มันเป็นความเจ็บปวดมากสำหรับจขกท.ที่ต้องเขียนกระทู้วิจารณ์บทละครเรื่องนี้ แต่ก็ขอพลีชีพเขียน เพราะไม่อยากเจอบทและการตัดต่ออะไรแบบนี้ในละครเรื่องไหนๆอีกเลย
ว่าด้วยเรื่องบทละคร
เราเข้าใจดีค่ะ ว่าการเล่าเรื่องเพื่อทำละครกับการเขียนนิยายนั้นต่างกัน และจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้เรื่องสนุกขึ้น มีมิติขึ้น เราไม่มีปัญหาถ้าการปรับนั้น จะทำให้ตัวละครนั้นดีขึ้น เรื่องราวดูสนุกขึ้น
แต่ถ้าพยายามเสริมเติมแต่งมากเกินไป มันจะทำให้หลุดโฟกัสจากแกนหลักของเรื่องเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงตั้งแต่เรารู้ว่า จะมีการเพิ่มตัวร้ายขึ้นมา
นวนิยายดั้งเดิม มี 822 หน้า ทั้งเรื่องดำเนินเรื่องโดยรังสิมันต์และทรรศิกา มีกล่าวถึงคู่ทยุติธรและมนิสรา ไม่แน่ใจว่าถึง 20 หน้าหรือไม่ พื้นเรื่อง คือเรื่องราวความรักที่โรแมนติกมากๆของรังสิมันต์และทรรศิกา ที่ดำเนินท่ามกลางผลประโยชน์ของแคว้น ความขัดแย้ง ระหว่าง หน้าที่ต่อแผ่นดิน และความต้องการของหัวใจตัวเอง ซึ่งสุดท้าย คนที่ยอมทิ้งผลประโยชน์ของแคว้นเพื่อหัวใจ คือรังสิมันต์ คนที่พร้อมประกาศศึก เพื่อให้ได้ตัวหญิงที่ตนรัก ก็คือรังสิมันต์ และคนที่ยอมเสียสละ ปล่อยคนที่ตนรักกลับบ้านไป ก็คือ รังสิมันต์
สุดท้าย ของท้ายสุด คนที่ยอมเสียเหมืองเพชร ยอมเสียหน้า ถูกถอนหมั้น ก็คือรังสิมันต์อีกเช่นกัน ทุกอย่างที่ทำเพื่อให้ได้ทรรศิกาแห่งพันธุรัฐมาครอง และ ความปรองดองของทั้งสามแคว้น ทั้งหมดนี้คือ เรื่องราวของ นวนิยาย ดั่งดวงหฤทัย
ส่วนเรื่องของทยุติธรและมนิศรา กล่าวถึงไม่มากนัก ในนิยาย ทยุติธร ไม่ได้แสดงอะไร นอกจากความไม่รู้คิด ผิดจังหวะ ตัดสินใจไม่ถูก ส่วนมนิศรา เป็นผู้หญิงที่ดีที่น่ารักปกติคนนึง มีความดีงามในแบบกุลสตรีเรียบร้อย ไม่ค่อยมั่นใจ แต่เก่งในสิ่งที่เธอถนัด และนิสัยไม่เข้ากับรังสิมันต์ ซึ่งในนิยายก็กล่าวถึงไม่มาก ไม่ได้บอกว่ารู้สึกผิดหรือคำนึงถึงแคว้นของตัวเองหรือไม่ แต่เธอช่วยชีวิตรังสิมันต์ จึงได้รางวัลเป็นการตอบแทน
ดังนั้น สัดส่วนในนวนิยาย จึงเป็นเรื่องของทรรศิกากับรังสิมันต์ 80% ทยุติธร และมนิศรา 20%
**** ทีนี้ บทละคร เวอร์ชั่น ปัจจุบัน พยายาม เพิ่มบท ทยุติธร และมนิศรา ให้เป็น 50 : 50 มันจะเกิดอะไรขึ้น???
เราอยากบอกว่า คนเขียนบทจะต้องถมหลุมที่ใหญ่มากค่ะ เพราะจะต้อง เขียนจาก 20 ให้มันเป็น 50 ดังนั้น ต้องไปบิดคาร์แรคเตอร์ของตัวละครเดิมจากนิยาย ให้มันน่าสนใจขึ้น ต้องสร้างที่มาที่ไปให้ตัวละครทั้งคู่ เพราะเดิมมันไม่มี แล้วยังต้องสร้างสตอรี่ของทั้งคู่ขึ้นมาใหม่ เพราะเดิมมันไม่มีอยู่
ทำแม้กระทั่งขโมยบทที่เป็นของรังสิมันต์และทรรศิกา เพื่อให้ตัวละครดูไม่แย่เกินไปนัก แต่เนื่องจากไม่สามารถหักคาร์แรคเตอร์เดิมให้มาทับไลน์คู่หลักได้ เลยกลายเป็นตัวละครไบโพล่าไป
การเพิ่มบทคู่รองให้มาเท่าคู่หลัก จะทำได้ ก็ต่อเมื่อ ตัวละครคู่หลัก คู่รอง มีความเกี่ยวข้องกัน ต้องมาเจอกันในสถานที่เดียวกัน ต้องมีบทที่ประชันกัน แบบนี้สามารถปรับได้ค่ะ เพราะเป็นการเล่าเรื่องในเหตุการณ์สถานที่เดียวกัน
แต่เรื่องของทยุติธร และมนิศรา นั้นอยู่คนละที่กับ ตัวละครคู่หลัก ดังนั้น ผลของการ เพิ่ม เรื่องของคู่รองเป็น 50 - 50 จึงกลายเป็น การพยายามเล่าเรื่องสองเรื่อง ต่างกรรมต่างวาระ ไม่เกี่ยวข้องกัน ในเวลาเดียวกันค่ะ
ผลคือ คนดูไม่สามารถโฟกัสใดๆได้เลย คนส่วนใหญ่ไม่สามารถจับใจความเรื่องใหญ่สองเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน
ยังไม่พอ บทละคร ยังไปขยายความเพิ่มทางฝั่งทานตะ ซึ่งเราเคยติงแล้ว (และถูกด่าเละ) ว่าต้องระวังจะออกทะเลทานตะ และก็เป็นจริงตามนั้น นอกจากเรื่องจะออกทะเล น้ำหนักเรื่องยังทิ้งไปทางฝั่งคู่รองอีกด้วย (ทานตะคือฝั่งของมนิสรา)
ดังนั้น สัดส่วนตัวละครมันจึงบิดเบี้ยวไป กลายเป็น เรื่องราวของรังสิมันต์และทรรศิกา ถูกกล่าวไม่ถึงครึ่งนึงในการเล่าเรื่อง และไม่ได้ถูกขยี้ไปให้สุดในแบบของการเล่าเรื่องตามขนบละคร การเล่าเรื่องของรังสิมันต์และทรรศิกา ใช้บทตามนิยายแทบจะไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ถามว่าดีหรือไม่ คือดี แต่มันไม่สุด มันไม่มีการตีความขยี้คาร์แรคเตอร์ให้ลงไปสุดแบบที่มันควรจะสื่อออกมา แบบที่เกริ่นไว้ตามนิยายข้างต้น
เพราะ คนเขียนบท ไม่ได้โฟกัสที่จะขยี้คาร์แรคเตอร์ตัวละครหลักออกมา เพราะเสียเวลาไปปั้นในสิ่งที่มันไม่มีอยู่
ซ้ำร้าย การตัดต่อและการเล่าเรื่องยังไปโฟกัสที่คู่รอง เพราะ การดำเนินเรื่องของรังสิมันต์และทรรศิกาแทบไม่มีความต่อเนื่องในการเล่าเรื่องเลย
เรื่องของคู่รอง ปั้นให้ตายอย่างไรมันก็ไม่เมคเซ้นส์ เพราะมันไม่มีสตอรี่มาแต่นิยาย คู่หลักก็เล่าเรื่องไปตามนิยาย ไม่ขยี้ไม่เน้นใดๆทั้งสิ้น สรุปคือ ไปไม่สุดทั้งสองคู่ แถมแอร์ไทม์คู่พระนาง ยังไม่ถึงครึ่ง เพราะต้องแชร์ไปให้กับคู่รองและตัวร้ายต่างๆ
ดังนั้น บทและการตัดต่อดั่งดวงหฤทัยในเวอร์ชั่นล่าสุด จึงมาแต่โครงเรื่อง เหมือนเอารังสิมันต์กับทรรศิกา มาโปะไว้บางๆ แต่ไส้ในยัดอะไรมาไม่รู้ที่ไม่มีในนิยาย อารมณ์ของเรา เหมือนสั่งซื้อ surgical mask 50 ชิ้น แกะออกมา มีแมสอยู่ 10 ชิ้น โปะหัวท้ายอย่างละ 5 แผ่น ตรงกลาง คือ พลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนน่ารักอย่างดี
ทั้งหมดทั้งปวงเราโทษผู้จัดละครคนเดียว เพราะ คือคนที่มีอำนาจในภาพรวมละครทั้งหมด
ถ้าอยากให้เรื่องยาวขึ้น ควรขยายความเรื่องของรังสิมันต์กับทรรศิกา มันมีเรื่องการเมืองซับซ้อนอยู่ใต้คู่นี้ ไม่เคยมีเวอร์ชั่นไหนขยี้ออกมา มันอาจจะยากเกินไป แต่มันคือความแตกต่างที่สร้างสรรค์กว่าการสร้างนางร้ายโง่ๆ มาแย่งพระเอก และดรอป คาร์แรคเตอร์ของพระเอกนางเอกลง
วันนี้เราค่อนข้างโกรธ ในการเขียนบทเจ้าหลวงรังสิมันต์ละเมอชมมนิสราให้ทรรศิกาฟัง รังสิมันต์คือนักรบที่เก่งกาจ ใครเข้าใกล้เขาไม่ได้ขนาดนั้น ถ้าเจ้าตัวไม่อนุญาต นึกว่าบทจะทำให้มันน่ารัก โดยการให้เจ้าหลวงรู้ว่าเป็นนางเอก แล้วให้เจ้าหลวงแกล้งด้วยการใช้ให้หยิบสบู่ ถูหลังอะไรให้ แบบนี้มันจะน่ารักมาก แต่นี่อะไร ไปเพ้อถึงผญ.อื่นให้ทรรศิกาฟัง รังสิมันต์ในนิยาย ไม่เคยสนใจสตรีใด ไม่ใส่ใจมนิสราเลย เรียกว่าผญ.คนนั้น ออกจะรังเกียจด้วย เพราะหักหน้าเขาแรงมาก
ด้วยคาร์แรคเตอร์ของรังสิมันต์เองค่อนข้างจะติดลบอยู่แล้ว ดังนั้น คุณงามความดีในเรื่องด้วยการไม่แลหญิง ไม่ยกย่องหญิงใดเสมอนางเอก จึงไม่ควรไปลดทอนลง
การทำลายคาร์แรคเตอร์ของตัวละครหลักให้แย่ลง เป็นสิ่งที่เรารับไม่ค่อยได้ ซึ่งมันมักจะเกิดขึ้น เมื่อพยายามใส่ตัวร้ายเข้ามา นี่ตัวร้ายไม่ทันมา พระเอกโดนดรอปไปเฉยเลย
บ่นยาวมาก เพราะอัดอั้นมาก นี่ไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ เช่นซีจีใดๆ นสด.จะดีจะเก่งขนาดไหน ถ้าบทไม่เป็นใจ ตัดต่อไม่รู้เรื่อง เล่นให้ขาดใจตาย คนดูก็ไม่เก็ท เสียดายงบลงทุน
วิจารณ์ บทและ การตัดต่อละคร ดั่งดวงหฤทัย จากใจแฟนละครเดนตายคนหนึ่ง
ว่าด้วยเรื่องบทละคร
เราเข้าใจดีค่ะ ว่าการเล่าเรื่องเพื่อทำละครกับการเขียนนิยายนั้นต่างกัน และจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้เรื่องสนุกขึ้น มีมิติขึ้น เราไม่มีปัญหาถ้าการปรับนั้น จะทำให้ตัวละครนั้นดีขึ้น เรื่องราวดูสนุกขึ้น
แต่ถ้าพยายามเสริมเติมแต่งมากเกินไป มันจะทำให้หลุดโฟกัสจากแกนหลักของเรื่องเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงตั้งแต่เรารู้ว่า จะมีการเพิ่มตัวร้ายขึ้นมา
นวนิยายดั้งเดิม มี 822 หน้า ทั้งเรื่องดำเนินเรื่องโดยรังสิมันต์และทรรศิกา มีกล่าวถึงคู่ทยุติธรและมนิสรา ไม่แน่ใจว่าถึง 20 หน้าหรือไม่ พื้นเรื่อง คือเรื่องราวความรักที่โรแมนติกมากๆของรังสิมันต์และทรรศิกา ที่ดำเนินท่ามกลางผลประโยชน์ของแคว้น ความขัดแย้ง ระหว่าง หน้าที่ต่อแผ่นดิน และความต้องการของหัวใจตัวเอง ซึ่งสุดท้าย คนที่ยอมทิ้งผลประโยชน์ของแคว้นเพื่อหัวใจ คือรังสิมันต์ คนที่พร้อมประกาศศึก เพื่อให้ได้ตัวหญิงที่ตนรัก ก็คือรังสิมันต์ และคนที่ยอมเสียสละ ปล่อยคนที่ตนรักกลับบ้านไป ก็คือ รังสิมันต์
สุดท้าย ของท้ายสุด คนที่ยอมเสียเหมืองเพชร ยอมเสียหน้า ถูกถอนหมั้น ก็คือรังสิมันต์อีกเช่นกัน ทุกอย่างที่ทำเพื่อให้ได้ทรรศิกาแห่งพันธุรัฐมาครอง และ ความปรองดองของทั้งสามแคว้น ทั้งหมดนี้คือ เรื่องราวของ นวนิยาย ดั่งดวงหฤทัย
ส่วนเรื่องของทยุติธรและมนิศรา กล่าวถึงไม่มากนัก ในนิยาย ทยุติธร ไม่ได้แสดงอะไร นอกจากความไม่รู้คิด ผิดจังหวะ ตัดสินใจไม่ถูก ส่วนมนิศรา เป็นผู้หญิงที่ดีที่น่ารักปกติคนนึง มีความดีงามในแบบกุลสตรีเรียบร้อย ไม่ค่อยมั่นใจ แต่เก่งในสิ่งที่เธอถนัด และนิสัยไม่เข้ากับรังสิมันต์ ซึ่งในนิยายก็กล่าวถึงไม่มาก ไม่ได้บอกว่ารู้สึกผิดหรือคำนึงถึงแคว้นของตัวเองหรือไม่ แต่เธอช่วยชีวิตรังสิมันต์ จึงได้รางวัลเป็นการตอบแทน
ดังนั้น สัดส่วนในนวนิยาย จึงเป็นเรื่องของทรรศิกากับรังสิมันต์ 80% ทยุติธร และมนิศรา 20%
**** ทีนี้ บทละคร เวอร์ชั่น ปัจจุบัน พยายาม เพิ่มบท ทยุติธร และมนิศรา ให้เป็น 50 : 50 มันจะเกิดอะไรขึ้น???
เราอยากบอกว่า คนเขียนบทจะต้องถมหลุมที่ใหญ่มากค่ะ เพราะจะต้อง เขียนจาก 20 ให้มันเป็น 50 ดังนั้น ต้องไปบิดคาร์แรคเตอร์ของตัวละครเดิมจากนิยาย ให้มันน่าสนใจขึ้น ต้องสร้างที่มาที่ไปให้ตัวละครทั้งคู่ เพราะเดิมมันไม่มี แล้วยังต้องสร้างสตอรี่ของทั้งคู่ขึ้นมาใหม่ เพราะเดิมมันไม่มีอยู่
ทำแม้กระทั่งขโมยบทที่เป็นของรังสิมันต์และทรรศิกา เพื่อให้ตัวละครดูไม่แย่เกินไปนัก แต่เนื่องจากไม่สามารถหักคาร์แรคเตอร์เดิมให้มาทับไลน์คู่หลักได้ เลยกลายเป็นตัวละครไบโพล่าไป
การเพิ่มบทคู่รองให้มาเท่าคู่หลัก จะทำได้ ก็ต่อเมื่อ ตัวละครคู่หลัก คู่รอง มีความเกี่ยวข้องกัน ต้องมาเจอกันในสถานที่เดียวกัน ต้องมีบทที่ประชันกัน แบบนี้สามารถปรับได้ค่ะ เพราะเป็นการเล่าเรื่องในเหตุการณ์สถานที่เดียวกัน
แต่เรื่องของทยุติธร และมนิศรา นั้นอยู่คนละที่กับ ตัวละครคู่หลัก ดังนั้น ผลของการ เพิ่ม เรื่องของคู่รองเป็น 50 - 50 จึงกลายเป็น การพยายามเล่าเรื่องสองเรื่อง ต่างกรรมต่างวาระ ไม่เกี่ยวข้องกัน ในเวลาเดียวกันค่ะ
ผลคือ คนดูไม่สามารถโฟกัสใดๆได้เลย คนส่วนใหญ่ไม่สามารถจับใจความเรื่องใหญ่สองเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน
ยังไม่พอ บทละคร ยังไปขยายความเพิ่มทางฝั่งทานตะ ซึ่งเราเคยติงแล้ว (และถูกด่าเละ) ว่าต้องระวังจะออกทะเลทานตะ และก็เป็นจริงตามนั้น นอกจากเรื่องจะออกทะเล น้ำหนักเรื่องยังทิ้งไปทางฝั่งคู่รองอีกด้วย (ทานตะคือฝั่งของมนิสรา)
ดังนั้น สัดส่วนตัวละครมันจึงบิดเบี้ยวไป กลายเป็น เรื่องราวของรังสิมันต์และทรรศิกา ถูกกล่าวไม่ถึงครึ่งนึงในการเล่าเรื่อง และไม่ได้ถูกขยี้ไปให้สุดในแบบของการเล่าเรื่องตามขนบละคร การเล่าเรื่องของรังสิมันต์และทรรศิกา ใช้บทตามนิยายแทบจะไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ถามว่าดีหรือไม่ คือดี แต่มันไม่สุด มันไม่มีการตีความขยี้คาร์แรคเตอร์ให้ลงไปสุดแบบที่มันควรจะสื่อออกมา แบบที่เกริ่นไว้ตามนิยายข้างต้น
เพราะ คนเขียนบท ไม่ได้โฟกัสที่จะขยี้คาร์แรคเตอร์ตัวละครหลักออกมา เพราะเสียเวลาไปปั้นในสิ่งที่มันไม่มีอยู่
ซ้ำร้าย การตัดต่อและการเล่าเรื่องยังไปโฟกัสที่คู่รอง เพราะ การดำเนินเรื่องของรังสิมันต์และทรรศิกาแทบไม่มีความต่อเนื่องในการเล่าเรื่องเลย
เรื่องของคู่รอง ปั้นให้ตายอย่างไรมันก็ไม่เมคเซ้นส์ เพราะมันไม่มีสตอรี่มาแต่นิยาย คู่หลักก็เล่าเรื่องไปตามนิยาย ไม่ขยี้ไม่เน้นใดๆทั้งสิ้น สรุปคือ ไปไม่สุดทั้งสองคู่ แถมแอร์ไทม์คู่พระนาง ยังไม่ถึงครึ่ง เพราะต้องแชร์ไปให้กับคู่รองและตัวร้ายต่างๆ
ดังนั้น บทและการตัดต่อดั่งดวงหฤทัยในเวอร์ชั่นล่าสุด จึงมาแต่โครงเรื่อง เหมือนเอารังสิมันต์กับทรรศิกา มาโปะไว้บางๆ แต่ไส้ในยัดอะไรมาไม่รู้ที่ไม่มีในนิยาย อารมณ์ของเรา เหมือนสั่งซื้อ surgical mask 50 ชิ้น แกะออกมา มีแมสอยู่ 10 ชิ้น โปะหัวท้ายอย่างละ 5 แผ่น ตรงกลาง คือ พลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนน่ารักอย่างดี
ทั้งหมดทั้งปวงเราโทษผู้จัดละครคนเดียว เพราะ คือคนที่มีอำนาจในภาพรวมละครทั้งหมด
ถ้าอยากให้เรื่องยาวขึ้น ควรขยายความเรื่องของรังสิมันต์กับทรรศิกา มันมีเรื่องการเมืองซับซ้อนอยู่ใต้คู่นี้ ไม่เคยมีเวอร์ชั่นไหนขยี้ออกมา มันอาจจะยากเกินไป แต่มันคือความแตกต่างที่สร้างสรรค์กว่าการสร้างนางร้ายโง่ๆ มาแย่งพระเอก และดรอป คาร์แรคเตอร์ของพระเอกนางเอกลง
วันนี้เราค่อนข้างโกรธ ในการเขียนบทเจ้าหลวงรังสิมันต์ละเมอชมมนิสราให้ทรรศิกาฟัง รังสิมันต์คือนักรบที่เก่งกาจ ใครเข้าใกล้เขาไม่ได้ขนาดนั้น ถ้าเจ้าตัวไม่อนุญาต นึกว่าบทจะทำให้มันน่ารัก โดยการให้เจ้าหลวงรู้ว่าเป็นนางเอก แล้วให้เจ้าหลวงแกล้งด้วยการใช้ให้หยิบสบู่ ถูหลังอะไรให้ แบบนี้มันจะน่ารักมาก แต่นี่อะไร ไปเพ้อถึงผญ.อื่นให้ทรรศิกาฟัง รังสิมันต์ในนิยาย ไม่เคยสนใจสตรีใด ไม่ใส่ใจมนิสราเลย เรียกว่าผญ.คนนั้น ออกจะรังเกียจด้วย เพราะหักหน้าเขาแรงมาก
ด้วยคาร์แรคเตอร์ของรังสิมันต์เองค่อนข้างจะติดลบอยู่แล้ว ดังนั้น คุณงามความดีในเรื่องด้วยการไม่แลหญิง ไม่ยกย่องหญิงใดเสมอนางเอก จึงไม่ควรไปลดทอนลง
การทำลายคาร์แรคเตอร์ของตัวละครหลักให้แย่ลง เป็นสิ่งที่เรารับไม่ค่อยได้ ซึ่งมันมักจะเกิดขึ้น เมื่อพยายามใส่ตัวร้ายเข้ามา นี่ตัวร้ายไม่ทันมา พระเอกโดนดรอปไปเฉยเลย
บ่นยาวมาก เพราะอัดอั้นมาก นี่ไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ เช่นซีจีใดๆ นสด.จะดีจะเก่งขนาดไหน ถ้าบทไม่เป็นใจ ตัดต่อไม่รู้เรื่อง เล่นให้ขาดใจตาย คนดูก็ไม่เก็ท เสียดายงบลงทุน