เป็นอีกหนึ่งคนที่กระทบจากโควิด-19 เต็มๆ เราทำงานประจำเงินเดือน 18,000 บาท และเราทำธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายอุปกรณ์กันหนาวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รายได้ต่อเดือนจากธุรกิจจะอยู่ที่ 2-300,000 บาท ในขณะที่สามีเราเพิ่งเริมกิจการใหม่ ที่รายได้/เดือนได้แค่ค่าเช่าสถานที่กับค่าแรงลูกน้อง
รายได้หลักคือมาจากเรา ที่ต้องเลี้ยงดู 6 ชีวิตในบ้าน พ่อ แม่(แก่แล้ว) น้อง(ยังเรียนอยู่) สามี ลูก(เรียนระดับอนุบาล) และเรา
เรามีภาระค่าใช้จ่ายประจำในบ้าน 50000-60000 /เดือน ซึ่งหลักๆก็คือค่างวดรถ 2 คัน ค่าผ่อนบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ไม่รวมค่าเทอมน้อง+ลูก และค่าบำรุงรักษารถ+บ้านและค่ารักษาพยาบาลของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่มีโรคประจำตัว ต้องไปหาหมอเดือนละ 1 ครั้ง หรือตามหมอนัด )
มาพูดถึงผลกระทบจากโควิด-19 ดีกว่า
ธุรกิจของเรา กลุ่มลูกค้าจะเป็นนักท่องเที่ยว(ต่างประเทศ) ซึ่งประเทศหลักคือ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น(แค่ชื่อประเทศนี่ก็น้ำตาไหลแล้ว)
ม.ค. 63 เราได้กำไรโดยประมาณ 400,000 บาท
ก.พ.63 กำไรลดเหลือ 200,000 บาท
มี.ค. 63 ผ่านมาเกือบครึ่งเดือน เพิ่งได้กำไร 60,000 บาท ซึ่งเดือนนี้ขอแค่ 100,000 บาท ก็พอ
ส่วนเดือน เม.ย. เราคาดว่าคงจะไม่ถึง 30000 เพราะดูแนวโน้มแล้ว โรคยังคงระบาดไม่หยุดแน่ๆ
แน่นอน เรายังคงประคับประคองครอบครัวเราต่อไปได้ด้วยเงินเก็บที่ยังพอมีอยู่
แต่เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นแค่นี้อีกนานแค่ไหน เพราะหลังจากนี้ รายรับเราจะเหลือแค่ในส่วนของเงินเดือน 18,000 (ธุรกิจของสามีได้รับผลกระทบจากสภาพเศรฐกิจทุกวันนี้พอสมควร เพาระคนไม่อยากใช้เงิน) และเอาเงินเก็บมาเสริม เดือนละ 4-50000
เราเครียดมาก เราพยายามเข้าใจว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง แต่ในทุกๆวันที่เราไม่มีเงินเข้าบัญชี จากที่เคยมีเงินเข้าบัญชี วันละ 10000+ การเป็นเงินในบัญชีร่อยหรอลงเรื่อยๆ ก็เข้าใจแหล่ะว่าโรคมันระบาด แต่มันก็ยังเครียดอยู่ดี
ธุรกิจของเรา จะทำกัน 8-9 เดือนต่อปี ซึ่งเราทำงานไม่เคยหยุด เพราะทำงานประจำกลางวัน กลางคืนขายของ มันเป็นแบบนี้มา 7 เดือนแล้ว มองโลกในแง่ดี ตอนนี้เราก็พักผ่อนได้สินะ เหนื่อยมาตั้งหลายเดือน พาพ่อแม่ พาลูกไปเที่ยวดีกว่า เปล่าค่ะ ไปเที่ยวก็ไม่กล้าไป กลัวโรคไปหมด เลิกงานกลับบ้านมา ปกติจะต้องรีบไปทำงาน ตอนนี้ว่างมากค่ะ เพราะไม่มียอดสั่งสินค้าเลย กลับบ้านไปเห็นของกองอยู่เต็มบ้าน ยิ่งเครียดไปอีก
ดูคนอื่นที่เขาทำกิจการแบบเดียวกับเรา เขาก็เริ่มเปลี่ยนสินค้ามาขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ คิดไปคิดมาเราก็ไม่กล้าลงทุน เพราะทุนสูง และต้องขายแพง กลัวจะโดนตำรวจล่อซื้ออีก เฮ้อออออออ ถอนหายใจยาวๆ
เราได้แต่หวังว่าโรคนี้จะสามารถควบคุมได้ และเราต้องผ่านมันไปให้ได้ สู้ๆนะคะทุกคน รวมถึงเราด้วย
COVID-19 กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณอย่างไรบ้าง
รายได้หลักคือมาจากเรา ที่ต้องเลี้ยงดู 6 ชีวิตในบ้าน พ่อ แม่(แก่แล้ว) น้อง(ยังเรียนอยู่) สามี ลูก(เรียนระดับอนุบาล) และเรา
เรามีภาระค่าใช้จ่ายประจำในบ้าน 50000-60000 /เดือน ซึ่งหลักๆก็คือค่างวดรถ 2 คัน ค่าผ่อนบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ไม่รวมค่าเทอมน้อง+ลูก และค่าบำรุงรักษารถ+บ้านและค่ารักษาพยาบาลของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่มีโรคประจำตัว ต้องไปหาหมอเดือนละ 1 ครั้ง หรือตามหมอนัด )
มาพูดถึงผลกระทบจากโควิด-19 ดีกว่า
ธุรกิจของเรา กลุ่มลูกค้าจะเป็นนักท่องเที่ยว(ต่างประเทศ) ซึ่งประเทศหลักคือ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น(แค่ชื่อประเทศนี่ก็น้ำตาไหลแล้ว)
ม.ค. 63 เราได้กำไรโดยประมาณ 400,000 บาท
ก.พ.63 กำไรลดเหลือ 200,000 บาท
มี.ค. 63 ผ่านมาเกือบครึ่งเดือน เพิ่งได้กำไร 60,000 บาท ซึ่งเดือนนี้ขอแค่ 100,000 บาท ก็พอ
ส่วนเดือน เม.ย. เราคาดว่าคงจะไม่ถึง 30000 เพราะดูแนวโน้มแล้ว โรคยังคงระบาดไม่หยุดแน่ๆ
แน่นอน เรายังคงประคับประคองครอบครัวเราต่อไปได้ด้วยเงินเก็บที่ยังพอมีอยู่
แต่เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นแค่นี้อีกนานแค่ไหน เพราะหลังจากนี้ รายรับเราจะเหลือแค่ในส่วนของเงินเดือน 18,000 (ธุรกิจของสามีได้รับผลกระทบจากสภาพเศรฐกิจทุกวันนี้พอสมควร เพาระคนไม่อยากใช้เงิน) และเอาเงินเก็บมาเสริม เดือนละ 4-50000
เราเครียดมาก เราพยายามเข้าใจว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง แต่ในทุกๆวันที่เราไม่มีเงินเข้าบัญชี จากที่เคยมีเงินเข้าบัญชี วันละ 10000+ การเป็นเงินในบัญชีร่อยหรอลงเรื่อยๆ ก็เข้าใจแหล่ะว่าโรคมันระบาด แต่มันก็ยังเครียดอยู่ดี
ธุรกิจของเรา จะทำกัน 8-9 เดือนต่อปี ซึ่งเราทำงานไม่เคยหยุด เพราะทำงานประจำกลางวัน กลางคืนขายของ มันเป็นแบบนี้มา 7 เดือนแล้ว มองโลกในแง่ดี ตอนนี้เราก็พักผ่อนได้สินะ เหนื่อยมาตั้งหลายเดือน พาพ่อแม่ พาลูกไปเที่ยวดีกว่า เปล่าค่ะ ไปเที่ยวก็ไม่กล้าไป กลัวโรคไปหมด เลิกงานกลับบ้านมา ปกติจะต้องรีบไปทำงาน ตอนนี้ว่างมากค่ะ เพราะไม่มียอดสั่งสินค้าเลย กลับบ้านไปเห็นของกองอยู่เต็มบ้าน ยิ่งเครียดไปอีก
ดูคนอื่นที่เขาทำกิจการแบบเดียวกับเรา เขาก็เริ่มเปลี่ยนสินค้ามาขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ คิดไปคิดมาเราก็ไม่กล้าลงทุน เพราะทุนสูง และต้องขายแพง กลัวจะโดนตำรวจล่อซื้ออีก เฮ้อออออออ ถอนหายใจยาวๆ
เราได้แต่หวังว่าโรคนี้จะสามารถควบคุมได้ และเราต้องผ่านมันไปให้ได้ สู้ๆนะคะทุกคน รวมถึงเราด้วย