บางครั้งการฟังสื่อหลายๆทาง ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนา จะเลวร้ายลงและการระบาดใหญ่ครั้งนี้จะเกิดขึ้นอย่างน้อย 6 เดือน (ตามที่ผู้เชี่ยวชาญทางโรคระบาดได้กล่าวไว้) ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงและไม่น่าแปลกใจเพราะองค์ประกอบของตลาดหุ้น คือ ความโลภและความกลัว (Greed & Fear)
.
ไม่มีใครคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำเราคงเห็นแล้วว่าทุกคนประหลาดใจมากที่ทรัมป์ตัดสินใจปิดชายแดนกับยุโรป (ยกเว้นสหราชอาณาจักร) เป็นเวลา 30 วัน สื่อต่างสรุปอย่างรวดเร็วว่าสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีผลกระทบต่อ GDP โลก ทั้งๆที่ผลกระทบที่แท้จริง เช่นผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะแสดงผลกระทบของไวรัส ยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการ อีกทั้งอย่าลืมว่าราคาหุ้นเป็นตัวสะท้อนกระแสเงินสดในอนาคต ไม่ใช่เฉพาะไตรมาสใดไตรมาสหนึ่ง
.
ในปี 2008 ตลาดสูญเสียมูลค่ามากกว่าครึ่ง แต่สิ่งนี้ดําเนินเวลาไปเกือบครึ่งปีโดยมีการรีบาวน์ครั้งใหญ่ในระหว่างนั้น สภาพคล่องในตอนนั้นถูกควบคุมอย่างเข้มงวด เปรียบเทียบกับตอนนี้สภาพคล่องยังไม่ตึงมากและได้รับการส่งเสริมเพิ่มเติมจากนโยบายธนาคารกลางที่ผ่อนคลายทั่วโลก เราไม่เชื่อว่า เราได้รับรู้ถึงขนาดผลกระทบที่แท้จริงของ coronavirus หากเหตุการณ์ระบาดแย่ลง แต่ถ้าคุณลงทุนในระยะยาวความหวาดกลัวในปัจจุบันคือเวลาที่จะหาโอกาสมากกว่าลาจากตลาด
.
สรุปเหตุการณ์ตลาดหุ้นต่างประเทศสัปดาห์นี้
วันจันทร์: S&P 500 ปิดที่ -7.6% หลังจากที่โดน circuit breaker เมื่อตลาดเปิดไม่นาน เหตุจากสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียและ covid19 ที่แพร่กระจายไปทั่วยุโรปอย่างรวดเร็ว
วันอังคาร: S&P 500 ปิดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดของวันที่ 4.9% จากความหวังว่าธนาคารกลางจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการดำเนินการของรัฐบาลและจีนจะกลับมาทำงานอีกครั้ง
วันพุธ: S&P มอบผลกำไรทั้งหมดของวันอังคารที่ 4.9% คืนตลาด เนื่องจากการแพร่กระจายของโควิดอย่างรวดเร็วทั่วสหรัฐอเมริกา
วันพฤหัสบดี: วันที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ Black Monday Crash 1987 โดย S&P ลดลง 9.5% และโดน Circuit Breaker อีกครั้งหลังจากเปิดตลาดเนื่องจากทรัมป์ปิดสหรัฐ จากการเดินทางขาเข้าของยุโรป การปิดตัวครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการศึกษากีฬาและบริการสาธารณะทั่วโลก นอกจากนั้น ECB ปฏิเสธที่จะลดอัตราดอกเบี้ย
ขณะนี้ฮ่องกง เปิดที่ -6.5%
.
เราไม่ได้พยายามที่จะลดความสำคัญของเหตุการณ์ไวรัสโคโรนานี้ สิ่งที่เราสามารถพูดได้ก็คือใน“ ทุกวิกฤติจะมีโอกาส” เราสามารถสังเกตุได้ว่านักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เมื่อวานนี้เมื่อ SET ถูก Circuit Breaker (ลดลง 10% ในหนึ่งวัน) สิ่งเหล่านี้บอกอะไรกับเรา
เหมือนกับสถานการณ์ของ Covid-19 ตอนนี้ในประเทศไทยไม่มีองค์กรใดที่สามารถดูแลสุขภาพของคุณได้ดีที่สุดยกเว้นตัวคุณเอง เราหวังว่าคุณจะใช้ความรู้ของคุณอย่างดีที่สุดในเวลาที่ยากลำบากนี้
ฝากแชร์และไลค์ โพสเป็นกําลังใจให้ทีมเราด้วยนะครับ 👍 Facebook: @BarracudaStocks
มันเป็นเวลาสำหรับ ความตื่นตระหนก หรือ มองหาโอกาส ในตลาดหุ้น กันแน่?
.
ไม่มีใครคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำเราคงเห็นแล้วว่าทุกคนประหลาดใจมากที่ทรัมป์ตัดสินใจปิดชายแดนกับยุโรป (ยกเว้นสหราชอาณาจักร) เป็นเวลา 30 วัน สื่อต่างสรุปอย่างรวดเร็วว่าสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีผลกระทบต่อ GDP โลก ทั้งๆที่ผลกระทบที่แท้จริง เช่นผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะแสดงผลกระทบของไวรัส ยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการ อีกทั้งอย่าลืมว่าราคาหุ้นเป็นตัวสะท้อนกระแสเงินสดในอนาคต ไม่ใช่เฉพาะไตรมาสใดไตรมาสหนึ่ง
.
ในปี 2008 ตลาดสูญเสียมูลค่ามากกว่าครึ่ง แต่สิ่งนี้ดําเนินเวลาไปเกือบครึ่งปีโดยมีการรีบาวน์ครั้งใหญ่ในระหว่างนั้น สภาพคล่องในตอนนั้นถูกควบคุมอย่างเข้มงวด เปรียบเทียบกับตอนนี้สภาพคล่องยังไม่ตึงมากและได้รับการส่งเสริมเพิ่มเติมจากนโยบายธนาคารกลางที่ผ่อนคลายทั่วโลก เราไม่เชื่อว่า เราได้รับรู้ถึงขนาดผลกระทบที่แท้จริงของ coronavirus หากเหตุการณ์ระบาดแย่ลง แต่ถ้าคุณลงทุนในระยะยาวความหวาดกลัวในปัจจุบันคือเวลาที่จะหาโอกาสมากกว่าลาจากตลาด
.
สรุปเหตุการณ์ตลาดหุ้นต่างประเทศสัปดาห์นี้
วันจันทร์: S&P 500 ปิดที่ -7.6% หลังจากที่โดน circuit breaker เมื่อตลาดเปิดไม่นาน เหตุจากสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียและ covid19 ที่แพร่กระจายไปทั่วยุโรปอย่างรวดเร็ว
วันอังคาร: S&P 500 ปิดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดของวันที่ 4.9% จากความหวังว่าธนาคารกลางจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการดำเนินการของรัฐบาลและจีนจะกลับมาทำงานอีกครั้ง
วันพุธ: S&P มอบผลกำไรทั้งหมดของวันอังคารที่ 4.9% คืนตลาด เนื่องจากการแพร่กระจายของโควิดอย่างรวดเร็วทั่วสหรัฐอเมริกา
วันพฤหัสบดี: วันที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ Black Monday Crash 1987 โดย S&P ลดลง 9.5% และโดน Circuit Breaker อีกครั้งหลังจากเปิดตลาดเนื่องจากทรัมป์ปิดสหรัฐ จากการเดินทางขาเข้าของยุโรป การปิดตัวครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการศึกษากีฬาและบริการสาธารณะทั่วโลก นอกจากนั้น ECB ปฏิเสธที่จะลดอัตราดอกเบี้ย
ขณะนี้ฮ่องกง เปิดที่ -6.5%
.
เราไม่ได้พยายามที่จะลดความสำคัญของเหตุการณ์ไวรัสโคโรนานี้ สิ่งที่เราสามารถพูดได้ก็คือใน“ ทุกวิกฤติจะมีโอกาส” เราสามารถสังเกตุได้ว่านักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เมื่อวานนี้เมื่อ SET ถูก Circuit Breaker (ลดลง 10% ในหนึ่งวัน) สิ่งเหล่านี้บอกอะไรกับเรา
เหมือนกับสถานการณ์ของ Covid-19 ตอนนี้ในประเทศไทยไม่มีองค์กรใดที่สามารถดูแลสุขภาพของคุณได้ดีที่สุดยกเว้นตัวคุณเอง เราหวังว่าคุณจะใช้ความรู้ของคุณอย่างดีที่สุดในเวลาที่ยากลำบากนี้
ฝากแชร์และไลค์ โพสเป็นกําลังใจให้ทีมเราด้วยนะครับ 👍 Facebook: @BarracudaStocks