หลังจากตอนที่แล้วที่เราไปปากช่องอย่างลำบากลำบน [
ไปปากช่องแบบไม่มีรถ ฉบับลำบาก] เราก็มาต่อความลำบากลำบนกันต่อเลยจ้าาา
สิ่งที่ต้องเตรียม
ทิชชู่เปียก, หน้ากากอนามัย, แบตสำรอง, ใจ (555)
--------------------------------------
จุดเริ่มต้นของความลำบากลำบนในวันนี้คือ เราอยากลองกลับรถไฟรอบ 14.00 แล้วดูว่าจะไปถึงบางแสนแบบเวลาพอรับได้รึเปล่า
เราก็เร่งพ่อเราให้ไปส่งที่สถานีรถไฟให้ทันก่อนบ่ายสอง เพราะถ้าตกรถไฟนี่จะวายป่วงยิ่งกว่าเดิมอีก ระหว่างทางไปสถานี เราก็ลองกดเข้าไปดูเว็บติดตามขบวนรถไฟเล่นๆ ว่ารถไฟจะถึงไหนแล้วน้าาา เราเช็คที่เว็บนี้ ->
http://tts.railway.co.th/passenger/view.php เปิดมาก็เซอร์ไพรรรรรรรส์เลยจ้ะ "
ล่าช้า 44 นาที" โอ้แมรรรรร่ฉันจะรีบเร่งให้พ่อมาส่งทำม๊ายยยยยยย แถมพอมาถึงสถานี
แดดแบบแผดเผามากกกกกก ไอร้อนพวยพุ่ง ถ่ายรูปไม่สวยอะไรใดใดทั้งสิ้น นี่เราคิดถูกหรือคิดผิดที่มารอบนี้เนี่ย กลับรอบรถไฟแอร์ดีๆ ตอน 11.40 ก็จบและ TT^TT
รถไฟขบวนนี้เป็นขบวนที่ 136 อุบล-กรุงเทพ ราคา 86 บาท มี
ชั้น 2 กับ 3 ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเท่าไหร่หรอก รถพัดลมเหมือนกัน ต่างกันแค่เบาะที่นั่ง ขบวนนี้เราไม่แน่ใจนะว่าจองตั๋วล่วงหน้าได้ไหม แต่เราไปซื้อตั๋วที่สถานีเลย
ตอนไปซื้อเราก็ถามเขาว่า ขบวนท้ายสุดนี่ชั้นอะไรคะ "ชั้นสองครับ" แล้วมีที่นั่งข้างซ้ายติดหน้าต่างเหลือไหมคะ "ไม่มีเลยครับเหลือแต่ชั้นสาม" เราก็เลยเอาชั้นสามก็ได้
ขอแค่นั่งติดหน้าต่างข้างซ้ายก็พอ มารู้ที่หลังว่าเขาเลือกขบวนท้ายสุดของชั้นสามให้เราเลยยย น่ารักมากกกกกกกกกกก เราถึงได้รูปเซ็ทนี้มา ขอบพระคุณค่าาาาา
ในที่สุดรถไฟก็มาแล้วววว ตอนบ่ายสามพอดี ดีเลย์ชั่วโมงนึงเต็มๆ คนก็มารอขึ้นรถไฟขบวนนี้ก็เยอะอยู่น้าาา สงสัยว่าขบวนนี้น่าจะเป็นเที่ยวสุดท้ายที่ถึงกรุงเทพแบบไม่ค่ำมาก
แถมบนรถไฟคนเต็มทุกที่นั่ง โอ้วววว เลือกกลับผิดวันสะแล้ว TT^TT แต่ยังดีที่คนขายตั๋วเลือกให้ที่นั่งตรงข้ามเราเป็นผู้หญิง สบายใจตลอดทาง >//<
นั่งมาสักพักนึงถึงสถานีกลางดง รถก็หยุดเฉยเลย แต่รอไม่นานก็มีขบวนที่สวนกับเราวิ่งผ่านไป
และไฮไลท์ของเราที่เลือกนั่งข้างซ้าย นอกจากจะเอาไว้หลบแดดตอนบ่ายสามแล้วเรายังจะได้วิวเป็นทางโค้งๆ อีกด้วย
แอบเสียดายตรงที่เรามาตอนฤดูแล้ง มันแห้งไปหมดเลย ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้ามาตอนฤดูฝน วิวข้างทางนี่สุดยอดมากกกกกก ดีกว่านี้อีกเป็นล้านเท่า ดูรูปได้ที่นี่จ้าา -> [
รวบรวมความกล้า ก้าวขาขึ้นรถไฟอีกครั้ง]
แล้วนอกจากมันจะแห้งไม่พอ บวกกับความแดดตอนบ่ายสาม Oh my God!!! พังจ้ะ พังพินาศไปหมดเลยจ้ะ
รูปก็จะอยากได้ แดดเผาหน้าก็จะเผา ไอลมร้อนก็พัดเข้ามาไม่หยุด ทิชชู่เปียกก็ทำอะไรนางไม่ได้ 555555
พอเข้าเขตอยุธยาก็มียายเอาขนมอันนี้มาขาย เราได้ยินชื่อแปลกๆ ก็เลยลองซื้อมา ราคา 10 บาท แต่จำไม่ได้แล้วว่ายายแกเรียกว่าอะไร ใครรู้ช่วยคอมเมนต์บอกเราทีน้าาา มันจะคล้ายไอติม คล้ายน้ำแข็งไส มีหลอดให้ดูด หวานๆ เย็นๆ ดับร้อนได้ดีเลยแหละ
พอรถไฟเข้าเขตอยุธยา แดดมันก็เริ่มอุ่นๆ ไม่ได้จ้าเหมือนตอนบ่ายสามอีกแล้ว แต่เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าเหนืออากาศมันจะมีฝุ่นพิษปกคลุมอยู่อย่างชัดเจนเลยอะ เราก็เพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ครั้งแรก แอบหดหู่นิดหน่อย ดังนั้นไอเท็มหน้ากากอนามันเป็นสิ่งจำเป็นมากในการขึ้นรถไฟ
พอเริ่มค่ำๆ ที่ขบวนรถไฟก็เปิดไฟที่ตู้ขบวน และคนก็เริ่มบางตาลงไปบางแล้ว
ยิ่งเข้าใกล้กรุงเทพมากเท่าไหร่ก็จะเจอเสาไฟสำหรับน้องแดง (รถไฟฟ้าชานเมืองที่จะเปิดให้ใช้ตอนปี 64) ถี่ขึ้น *0* ตื่นเต้นๆ
แล้วเราก็มาถึงสถานีกลางบางซื่อตอนค่ำพอดี รถไฟจอดที่นี่นานมากกกกกก
ในที่สุดเราก็มาถึงหัวลำโพงแล้วววว น้ำตาจะไหล จังหวะดีได้เจอคุณ Eastern & Oriental Express อีกแล้ว ยังสวยเหมือนเดิมเลยยย >///<
โห้ มาถึงนี่เกือบทุ่มครึ่งเลย สภาพคือยับเยินมาก ภาพเซ็ทนี้น่าจะเป็นเซ็ทสุดท้ายที่เราจะมาขบวนนี้อีก 55555555 สี่ชั่วโมงครึ่งบนรถไฟ เยินมากกกก ต่อไปจะนั่งรถแอร์และ ถึงมันจะถ่ายรูปไม่สวยก็เถอะ 55555
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "
ก็แค่ออกไปลอง" ลองแล้วจะได้รู้ว่าเรายังควรมาเวลานี้อีกไหม 55555
ทริปเที่ยวรถไฟอื่นๆ ของเราจ้าาา -> [
นั่งรถไฟไปเที่ยวปีนัง&ตามหาคาเฟ่ harry 2020 (ตอนที่ 1)] หรือสามารถติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน
ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ❤
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง
-=แถมท้าย=-
ค่ารถไฟชั้น 3 ปากช่อง-กรุงเทพ 86฿
ค่า MRT หัวลำโพง ไป MRT สุขุมวิท 26฿
ค่า BTS อโศก ไป BTS เอกมัย 28฿
ค่ารถทัวร์ไปหนองมน 80฿
รวม 220 บาท
[CR] วายป่วงทันทีที่คิดขึ้นรถไฟ
สิ่งที่ต้องเตรียม
ทิชชู่เปียก, หน้ากากอนามัย, แบตสำรอง, ใจ (555)
--------------------------------------
จุดเริ่มต้นของความลำบากลำบนในวันนี้คือ เราอยากลองกลับรถไฟรอบ 14.00 แล้วดูว่าจะไปถึงบางแสนแบบเวลาพอรับได้รึเปล่า
เราก็เร่งพ่อเราให้ไปส่งที่สถานีรถไฟให้ทันก่อนบ่ายสอง เพราะถ้าตกรถไฟนี่จะวายป่วงยิ่งกว่าเดิมอีก ระหว่างทางไปสถานี เราก็ลองกดเข้าไปดูเว็บติดตามขบวนรถไฟเล่นๆ ว่ารถไฟจะถึงไหนแล้วน้าาา เราเช็คที่เว็บนี้ -> http://tts.railway.co.th/passenger/view.php เปิดมาก็เซอร์ไพรรรรรรรส์เลยจ้ะ "ล่าช้า 44 นาที" โอ้แมรรรรร่ฉันจะรีบเร่งให้พ่อมาส่งทำม๊ายยยยยยย แถมพอมาถึงสถานีแดดแบบแผดเผามากกกกกก ไอร้อนพวยพุ่ง ถ่ายรูปไม่สวยอะไรใดใดทั้งสิ้น นี่เราคิดถูกหรือคิดผิดที่มารอบนี้เนี่ย กลับรอบรถไฟแอร์ดีๆ ตอน 11.40 ก็จบและ TT^TT
รถไฟขบวนนี้เป็นขบวนที่ 136 อุบล-กรุงเทพ ราคา 86 บาท มีชั้น 2 กับ 3 ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเท่าไหร่หรอก รถพัดลมเหมือนกัน ต่างกันแค่เบาะที่นั่ง ขบวนนี้เราไม่แน่ใจนะว่าจองตั๋วล่วงหน้าได้ไหม แต่เราไปซื้อตั๋วที่สถานีเลย
ตอนไปซื้อเราก็ถามเขาว่า ขบวนท้ายสุดนี่ชั้นอะไรคะ "ชั้นสองครับ" แล้วมีที่นั่งข้างซ้ายติดหน้าต่างเหลือไหมคะ "ไม่มีเลยครับเหลือแต่ชั้นสาม" เราก็เลยเอาชั้นสามก็ได้ขอแค่นั่งติดหน้าต่างข้างซ้ายก็พอ มารู้ที่หลังว่าเขาเลือกขบวนท้ายสุดของชั้นสามให้เราเลยยย น่ารักมากกกกกกกกกกก เราถึงได้รูปเซ็ทนี้มา ขอบพระคุณค่าาาาา
ในที่สุดรถไฟก็มาแล้วววว ตอนบ่ายสามพอดี ดีเลย์ชั่วโมงนึงเต็มๆ คนก็มารอขึ้นรถไฟขบวนนี้ก็เยอะอยู่น้าาา สงสัยว่าขบวนนี้น่าจะเป็นเที่ยวสุดท้ายที่ถึงกรุงเทพแบบไม่ค่ำมาก
แถมบนรถไฟคนเต็มทุกที่นั่ง โอ้วววว เลือกกลับผิดวันสะแล้ว TT^TT แต่ยังดีที่คนขายตั๋วเลือกให้ที่นั่งตรงข้ามเราเป็นผู้หญิง สบายใจตลอดทาง >//<
นั่งมาสักพักนึงถึงสถานีกลางดง รถก็หยุดเฉยเลย แต่รอไม่นานก็มีขบวนที่สวนกับเราวิ่งผ่านไป
และไฮไลท์ของเราที่เลือกนั่งข้างซ้าย นอกจากจะเอาไว้หลบแดดตอนบ่ายสามแล้วเรายังจะได้วิวเป็นทางโค้งๆ อีกด้วย
แอบเสียดายตรงที่เรามาตอนฤดูแล้ง มันแห้งไปหมดเลย ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้ามาตอนฤดูฝน วิวข้างทางนี่สุดยอดมากกกกกก ดีกว่านี้อีกเป็นล้านเท่า ดูรูปได้ที่นี่จ้าา -> [รวบรวมความกล้า ก้าวขาขึ้นรถไฟอีกครั้ง]
แล้วนอกจากมันจะแห้งไม่พอ บวกกับความแดดตอนบ่ายสาม Oh my God!!! พังจ้ะ พังพินาศไปหมดเลยจ้ะ
รูปก็จะอยากได้ แดดเผาหน้าก็จะเผา ไอลมร้อนก็พัดเข้ามาไม่หยุด ทิชชู่เปียกก็ทำอะไรนางไม่ได้ 555555
พอเข้าเขตอยุธยาก็มียายเอาขนมอันนี้มาขาย เราได้ยินชื่อแปลกๆ ก็เลยลองซื้อมา ราคา 10 บาท แต่จำไม่ได้แล้วว่ายายแกเรียกว่าอะไร ใครรู้ช่วยคอมเมนต์บอกเราทีน้าาา มันจะคล้ายไอติม คล้ายน้ำแข็งไส มีหลอดให้ดูด หวานๆ เย็นๆ ดับร้อนได้ดีเลยแหละ
พอรถไฟเข้าเขตอยุธยา แดดมันก็เริ่มอุ่นๆ ไม่ได้จ้าเหมือนตอนบ่ายสามอีกแล้ว แต่เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าเหนืออากาศมันจะมีฝุ่นพิษปกคลุมอยู่อย่างชัดเจนเลยอะ เราก็เพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ครั้งแรก แอบหดหู่นิดหน่อย ดังนั้นไอเท็มหน้ากากอนามันเป็นสิ่งจำเป็นมากในการขึ้นรถไฟ
พอเริ่มค่ำๆ ที่ขบวนรถไฟก็เปิดไฟที่ตู้ขบวน และคนก็เริ่มบางตาลงไปบางแล้ว
ยิ่งเข้าใกล้กรุงเทพมากเท่าไหร่ก็จะเจอเสาไฟสำหรับน้องแดง (รถไฟฟ้าชานเมืองที่จะเปิดให้ใช้ตอนปี 64) ถี่ขึ้น *0* ตื่นเต้นๆ
แล้วเราก็มาถึงสถานีกลางบางซื่อตอนค่ำพอดี รถไฟจอดที่นี่นานมากกกกกก
ในที่สุดเราก็มาถึงหัวลำโพงแล้วววว น้ำตาจะไหล จังหวะดีได้เจอคุณ Eastern & Oriental Express อีกแล้ว ยังสวยเหมือนเดิมเลยยย >///<
โห้ มาถึงนี่เกือบทุ่มครึ่งเลย สภาพคือยับเยินมาก ภาพเซ็ทนี้น่าจะเป็นเซ็ทสุดท้ายที่เราจะมาขบวนนี้อีก 55555555 สี่ชั่วโมงครึ่งบนรถไฟ เยินมากกกก ต่อไปจะนั่งรถแอร์และ ถึงมันจะถ่ายรูปไม่สวยก็เถอะ 55555
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ก็แค่ออกไปลอง" ลองแล้วจะได้รู้ว่าเรายังควรมาเวลานี้อีกไหม 55555
ทริปเที่ยวรถไฟอื่นๆ ของเราจ้าาา -> [นั่งรถไฟไปเที่ยวปีนัง&ตามหาคาเฟ่ harry 2020 (ตอนที่ 1)] หรือสามารถติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน
ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ❤
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง
-=แถมท้าย=-
ค่ารถไฟชั้น 3 ปากช่อง-กรุงเทพ 86฿
ค่า MRT หัวลำโพง ไป MRT สุขุมวิท 26฿
ค่า BTS อโศก ไป BTS เอกมัย 28฿
ค่ารถทัวร์ไปหนองมน 80฿
รวม 220 บาท
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้