.        ประเทศเราเริ่มต้นกับสถานการณ์โควิด ในสภาพที่หวุดหวิดว่าจะเพลี่ยงพล้ำ
คนจีนมาเที่ยว มาอยู่ มากิน ในประเทศเราเป็นจำนวนมากกว่าประเทศอื่น ๆ
จนแทบจะเรียกได้ว่า เป็นจังหวัดย่อม ๆ ของประเทศจีนได้เลยทีเดียว
แต่เราก็ผ่านสถานการณ์ตรงนั้นมาได้ ในอัตราการติดเชื้อที่น้อยมาก ๆ
อีกทั้งยังมีกำลังใจจากทุกภาคส่วนและประชาชนคนไทยส่งไปให้พี่น้องชาวจีนอีก

ต่อมาเชื้อโควิดได้ขยายวงกว้างออกไปทั่วโลกในอัตราที่รวดเร็ว
หลายประเทศที่เราคิดว่า มีวิทยาการทางการแพทย์ชั้นนำ
หลายประเทศที่เราคิดว่า ประชาชนของเขามีระเบียบวินัย
หลายประเทศที่เราคิดว่า เขามีผู้นำที่เก่งกล้าสามารถ
หลายประเทศที่เราคิดว่า เขามีการจัดการเป็นเลิศ
แต่ผลจากตัวเลขที่ออกมา กลับไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่เราคิด..ว่าเขาดี

เมื่อย้อนกลับมาดูในประเทศเรา ที่ดูเหมือนว่าจะชุลมุนวุ่นวายกระจองงองแงกันอยู่
ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ดูเหมือนว่าการแพทย์เรายังสู้เขาไม่ได้
ดูเหมือนว่าผู้นำจะทำอะไรก็ไม่เข้าตา ดูเหมือนว่าการจัดการขลุกขลัก ซึ่งไม่น่าจะทำให้เกิดมรรคผล
แต่จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตประเทศไทย ที่เริ่มจากลำดับที่ 2 กลับไปเป็นลำดับที่ 40 กว่า 
ซึ่งถ้าในประเทศต่าง ๆ ที่เราคิดว่าเขาดี มีตัวเลขเท่าประเทศเรา ก็คงจะไม่มีการประกาศว่าเป็นโรคระบาดร้ายแรงแล้ว

และถ้ามาดูกันให้ดี ๆ ว่าประเทศเรามีอะไร ทำไมการแพร่ระบาดจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าประเทศอื่น ๆ
ในทรรศนะของเราเห็นว่า "เพราะว่าเรามีคนไทย" ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ภัยมาเราสามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่ในสายเลือดของเรา มีสายตาที่สร้างมาเพื่อเอาใจใส่เพื่อนมนุษย์ 
ทำเหมือนกับว่าจะไม่มีระเบียบวินัย แต่ก็ยังอยู่ในระดับความปลอดภัยที่ตนเองประเมินอยู่เสมอ
แม้ว่าจะมีบางกลุ่มบางพวก ที่กระทำตนอยู่ในความประมาท แต่ก็เป็นส่วนน้อยที่ควรต้องปรับปรุง

เท่าที่เราสังเกต ทำให้เรามีความเห็นว่า โอกาสในการเข้าสู่ระยะที่ 3 นั้น มีน้อยมาก
เพราะว่าคนไทย ยังคงรักษาระดับความเป็นไทย ในส่วนที่เป็นความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
รักษาความสามัคคี มีความรับผิดชอบ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ได้อย่างที่เป็นอยู่หรือมากขึ้นในหลายท่าน
ซึ่งก็เป็นอุปนิสัยใจคอของพระเอกนางเอกที่แท้ทรูอยู่แล้วค่ะ