเจ้าหน้าที่ สถานที่ อุปกรณ์แพทย์ช่วยชีวิตในรายอาการหนักโดยเฉพาะ เครื่องช่วยหายใจ ต้องปรับเตรียมให้เพียงพอ เจ้าหน้าที่อาจต้องถูกระดมจัดสรร จากที่อื่น เช่นกรณีอูฮั่น ที่รัฐบาลระดมมาจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาลทหาร นักเรียนแพทย์ นักเรียนพยาบาล เหตุการณ์จะเร่งหนักขึ้นในอัตราเร่งตั้งแต่สัปดาห์นี้ เป็นต้นไป ถ้าดูจากตัวเลขทางสถิติ
4. สื่อสารให้สังคมเข้าใจ รัฐบาลต้องระดมสมองจากผู้รู้และเรียนรู้ประสบการณ์จากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ และที่กำลังเผชิญปัญหา วิเคราะห์ให้ชัด เลือก”ตัดสินใจ”ในสิ่งที่”คาดว่า”ได้ผลดีที่สุด สื่อสารอย่างชัดเจน ว่าจะ”ให้ประชาชนทำอะไร เพราะอะไร” ในทางตรงข้ามถ้าการสั่งการสับสน สั่งการขัดแย้ง “ประชาชนก็ขาดความเชื่อมั่น” ไม่ให้ความร่วมมือ ตระหนกตกใจ แย่งกันเราตัวรอด
5. มาตรการเยียวยา ชดเชยได้ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะเอกชนรายเล็กและลูกจ้าง การหยุดงานหยุดเศรษฐกิจ ก็หยุดรายได้ไปด้วย จะมีมาตรการใดบ้าง ถ้า3 สัปดาห์แล้วจบก็พอทำเนา แต่ที่จริงนี่เป็นเพียงบทเบื้องต้น ซึ่งอาจทอดยาวเป็นปี หากการจัดการใน 3 สัปดาห์นี้ ทำได้ไม่ดีพอ
นี่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ กับการเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาล ที่จะต้องสร้าง "ความเชื่อมั่น" ให้ประชาชนชาวไทย ร่วมกันระดมสรรพกำลัง ทรัพยากรทั้งมวลเดินหน้าฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน เป็นบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำโดยแท้
CVID19 : วิกฤตพิสูจน์ผู้นำไทย
ผู้นำที่รับฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญให้ชัด ได้อย่างเข้าใจดี คิดเลือกตัดสินใจให้เป็น เลือกหนทางที่คาดว่าดีที่สุด กล้าสั่งการให้รอบด้านและสื่อสารสร้างความเชื่อมั่นระดมความร่วมมือจากประชาชนอย่างกว้างขวางก็สามารถนำฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
https://www.facebook.com/prommin.lertsuridej/posts/2646874002213273
'สมชัย' ชี้ 5 สาเหตุ รับมือ 'โควิด-19' ขาดทิศทาง ยกกรณี 'หน้ากากฯ-ปิดเมือง'
https://voicetv.co.th/read/C9Px9mR7X
'สมชัย' อดีต กกต. โพสต์ชี้ 5 สาเหตุ 'กระทรวงพาณิชย์' บริหารงานผิดพลาด ทำหน้ากากอนามัยขาดแคลน ประชาชนต้องหาซื้อในราคาแพง ไร้หลักประกันได้สินค้ามีคุณภาพ
นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
การบริหารงานของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เกิดการขาดแคลนหน้ากากอนามัยเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ประชาชนต้องหาซื้อในราคาแพงถึง 20-30 บาทต่อชิ้น และยังไม่มีหลักประกันว่าจะได้สินค้าที่มีคุณภาพ
สาเหตุของความผิดพลาดเกิดจาก
1. ความรอบรู้เป็นเท็จ และการคาดการณ์ด้านตัวเลขที่บกพร่อง ตัวเลขในสต็อกคือเท่าไร โรงงานมีจำนวนเท่าใด กำลังผลิตที่แท้เป็นเท่าไร กระทรวงให้ข้อมูลไม่ตรงกันมาโดยตลอด
2. การตัดสินใจที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล การประกาศกำหนดราคาต้นทุนในการผลิตไม่เกิน 2.00 บาท และให้จำหน่ายให้ประชาชนไม่เกิน 2.50 น. ไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบ ซึ่งนับวันจะแย่งชิงกันทั่วโลก และราคาสูงขึ้นนับสิบเท่า
3. กลไกการบริหารจัดการแบบราชการ ใช้วิธีการออกคำสั่ง ขาดการติดตาม มีแต่แก้ไขปัญหาแบบรายวัน ยกตัวอย่างเช่น มีกำหนดการขายหน้ากากอนามัยที่ทำเนียบ 15 วันแล้วก็ยกเลิกเมื่อจำหน่ายได้วันเดียว มีหน่วยรถ mobile แล้วก็ยกเลิก ส่งให้ร้านธงฟ้า แล้วก็บอกว่า มีรั่วไหล ตรวจสอบไม่ได้ ล่าสุด ก็ประกาศยกเลิกอีก แทนที่จะฮึดสู้และหาทางแก้ข้อบกพร่อง
4. กฎระเบียบที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ เมื่อถึงจุดที่การผลิตในประเทศไม่เพียงพอต้องมีการนำเข้าหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศ ภาษีนำเข้า 40 เปอร์เซ็นต์ ก็กลายเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ราคาที่จะมาจำหน่ายแก่ประชาชนสูงขึ้นอีก สถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ควรลดภาษีเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ เพื่อให้ประชาชนมีหน้ากากใช้ให้ทั่ว
5. การทำงานอย่างบูรณาการ 24 ชั่วโมงยังไม่เกิด กระทรวงใครกระทรวงมัน ไม่ล้ำเส้น ห้ามวิจารณ์กัน ขาดการประสาน ขาดการกำหนดทิศทางที่ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ไม่มีการวิเคราะห์ถึงภาพทัศน์ที่ตามมาหลังจากการตัดสินใจของแต่ละฝ่าย เช่น เรื่องปิดเมืองวันอาทิตย์ แทนที่จะมีมาตรการรองรับคนตกงานทันที กลับต้องรอประชุม ครม.วันอังคารเพื่อออกมาตรการรองรับ
https://www.facebook.com/Somchai.Srisutthiyakorn/posts/2714221171960602
หมอทำนาย อีก 10 วัน ไทยจะเป็น อิตาลีโมเดล ชี้ส่วนกลางไม่ช่วยอะไร ทำสถานการณ์แย่ลง
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_3804251
สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลพยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตามเพจ
เรื่องเล่าหมอชายแดน ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ มาตรการแก้ปัญหาของรัฐบาล ความว่า
ทำนายได้เลยว่าอีก 10 วันต่อจากนี้เราจะเป็นอิตาลีโมเดล
ที่มีคนไข้มากขึ้นแบบก้าวกระโดด มีคนล้มตายจำนวนมากอย่างช่วยเหลือไม่ทัน และมันอาจเป็นตัวเราหรือญาติเราก็ได้
เพราะ....เราไม่มี social distancing ไม่มี self quarantine ที่จริงจัง
ยังออกไปเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้าน จัดงานสังสรรค์ที่มีคนมากกว่า 60 คนขึ้นไปใครไปห้ามไปเตือนก็ด่าว่าเขา
มีการเคลื่อน การไหลของประชากร เพราะ shut down เมืองเป็นจุดๆไม่พร้อมกัน ไม่ปิดกั้นการออกของคน เมื่อเมืองที่มีจำนวนคนไข้สูงสุดปิด ผู้คนไหลออกมาเพื่อกลับชนบท นี่มันประเทศอิตาลีเลยนะ..
เมื่อส่วนกลางไม่ช่วยอะไรเราเลยแถมทำให้สถานการณ์แย่ลงทุกเรื่อง ตอนนี้อุปกรณ์ในโรงพยาบาลก็ขาดแคลน บอกเลยว่าถึงวันนี้ไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาอยู่
ถึงเวลาหรือยังที่ประชาชนทุกคนจะร่วมควบคุมการระบาด??
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=556829028285780&id=119485678686786
JJNY : หมอมิ้งแนะผู้นำ/สมชัยชี้ 5สาเหตุ/หมอทำนายอีก10วัน/หมอเปิดบทสัมภาษณ์พญ.อิตาลี ชี้ปิดเมืองช้าไป/พบป่วยเพิ่ม122
https://voicetv.co.th/read/ju4oZ2Vku
อดีตรองนายกรัฐมนตรี ชี้โควิด-19 วิกฤตพิสูจน์ผู้นำไทย แนะนำฟังให้ชัด คิดให้เป็น สั่งให้ครบ สื่อสารให้เข้าใจ ระดมความร่วมมือจากประชาชนอย่างกว้างขวางฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 บอกเป็นวิกฤตที่จะพิสูจน์ความสามารถของผู้นำไทย พร้อมแนะ 5 ข้อเสนอเพื่อสร้าง "ความเชื่อมั่น" ให้ประชาชนและฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
เนื้อหาทั้งหมดระบุผ่านเฟซบุ๊ก Prommin Lertsuridej ดังนี้
ฟังให้ชัด คิดให้เป็น สั่งให้ครบ สื่อสารให้เข้าใจ
วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มใช้มาตรการ”ปิดกรุงเทพ”และจังหวัดข้างเคียง เพื่อลดอุบัติการณ์ การติดต่อ COOVID19 ด้วยกระบวนการ SOCIAL DISTANCING ให้ได้ผล แต่มาตรการดังกล่าว ไม่ใช่มาตรการเดียว หากแต่ต้องดำเนินควบคู่มาตรการอื่นๆอีกหลายเรื่อง การปิด กรุงเทพ 21 วันจึงจะได้ผล
1. ปิดทางเข้าของผู้นำเชื้อรายใหม่ๆ เข้ามาในสังคม คนต่างชาติไม่มีเหตุจำเป็นต้องเข้ามาช่วงนี้ให้ใช้วิธีติดต่อทางอื่น คนไทยผู้ที่กลับจากต่างประเทศ ในที่นี้มิใช่ห้าม แต่ใช้มาตรการที่เหมาะสม คนไทยกลับจากอิตาลี เยอรมัน อังกฤษ อเมริกา ล้วนแต่เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ สูงกว่าไทยมาก เมื่อจะย่างเข้ามาไทย จะต้องถูกตรวจแยกแยะ กักกัน ติดตามอย่างไร ผู้มีอาการก็แยกเข้ารักษา ไม่มีอาการจะต้องให้ติดตามอย่างไร กลไกของสาธารณสุขมีถึงระดับหมู่บ้าน ทั้งยังมีสมาชิกสังคม จะช่วยแบ่งเบางานให้เจ้าหน้าที่อย่างไร ใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ช่วยอย่างไร กระทรวงดิจิตอลฯ ต้องเข้ามาช่วยอย่างแม่นยำอย่างไร
2. เร่งติดตามกลุ่มเสี่ยงติดและแพร่เชื้อรายเก่าที่ปะปนในสังคม 3 กลุ่มใหญ่ (นี่ยังไม่รวม กล่มนักเรียน นักศึกษากลุ่มใหญ่จากโลกตะวันตกที่กำลังทะยอยกลับเข้ามา)คือกลุ่มสนามมวย ไม่ยอมมารายงานตัว อีกหลายร้อยคน กลุ่มทองหล่อ และกล่มที่กลับจากมาเลเซีย นี่ภายใน 2 อาทิตย์ ต้องหาตัวให้พบ ขณะนี้ไม่ต้องปืดบังกันแล้ว กิจกรรมหากิน และสังคมหยุดหมด ทุกคนต้องเหินห่างกันเพื่อขจัดเชื้อร้ายนี้ ใช้3 สัปดาห์นี้ให้คุ้มเป็นประโยชน์ มิฉะนั้นจะสูญเปล่า และต้องใช้กลไกประชาชนร่วมด้วย
3. การเตรียมการบริการทางการแพทย์ ด้านการตรวจหาผู้ป่วย การบริการรักษาพยาบาล อุปกรณ์ป้องกันโรคของเจ้าหน้าที่ สถานที่ อุปกรณ์แพทย์ช่วยชีวิตในรายอาการหนักโดยเฉพาะ เครื่องช่วยหายใจ ต้องปรับเตรียมให้เพียงพอ เจ้าหน้าที่อาจต้องถูกระดมจัดสรร จากที่อื่น เช่นกรณีอูฮั่น ที่รัฐบาลระดมมาจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาลทหาร นักเรียนแพทย์ นักเรียนพยาบาล เหตุการณ์จะเร่งหนักขึ้นในอัตราเร่งตั้งแต่สัปดาห์นี้ เป็นต้นไป ถ้าดูจากตัวเลขทางสถิติ
4. สื่อสารให้สังคมเข้าใจ รัฐบาลต้องระดมสมองจากผู้รู้และเรียนรู้ประสบการณ์จากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ และที่กำลังเผชิญปัญหา วิเคราะห์ให้ชัด เลือก”ตัดสินใจ”ในสิ่งที่”คาดว่า”ได้ผลดีที่สุด สื่อสารอย่างชัดเจน ว่าจะ”ให้ประชาชนทำอะไร เพราะอะไร” ในทางตรงข้ามถ้าการสั่งการสับสน สั่งการขัดแย้ง “ประชาชนก็ขาดความเชื่อมั่น” ไม่ให้ความร่วมมือ ตระหนกตกใจ แย่งกันเราตัวรอด
5. มาตรการเยียวยา ชดเชยได้ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะเอกชนรายเล็กและลูกจ้าง การหยุดงานหยุดเศรษฐกิจ ก็หยุดรายได้ไปด้วย จะมีมาตรการใดบ้าง ถ้า3 สัปดาห์แล้วจบก็พอทำเนา แต่ที่จริงนี่เป็นเพียงบทเบื้องต้น ซึ่งอาจทอดยาวเป็นปี หากการจัดการใน 3 สัปดาห์นี้ ทำได้ไม่ดีพอ
นี่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ กับการเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาล ที่จะต้องสร้าง "ความเชื่อมั่น" ให้ประชาชนชาวไทย ร่วมกันระดมสรรพกำลัง ทรัพยากรทั้งมวลเดินหน้าฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน เป็นบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำโดยแท้
CVID19 : วิกฤตพิสูจน์ผู้นำไทย
ผู้นำที่รับฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญให้ชัด ได้อย่างเข้าใจดี คิดเลือกตัดสินใจให้เป็น เลือกหนทางที่คาดว่าดีที่สุด กล้าสั่งการให้รอบด้านและสื่อสารสร้างความเชื่อมั่นระดมความร่วมมือจากประชาชนอย่างกว้างขวางก็สามารถนำฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
https://www.facebook.com/prommin.lertsuridej/posts/2646874002213273
'สมชัย' ชี้ 5 สาเหตุ รับมือ 'โควิด-19' ขาดทิศทาง ยกกรณี 'หน้ากากฯ-ปิดเมือง'
https://voicetv.co.th/read/C9Px9mR7X
'สมชัย' อดีต กกต. โพสต์ชี้ 5 สาเหตุ 'กระทรวงพาณิชย์' บริหารงานผิดพลาด ทำหน้ากากอนามัยขาดแคลน ประชาชนต้องหาซื้อในราคาแพง ไร้หลักประกันได้สินค้ามีคุณภาพ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
การบริหารงานของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เกิดการขาดแคลนหน้ากากอนามัยเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ประชาชนต้องหาซื้อในราคาแพงถึง 20-30 บาทต่อชิ้น และยังไม่มีหลักประกันว่าจะได้สินค้าที่มีคุณภาพ
สาเหตุของความผิดพลาดเกิดจาก
1. ความรอบรู้เป็นเท็จ และการคาดการณ์ด้านตัวเลขที่บกพร่อง ตัวเลขในสต็อกคือเท่าไร โรงงานมีจำนวนเท่าใด กำลังผลิตที่แท้เป็นเท่าไร กระทรวงให้ข้อมูลไม่ตรงกันมาโดยตลอด
2. การตัดสินใจที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล การประกาศกำหนดราคาต้นทุนในการผลิตไม่เกิน 2.00 บาท และให้จำหน่ายให้ประชาชนไม่เกิน 2.50 น. ไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบ ซึ่งนับวันจะแย่งชิงกันทั่วโลก และราคาสูงขึ้นนับสิบเท่า
3. กลไกการบริหารจัดการแบบราชการ ใช้วิธีการออกคำสั่ง ขาดการติดตาม มีแต่แก้ไขปัญหาแบบรายวัน ยกตัวอย่างเช่น มีกำหนดการขายหน้ากากอนามัยที่ทำเนียบ 15 วันแล้วก็ยกเลิกเมื่อจำหน่ายได้วันเดียว มีหน่วยรถ mobile แล้วก็ยกเลิก ส่งให้ร้านธงฟ้า แล้วก็บอกว่า มีรั่วไหล ตรวจสอบไม่ได้ ล่าสุด ก็ประกาศยกเลิกอีก แทนที่จะฮึดสู้และหาทางแก้ข้อบกพร่อง
4. กฎระเบียบที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ เมื่อถึงจุดที่การผลิตในประเทศไม่เพียงพอต้องมีการนำเข้าหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศ ภาษีนำเข้า 40 เปอร์เซ็นต์ ก็กลายเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ราคาที่จะมาจำหน่ายแก่ประชาชนสูงขึ้นอีก สถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ควรลดภาษีเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ เพื่อให้ประชาชนมีหน้ากากใช้ให้ทั่ว
5. การทำงานอย่างบูรณาการ 24 ชั่วโมงยังไม่เกิด กระทรวงใครกระทรวงมัน ไม่ล้ำเส้น ห้ามวิจารณ์กัน ขาดการประสาน ขาดการกำหนดทิศทางที่ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ไม่มีการวิเคราะห์ถึงภาพทัศน์ที่ตามมาหลังจากการตัดสินใจของแต่ละฝ่าย เช่น เรื่องปิดเมืองวันอาทิตย์ แทนที่จะมีมาตรการรองรับคนตกงานทันที กลับต้องรอประชุม ครม.วันอังคารเพื่อออกมาตรการรองรับ
https://www.facebook.com/Somchai.Srisutthiyakorn/posts/2714221171960602
หมอทำนาย อีก 10 วัน ไทยจะเป็น อิตาลีโมเดล ชี้ส่วนกลางไม่ช่วยอะไร ทำสถานการณ์แย่ลง
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_3804251
สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลพยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตามเพจ เรื่องเล่าหมอชายแดน ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ มาตรการแก้ปัญหาของรัฐบาล ความว่า
ทำนายได้เลยว่าอีก 10 วันต่อจากนี้เราจะเป็นอิตาลีโมเดล
ที่มีคนไข้มากขึ้นแบบก้าวกระโดด มีคนล้มตายจำนวนมากอย่างช่วยเหลือไม่ทัน และมันอาจเป็นตัวเราหรือญาติเราก็ได้
เพราะ....เราไม่มี social distancing ไม่มี self quarantine ที่จริงจัง
ยังออกไปเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้าน จัดงานสังสรรค์ที่มีคนมากกว่า 60 คนขึ้นไปใครไปห้ามไปเตือนก็ด่าว่าเขา
มีการเคลื่อน การไหลของประชากร เพราะ shut down เมืองเป็นจุดๆไม่พร้อมกัน ไม่ปิดกั้นการออกของคน เมื่อเมืองที่มีจำนวนคนไข้สูงสุดปิด ผู้คนไหลออกมาเพื่อกลับชนบท นี่มันประเทศอิตาลีเลยนะ..
เมื่อส่วนกลางไม่ช่วยอะไรเราเลยแถมทำให้สถานการณ์แย่ลงทุกเรื่อง ตอนนี้อุปกรณ์ในโรงพยาบาลก็ขาดแคลน บอกเลยว่าถึงวันนี้ไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาอยู่
ถึงเวลาหรือยังที่ประชาชนทุกคนจะร่วมควบคุมการระบาด??
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=556829028285780&id=119485678686786