เมื่อ กล็อก ตั้งชื่อรุ่นปืนกระบอกแรกว่า “17” เคยให้เหตุผลว่า เป็นสิทธิบัตรใบที่ 17 ของบริษัท หลังจากนั้น กล็อกใช้ตัวเลขไล่เรียงกันไปเป็นชื่อรุ่น โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับขนาดกระสุน, ขนาดตัวปืน ตลอดจนลักษณะงานหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแต่อย่างใด
จาก 17 ที่วางตลาดในปี 1983 มาถึงปัจจุบันรุ่นล่าสุดคือ กล็อก 48 นับเฉพาะตัวเลขรหัสได้ 36 แบบหลัก และแยกย่อยโดยเพิ่มอักษรต่อท้าย รวมแล้วกว่า 40 แบบ มีขนาดกระสุนให้เลือกได้ ไล่ตามลำดับการผลิตก่อนหลังดูได้จากชื่อรุ่นแรกของแต่ละขนาดในวงเล็บ คือ 9 มม.(17), 10 มม.(20), .45 ACP (21), .40 S&W (22), .380 (25), .357 SIG (31), .45 GAP (37) และ .22 LR (44)
ในแต่ละรุ่นที่ผลิตอย่างต่อเนื่อง กล็อกมีการปรับปรุงเรื่อยมา ระยะแรกกลุ่มลูกค้าที่สังเกตเห็นความแตกต่างตั้งชื่อให้ว่า Gen1, Gen2, Gen3 จนในที่สุด กล็อก ยอมรับชื่อเรียกนี้อย่างเป็นทางการ โดยสลักคำว่า Gen4 บนลำเลื่อนของ กล็อก 17 และ 22 ในปี 2010 ตามด้วยขนาด 9 มม. ทั้งหมดในสองปีต่อมา ส่วนปืนโครงใหญ่ขนาด 10 มม. และ .45 เริ่มแบบ Gen4 ในปี 2013
ปืนนายแบบของสัปดาห์นี้ Glock 41 Gen4 MOS ใช้กระสุน .45 ACP เป็นตัวที่สามในชุด “ปืนแข่ง” (Competition Series) ที่เริ่มจากรุ่น 34, 35 ขนาด 9 มม. และ .40 ตามลำดับ โดยตัวย่อ MOS คือ Modular Optic System เซาะเนื้อเหล็กบนสันลำเลื่อนส่วนหน้าศูนย์หลังไว้สำหรับติดตั้งกล้องเล็งแบบจุดแดง (holographic sight) มีแผ่นปิดอย่างกลมกลืน ถ้าไม่ติดกล้องใช้ศูนย์เปิดที่มากับปืนได้ตามปกติ เมื่อต้องการติดกล้องเพียงถอดแผ่นปิดนี้ออก เปลี่ยนเป็นฐานเหล็กที่แถมมากับปืน เลือกได้สี่แบบให้ตรงกับยี่ห้อกล้องที่จะใช้ น้ำหนักตัวปืนติดกล้องแล้ว ยังไม่เกิน 800 กรัม เทียบกับปืน 1911 มาตรฐานไม่รวมกล้องประมาณ 1,100 กรัม
เป็นที่น่าสังเกตว่า กล็อก 41 ตัวนี้ ที่ลำกล้องยาว 5.4 นิ้ว พร้อมลำเลื่อนยาวรับกัน น้ำหนักตัวปืนเพียง 760 กรัม ในขณะที่ กล็อก 21 Gen4 เช่นเดียวกัน ลำกล้อง 4.6 นิ้ว สั้นกว่า แต่ตัวหนักกว่า คือ 830 กรัม ปืนสองรุ่นนี้ใช้โครงเดียวกัน, สปริงลำเลื่อนสองชั้นยาวเท่ากัน ต่างกันตรงลำเลื่อนของ กล็อก 21 ใช้ตัวใหญ่ 28.5 มิลลิเมตร ที่ออกแบบไว้รับกระสุน 10 มม. ส่วนของ กล็อก 41 ใช้ตัวมาตรฐาน 25.5 มิลลิเมตร ที่เดิมออกแบบสำหรับกระสุน 9 มม. และ .40 ต่อมาเมื่อทำรุ่น 36 ขนาด .45 แบนบาง ใช้ลำเลื่อนแคบได้ผลดี จึงนำมาใช้กับรุ่น 30S และ 41 นี้ เป็นมาตรฐานเดียว
โดยรวม กล็อก 41 Gen4 MOS เป็น .45 ออโตฯ ออกแบบมาสำหรับแข่งรณยุทธ์ ลำกล้องยาวเต็มที่ตามกติกา เมื่อยิงศูนย์เปิดได้เปรียบที่ระยะระหว่างศูนย์ยาวกว่า เล็งได้ประณีตกว่า และเมื่อติดตั้งศูนย์จุดแดงจะยิงเล็งง่ายและเร็วขึ้น มองเป้าได้ตลอดเวลาไม่ต้องโฟกัสที่ศูนย์หน้า น้ำหนักตัวปืนรวมกล้องแล้วยังเบากว่าปืนระบบ 1911 มาตรฐานไม่ติดกล้อง ตัวปืนทำงานเรียบร้อยไว้ใจได้เต็มที่
นอกจากลงแข่งยังใช้เป็นปืนติดบ้านได้ดี หรือเจ้าหน้าที่พกซองนอกได้ ตัวปืนยาวกว่ามาตรฐานเล็กน้อยแต่ไม่หนัก ใช้งานคล่องตัวตามแบบฉบับปืนกล็อก ความปลอดภัยสูงด้วยระบบเข็มง้างครึ่งทางไม่ต้องกังวลเรื่องห้ามไก ความแม่นยำสูงกว่ามาตรฐานปืนต่อสู้ และลำกล้องที่ยาวกว่าช่วยให้ได้ความเร็วกระสุนเต็มสภาพ.
https://www.dailynews.co.th/article/762536
..........................................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 349 Glock 41 Gen4 MOS .45 ตัวยาว มาพร้อมฐานกล้อง
จาก 17 ที่วางตลาดในปี 1983 มาถึงปัจจุบันรุ่นล่าสุดคือ กล็อก 48 นับเฉพาะตัวเลขรหัสได้ 36 แบบหลัก และแยกย่อยโดยเพิ่มอักษรต่อท้าย รวมแล้วกว่า 40 แบบ มีขนาดกระสุนให้เลือกได้ ไล่ตามลำดับการผลิตก่อนหลังดูได้จากชื่อรุ่นแรกของแต่ละขนาดในวงเล็บ คือ 9 มม.(17), 10 มม.(20), .45 ACP (21), .40 S&W (22), .380 (25), .357 SIG (31), .45 GAP (37) และ .22 LR (44)
ในแต่ละรุ่นที่ผลิตอย่างต่อเนื่อง กล็อกมีการปรับปรุงเรื่อยมา ระยะแรกกลุ่มลูกค้าที่สังเกตเห็นความแตกต่างตั้งชื่อให้ว่า Gen1, Gen2, Gen3 จนในที่สุด กล็อก ยอมรับชื่อเรียกนี้อย่างเป็นทางการ โดยสลักคำว่า Gen4 บนลำเลื่อนของ กล็อก 17 และ 22 ในปี 2010 ตามด้วยขนาด 9 มม. ทั้งหมดในสองปีต่อมา ส่วนปืนโครงใหญ่ขนาด 10 มม. และ .45 เริ่มแบบ Gen4 ในปี 2013
ปืนนายแบบของสัปดาห์นี้ Glock 41 Gen4 MOS ใช้กระสุน .45 ACP เป็นตัวที่สามในชุด “ปืนแข่ง” (Competition Series) ที่เริ่มจากรุ่น 34, 35 ขนาด 9 มม. และ .40 ตามลำดับ โดยตัวย่อ MOS คือ Modular Optic System เซาะเนื้อเหล็กบนสันลำเลื่อนส่วนหน้าศูนย์หลังไว้สำหรับติดตั้งกล้องเล็งแบบจุดแดง (holographic sight) มีแผ่นปิดอย่างกลมกลืน ถ้าไม่ติดกล้องใช้ศูนย์เปิดที่มากับปืนได้ตามปกติ เมื่อต้องการติดกล้องเพียงถอดแผ่นปิดนี้ออก เปลี่ยนเป็นฐานเหล็กที่แถมมากับปืน เลือกได้สี่แบบให้ตรงกับยี่ห้อกล้องที่จะใช้ น้ำหนักตัวปืนติดกล้องแล้ว ยังไม่เกิน 800 กรัม เทียบกับปืน 1911 มาตรฐานไม่รวมกล้องประมาณ 1,100 กรัม
เป็นที่น่าสังเกตว่า กล็อก 41 ตัวนี้ ที่ลำกล้องยาว 5.4 นิ้ว พร้อมลำเลื่อนยาวรับกัน น้ำหนักตัวปืนเพียง 760 กรัม ในขณะที่ กล็อก 21 Gen4 เช่นเดียวกัน ลำกล้อง 4.6 นิ้ว สั้นกว่า แต่ตัวหนักกว่า คือ 830 กรัม ปืนสองรุ่นนี้ใช้โครงเดียวกัน, สปริงลำเลื่อนสองชั้นยาวเท่ากัน ต่างกันตรงลำเลื่อนของ กล็อก 21 ใช้ตัวใหญ่ 28.5 มิลลิเมตร ที่ออกแบบไว้รับกระสุน 10 มม. ส่วนของ กล็อก 41 ใช้ตัวมาตรฐาน 25.5 มิลลิเมตร ที่เดิมออกแบบสำหรับกระสุน 9 มม. และ .40 ต่อมาเมื่อทำรุ่น 36 ขนาด .45 แบนบาง ใช้ลำเลื่อนแคบได้ผลดี จึงนำมาใช้กับรุ่น 30S และ 41 นี้ เป็นมาตรฐานเดียว
โดยรวม กล็อก 41 Gen4 MOS เป็น .45 ออโตฯ ออกแบบมาสำหรับแข่งรณยุทธ์ ลำกล้องยาวเต็มที่ตามกติกา เมื่อยิงศูนย์เปิดได้เปรียบที่ระยะระหว่างศูนย์ยาวกว่า เล็งได้ประณีตกว่า และเมื่อติดตั้งศูนย์จุดแดงจะยิงเล็งง่ายและเร็วขึ้น มองเป้าได้ตลอดเวลาไม่ต้องโฟกัสที่ศูนย์หน้า น้ำหนักตัวปืนรวมกล้องแล้วยังเบากว่าปืนระบบ 1911 มาตรฐานไม่ติดกล้อง ตัวปืนทำงานเรียบร้อยไว้ใจได้เต็มที่
นอกจากลงแข่งยังใช้เป็นปืนติดบ้านได้ดี หรือเจ้าหน้าที่พกซองนอกได้ ตัวปืนยาวกว่ามาตรฐานเล็กน้อยแต่ไม่หนัก ใช้งานคล่องตัวตามแบบฉบับปืนกล็อก ความปลอดภัยสูงด้วยระบบเข็มง้างครึ่งทางไม่ต้องกังวลเรื่องห้ามไก ความแม่นยำสูงกว่ามาตรฐานปืนต่อสู้ และลำกล้องที่ยาวกว่าช่วยให้ได้ความเร็วกระสุนเต็มสภาพ.
https://www.dailynews.co.th/article/762536
..........................................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช