ถ้าคุณรักใครสักคนอย่างสุดซึ้ง และคุณก็มั่นใจว่าเขารักคุณมากมายยิ่งกว่าด้วย แล้วถ้าเกิดว่าในวันหนึ่งเขาหายสาบสูญไปจากชีวิตคุณ มันจะเกิดคำถามขึ้นแก่ตัวคุณในทันทีว่า
“คุณจะไปตามหาเขาหรือไม่?”
อย่าเพิ่งรีบตอบคำถามนี้ จงถามหัวใจของคุณให้แน่ชัดก่อนว่า ถ้าคุณรู้ความจริงแล้วคุณจะรับมันได้หรือไม่?
นางเอกในเรื่องที่ผมเขียนถึงนี้มีชื่ออ่านยากว่า “เซิ่งเจาซี” เธอเป็นนักเจรจาต่อรองที่ทำงานอยู่ในหน่วยตำรวจ N.Y.P.D. ของนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตัวเธอนั้นดูภายนอกเข้มแข็งและแกร่งกล้า แต่ภายในเธอกลับอ่อนแอด้วยความรักไม่แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป “จิ้นซืออวี้” คนรักของเธอที่รักกันอย่างหวานซึ้งจนใกล้จะแต่งงานกับเธอนั้น เขากลับบ้านที่ประเทศจีนเพื่อจะไปบอกพ่อแม่ถึงข่าวดีดังกล่าว แต่แล้วเขาก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยทิ้งให้หญิงสาวต้องรอคอยอยู่กับความสงสัยนานกว่า 6 ปี เธอจึงตัดสินใจลาออกจากกรมตำรวจเมืองนิวยอร์ก เพื่อเดินทางกลับบ้านที่ประเทศจีน
ใช่แล้วครับ นางเอกในเรื่องนี้กลับมาตามหาพระเอกของเธอที่หายสาบสูญไป ซึ่งเป็นปฐมบทในการเริ่มเรื่องของหนังสือเล่มนี้ จริง ๆ นวนิยายแปลเรื่องนี้ถ้าผมจัดวางใส่ชั้นหนังสือ ผมคงเอาเล่มนี้ไปวางไว้ในหมวดนิยายรักแน่ ๆ แต่คงไม่ใช่นิยายรักแบบพาฝัน น่าจะอยู่ในหมวดของนิยายรักแนวสืบสวนสอบสวน ประมาณว่าตามเก็บปมต่าง ๆ เพื่อสืบค้นหาความจริง มันจึงทำให้หนังสือเล่มนี้สามารถเก็บผู้อ่านมาได้ในวงกว้าง คือผู้ชายก็อ่านสนุกเพราะในเรื่องมีฉากแอคชั่นในแนวสืบสวนสอบสวนอยู่เยอะพอสมควร ส่วนผู้หญิงก็น่าอ่านแล้วชอบมากกว่าผู้ชายก็เป็นได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ที่เดินเรื่องตามตัวละครนางเอกอยู่ตลอด ประมาณว่าตามหาความรัก ตามหาความรู้สึกที่แท้จริงของหัวใจตนเอง
@@@@@
“ความรักไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสลัดทิ้งได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อความรักของจิ้นซืออวี้เปลี่ยนแปลงไป เซิ่งเจาซีที่สิ้นหวังจนถึงขั้นคิดทิ้งชีวิตของตัวเองให้ลุกก้าวไปข้างหน้าได้อีกครั้ง เธอมอบทั้งความหวัง ความสุข จนกระทั่งวาดฝันถึงช่วงเวลาที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอนาคต แต่เมื่อสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้ต้องสูญเสียคนที่รักไปกะทันหัน เมื่อฝ่ายชายได้หายสาบสูญไปย่อมเกินกว่าที่ฝ่ายหญิงจะยอมรับได้
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เซิ่งเจาซีจึงกลับสู่บ้านเกิดเพื่อตามหาจิ้นซืออวี้จากเบาะแสที่มีอยู่ และเธอได้พบกับเรื่องไม่คาดคิด ยิ่งสืบ ยิ่งถูกขัดขวาง ยิ่งถลำลึกยิ่งเผชิญอันตราย ยิ่งรู้ความจริงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตระหนักได้ว่าเธอแทบไม่รู้เรื่องราวของผู้ชายที่เธอรักเลย
ความลับของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังจะถูกเปิดเผยเพราะความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง”
จาก คำนำสำนักพิมพ์ (ผมมีปรับแต่งบางส่วน เพื่อเลี่ยงสปอยล์ครับ)
@@@@@
ความรู้สึกของผมในขณะที่กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ ผมได้แต่นึกว่า “เดี๋ยวนี้เรื่องจีนเขาพัฒนาไปไกลมากแล้วเนอะ” เนื้อเรื่องเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ตัวนางเอกมีอาชีพเป็นนักเจรจาต่อรอง เป็นอาชีพของตัวละครที่ทันสมัยมาก ผมอ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงละครซีรีส์ที่ฉายอยู่ทางทีวี คิดว่านิยายเรื่องนี้ก็อาจจะเขียนเพื่อเอาไปสร้างเป็นละครซีรีส์ของจีนก็ได้ เพราะความทันสมัยของบริบททางสังคมในเรื่อง มันเข้ายุคเข้าทันถึงคนในรุ่นใหม่นี้ ส่วนวิธีการเขียนของนักเขียนจีนท่านนี้ก็น่าสนใจเพราะดูเป็นสากลมาก มีการเขียนแบบแอบทิ้งปมโดยไม่ให้ผู้อ่านสงสัยแล้วมาแถลงไขในตอนท้าย มีการหลอกล่อผู้อ่านด้วยตัวละครจริงตัวละครปลอม จนทำให้ผู้อ่านต้องติดตามอ่านไปจนจบเรื่อง เข้ากับสไตล์ของนิยายแนวสืบสวนสอบสวนเป็นอย่างดี
แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับความรักนั้นผมอ่านแล้วไม่ค่อยอินสักเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่านางเอกควรจะต้องเข้มแข็งกว่านี้นะ ไม่ใช่อ่อนแอถึงขนาดอ่อนไหวเมื่อคิดถึงอ้อมกอดที่พระเอกเคยกอดไว้ ก็แค่ความคิดทำไมถึงได้อ่อนระทวยขนาดนี้ก็ไม่ทราบ อ่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้นางเอก ... เอะ หรือว่าผมเริ่มอินแล้วก็ไม่ทราบครับ ต้องลองไปสอบถามสาว ๆ ที่เคยอ่านเรื่องนี้ดูว่าเขาจะคิดเหมือนผมหรือไม่ครับ?
และที่ผมไม่ชอบที่สุดก็คือชื่อของตัวละคร ในชีวิตจริงผมเป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องการจดจำชื่อของคนอื่น คือประมาณว่า จำได้นะว่าคนนี้คือใคร เคยคุยด้วยจำได้ แต่นึกชื่อเขาไม่ออก ดังนั้นพอผมต้องมาอ่านเรื่องจีน แล้วเจอชื่อตัวละครจีนนั้น ยอมรับว่าผมจำไม่ได้เลย แค่ชื่อนางเอกยอมรับว่ากว่าจะจำได้ก็ต้องผ่านบทที่ 4 ไปแล้ว และอีกประการในความรู้สึกของผมก็คือ ชื่อคนจีนมันไม่บอกเพศสำหรับผม ไม่เหมือนชื่อไทยหรือชื่อฝรั่งที่รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วนิยายจีนเรื่องนี้มีตัวละครโผล่ออกมาเรื่อย ๆ มีเป็นสิบคนเลย ต้องอาศัยอ่านบริบทหรือการกระทำในบทบรรยายแทน จึงจะทราบได้ว่าตัวละครนี้เป็นใคร? และมาได้ยังไง?
มีสิ่งที่น่าสนใจประการหนึ่งสำหรับหนังสือเล่มนี้ ซึงผมมาค้นพบได้ในการอ่านครั้งที่สองก็คือ ในการขึ้นต้นบทใหม่ทุกบท ผู้เขียนจะมีการยกคำคมหรือโค้ทคำพูด (Quote) ต่าง ๆ มาใส่ไว้ ซึ่งในการอ่านครั้งแรกผมอ่านแล้วก็คิดว่าผู้ประพันธ์คงจะยกเอามาใส่ไว้เท่ ๆ เท่านั้น แต่เมื่อผมอ่านในรอบที่สองผมค้นพบว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในบทนั้น ๆ ขออนุญาตยกตัวอย่างเช่นคำคมที่ผมชอบมากคือ
“ความรักนั้นแสนสั้น การลืมเลือนต่างหากที่ยาวนาน” เนรูดา
ผมต้องเข้าไปสืบค้นในกูเกิ้ลดูก็พบว่า เจ้าของคำคมนี้คือ ปาโปล เนรูดา กวีชาวชิลี ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เมื่อผมอ่านเรื่องราวในบทที่ผู้เขียนยกโค้ทคำพูดนี้มาแล้วก็พบว่า สาระสำคัญของบทนี้คือการย้อนกลับไปพูดถึงความสัมพันธ์ของนางเอกและพระเอกในอดีต ก่อนหน้าที่พระเอกจะหายสาบสูญไป โดยเล่าว่าทั้งสองเจอกันได้อย่างไร? พบรักกันได้อย่างไร? ซึ่งเป็นความรักอันหวานซึ้งที่นางเอกยังไม่สามารถลืมมันได้ จนเป็นสาเหตุให้นางเอกต้องกลับมาตามหาพระเอกนั้นเอง
อีกประการที่น่าสนใจก็คือ เรื่องนี้เป็นนวนิยายจีนที่ในเรื่องมีสำนวนสุภาษิตจีนโบราณเยอะมาก ซึ่งทำให้มันดูย้อนแย้งกับที่ผมเคยกล่าวไว้ในย่อหน้าข้างบนว่าเป็นเรื่องราวที่ทันสมัยมาก สำหรับผมในการอ่านครั้งแรกผมรู้สึกว่ามันเยอะมาก มากจนเหมือนผู้เขียนพยายามจะสอนให้ผู้อ่านรู้จักกับสุภาษิตจีนเลย แต่พอได้อ่านในครั้งที่สองกลับค้นพบว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลย เพราะมันทำให้บรรยากาศในเรื่องดูเป็นจีนได้ตลอด อีกทั้งทำให้เราได้รู้จักสุภาษิตจีนด้วย ซึ่งบางสำนวนเราอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ขึ้นชื่อว่าสุภาษิตแล้ว ไม่ว่าของไทยหรือของจีนมันก็เป็นการเปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่ง ที่สิ่งหนึ่งเป็นรูปธรรมและอีกสิ่งหนึ่งเป็นนามธรรม โดยการเอารูปธรรมมาอธิบายนามธรรม หรือเอานามธรรมมาขยายให้เห็นภาพของรูปธรรม ซึ่งการเปรียบเทียบในสุภาษิตพวกนี้เองที่ผมอ่านแล้วรู้สึกในตอนหลังว่ามันลึกซึ้งดี มันอ่านแล้วเราได้คิดตามคำเปรียบเปรยนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะว่าในการอ่านครั้งแรกผมเร่งอ่านเพราะอยากจะรู้ตอนจบเร็ว ๆ ก็ได้ จนทำให้ลืมชื่นชมวิวข้างทางที่งดงามเช่นสุภาษิตพวกนี้ก็เป็นได้ ผมขออนุญาตยกบางสำนวนมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ไล่ตามใบเถาจนเจอลูกแตง” หมายถึงตามไปจนเจอร่องรอย ซึ่งถ้าใครเคยปลูกไม้เลื้อยในตระกูลแตงจะรู้เลยว่าใบมันรกมาก ใบมันจะปกคลุมหมดจนไม่เห็นลูกแตงต้องไล่ตามเถาต้นไปจึงจะเจอ
“เกาะมังกรเกี่ยวหงส์” หมายถึงผู้ที่เลียแข้งเลียขาผู้มีอิทธิพลเพื่อเอาผลประโยชน์ (ผมไม่ต้องอธิบายต่อเนอะ)
“ซ่อนยาไว้ในโถน้ำเต้า” หมายถึงความลับหรือแผนร้ายที่ถูกเก็บงำไว้ คือคนทั่วไปใช้โถน้ำเต้าเอาไว้ใส่น้ำสำหรับดื่มกิน ถ้ามีใครสักคนแอบใส่ยาพิษลงไปก็คงไม่มีใครล่วงรู้ และดื่มน้ำที่มีพิษนั้นได้
สรุปแล้วนวนิยายเรื่องนี้สำหรับตัวผม เมื่อผมอ่านแบบเร่ง ๆ ก็สนุกตื่นเต้นตาม แต่พออ่านอย่างละเลียดแบบเนิบ ๆ แล้วก็ค้นพบว่าได้เจออะไรที่กว้างไกลดี อยากจะให้ท่านนักอ่านที่ชื่นชอบอ่านงานแนวนี้ได้ลองหาเรื่องนี้มาอ่านกันดู หรือสำหรับนักอ่านที่อาจจะไม่เคยอ่านเรื่องแนวนี้มาก่อน เมื่อได้อ่านเรื่องแนวใหม่ ๆ ก็เหมือนได้เปลี่ยนโลกใบใหม่มาครอบครอง
ผมต้องขอขอบพระคุณ บ.ก.แหม่ม แห่งสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ ที่มอบหนังสือเล่มนี้มาให้ผมอ่าน สำหรับเล่มที่อยู่ในมือผมนี้เป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2562 โดย ‘พิมพ์คำ’ สำนักพิมพ์แปล ด้วยความหนา 560 หน้า ราคาปก 390 บาท ท่านใดที่สนใจก็ไปตามหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือใกล้บ้านท่านครับ
ขอให้ทุกท่านท่องโลกตัวอักษรด้วยความอารมณ์ที่สุนทรีย์ และขอให้ทุกท่านมีความสุขมาก ๆ นะครับ
[SR] ความลับของผู้ชายแห่งดวงดาว (ALWAYS BE WITH YOU)
“คุณจะไปตามหาเขาหรือไม่?”
อย่าเพิ่งรีบตอบคำถามนี้ จงถามหัวใจของคุณให้แน่ชัดก่อนว่า ถ้าคุณรู้ความจริงแล้วคุณจะรับมันได้หรือไม่?
นางเอกในเรื่องที่ผมเขียนถึงนี้มีชื่ออ่านยากว่า “เซิ่งเจาซี” เธอเป็นนักเจรจาต่อรองที่ทำงานอยู่ในหน่วยตำรวจ N.Y.P.D. ของนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตัวเธอนั้นดูภายนอกเข้มแข็งและแกร่งกล้า แต่ภายในเธอกลับอ่อนแอด้วยความรักไม่แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป “จิ้นซืออวี้” คนรักของเธอที่รักกันอย่างหวานซึ้งจนใกล้จะแต่งงานกับเธอนั้น เขากลับบ้านที่ประเทศจีนเพื่อจะไปบอกพ่อแม่ถึงข่าวดีดังกล่าว แต่แล้วเขาก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยทิ้งให้หญิงสาวต้องรอคอยอยู่กับความสงสัยนานกว่า 6 ปี เธอจึงตัดสินใจลาออกจากกรมตำรวจเมืองนิวยอร์ก เพื่อเดินทางกลับบ้านที่ประเทศจีน
ใช่แล้วครับ นางเอกในเรื่องนี้กลับมาตามหาพระเอกของเธอที่หายสาบสูญไป ซึ่งเป็นปฐมบทในการเริ่มเรื่องของหนังสือเล่มนี้ จริง ๆ นวนิยายแปลเรื่องนี้ถ้าผมจัดวางใส่ชั้นหนังสือ ผมคงเอาเล่มนี้ไปวางไว้ในหมวดนิยายรักแน่ ๆ แต่คงไม่ใช่นิยายรักแบบพาฝัน น่าจะอยู่ในหมวดของนิยายรักแนวสืบสวนสอบสวน ประมาณว่าตามเก็บปมต่าง ๆ เพื่อสืบค้นหาความจริง มันจึงทำให้หนังสือเล่มนี้สามารถเก็บผู้อ่านมาได้ในวงกว้าง คือผู้ชายก็อ่านสนุกเพราะในเรื่องมีฉากแอคชั่นในแนวสืบสวนสอบสวนอยู่เยอะพอสมควร ส่วนผู้หญิงก็น่าอ่านแล้วชอบมากกว่าผู้ชายก็เป็นได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ที่เดินเรื่องตามตัวละครนางเอกอยู่ตลอด ประมาณว่าตามหาความรัก ตามหาความรู้สึกที่แท้จริงของหัวใจตนเอง
@@@@@
“ความรักไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสลัดทิ้งได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อความรักของจิ้นซืออวี้เปลี่ยนแปลงไป เซิ่งเจาซีที่สิ้นหวังจนถึงขั้นคิดทิ้งชีวิตของตัวเองให้ลุกก้าวไปข้างหน้าได้อีกครั้ง เธอมอบทั้งความหวัง ความสุข จนกระทั่งวาดฝันถึงช่วงเวลาที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอนาคต แต่เมื่อสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้ต้องสูญเสียคนที่รักไปกะทันหัน เมื่อฝ่ายชายได้หายสาบสูญไปย่อมเกินกว่าที่ฝ่ายหญิงจะยอมรับได้
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เซิ่งเจาซีจึงกลับสู่บ้านเกิดเพื่อตามหาจิ้นซืออวี้จากเบาะแสที่มีอยู่ และเธอได้พบกับเรื่องไม่คาดคิด ยิ่งสืบ ยิ่งถูกขัดขวาง ยิ่งถลำลึกยิ่งเผชิญอันตราย ยิ่งรู้ความจริงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตระหนักได้ว่าเธอแทบไม่รู้เรื่องราวของผู้ชายที่เธอรักเลย
ความลับของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังจะถูกเปิดเผยเพราะความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง”
จาก คำนำสำนักพิมพ์ (ผมมีปรับแต่งบางส่วน เพื่อเลี่ยงสปอยล์ครับ)
@@@@@
ความรู้สึกของผมในขณะที่กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ ผมได้แต่นึกว่า “เดี๋ยวนี้เรื่องจีนเขาพัฒนาไปไกลมากแล้วเนอะ” เนื้อเรื่องเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ตัวนางเอกมีอาชีพเป็นนักเจรจาต่อรอง เป็นอาชีพของตัวละครที่ทันสมัยมาก ผมอ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงละครซีรีส์ที่ฉายอยู่ทางทีวี คิดว่านิยายเรื่องนี้ก็อาจจะเขียนเพื่อเอาไปสร้างเป็นละครซีรีส์ของจีนก็ได้ เพราะความทันสมัยของบริบททางสังคมในเรื่อง มันเข้ายุคเข้าทันถึงคนในรุ่นใหม่นี้ ส่วนวิธีการเขียนของนักเขียนจีนท่านนี้ก็น่าสนใจเพราะดูเป็นสากลมาก มีการเขียนแบบแอบทิ้งปมโดยไม่ให้ผู้อ่านสงสัยแล้วมาแถลงไขในตอนท้าย มีการหลอกล่อผู้อ่านด้วยตัวละครจริงตัวละครปลอม จนทำให้ผู้อ่านต้องติดตามอ่านไปจนจบเรื่อง เข้ากับสไตล์ของนิยายแนวสืบสวนสอบสวนเป็นอย่างดี
แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับความรักนั้นผมอ่านแล้วไม่ค่อยอินสักเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่านางเอกควรจะต้องเข้มแข็งกว่านี้นะ ไม่ใช่อ่อนแอถึงขนาดอ่อนไหวเมื่อคิดถึงอ้อมกอดที่พระเอกเคยกอดไว้ ก็แค่ความคิดทำไมถึงได้อ่อนระทวยขนาดนี้ก็ไม่ทราบ อ่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้นางเอก ... เอะ หรือว่าผมเริ่มอินแล้วก็ไม่ทราบครับ ต้องลองไปสอบถามสาว ๆ ที่เคยอ่านเรื่องนี้ดูว่าเขาจะคิดเหมือนผมหรือไม่ครับ?
และที่ผมไม่ชอบที่สุดก็คือชื่อของตัวละคร ในชีวิตจริงผมเป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องการจดจำชื่อของคนอื่น คือประมาณว่า จำได้นะว่าคนนี้คือใคร เคยคุยด้วยจำได้ แต่นึกชื่อเขาไม่ออก ดังนั้นพอผมต้องมาอ่านเรื่องจีน แล้วเจอชื่อตัวละครจีนนั้น ยอมรับว่าผมจำไม่ได้เลย แค่ชื่อนางเอกยอมรับว่ากว่าจะจำได้ก็ต้องผ่านบทที่ 4 ไปแล้ว และอีกประการในความรู้สึกของผมก็คือ ชื่อคนจีนมันไม่บอกเพศสำหรับผม ไม่เหมือนชื่อไทยหรือชื่อฝรั่งที่รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วนิยายจีนเรื่องนี้มีตัวละครโผล่ออกมาเรื่อย ๆ มีเป็นสิบคนเลย ต้องอาศัยอ่านบริบทหรือการกระทำในบทบรรยายแทน จึงจะทราบได้ว่าตัวละครนี้เป็นใคร? และมาได้ยังไง?
มีสิ่งที่น่าสนใจประการหนึ่งสำหรับหนังสือเล่มนี้ ซึงผมมาค้นพบได้ในการอ่านครั้งที่สองก็คือ ในการขึ้นต้นบทใหม่ทุกบท ผู้เขียนจะมีการยกคำคมหรือโค้ทคำพูด (Quote) ต่าง ๆ มาใส่ไว้ ซึ่งในการอ่านครั้งแรกผมอ่านแล้วก็คิดว่าผู้ประพันธ์คงจะยกเอามาใส่ไว้เท่ ๆ เท่านั้น แต่เมื่อผมอ่านในรอบที่สองผมค้นพบว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในบทนั้น ๆ ขออนุญาตยกตัวอย่างเช่นคำคมที่ผมชอบมากคือ
“ความรักนั้นแสนสั้น การลืมเลือนต่างหากที่ยาวนาน” เนรูดา
ผมต้องเข้าไปสืบค้นในกูเกิ้ลดูก็พบว่า เจ้าของคำคมนี้คือ ปาโปล เนรูดา กวีชาวชิลี ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เมื่อผมอ่านเรื่องราวในบทที่ผู้เขียนยกโค้ทคำพูดนี้มาแล้วก็พบว่า สาระสำคัญของบทนี้คือการย้อนกลับไปพูดถึงความสัมพันธ์ของนางเอกและพระเอกในอดีต ก่อนหน้าที่พระเอกจะหายสาบสูญไป โดยเล่าว่าทั้งสองเจอกันได้อย่างไร? พบรักกันได้อย่างไร? ซึ่งเป็นความรักอันหวานซึ้งที่นางเอกยังไม่สามารถลืมมันได้ จนเป็นสาเหตุให้นางเอกต้องกลับมาตามหาพระเอกนั้นเอง
อีกประการที่น่าสนใจก็คือ เรื่องนี้เป็นนวนิยายจีนที่ในเรื่องมีสำนวนสุภาษิตจีนโบราณเยอะมาก ซึ่งทำให้มันดูย้อนแย้งกับที่ผมเคยกล่าวไว้ในย่อหน้าข้างบนว่าเป็นเรื่องราวที่ทันสมัยมาก สำหรับผมในการอ่านครั้งแรกผมรู้สึกว่ามันเยอะมาก มากจนเหมือนผู้เขียนพยายามจะสอนให้ผู้อ่านรู้จักกับสุภาษิตจีนเลย แต่พอได้อ่านในครั้งที่สองกลับค้นพบว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลย เพราะมันทำให้บรรยากาศในเรื่องดูเป็นจีนได้ตลอด อีกทั้งทำให้เราได้รู้จักสุภาษิตจีนด้วย ซึ่งบางสำนวนเราอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ขึ้นชื่อว่าสุภาษิตแล้ว ไม่ว่าของไทยหรือของจีนมันก็เป็นการเปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่ง ที่สิ่งหนึ่งเป็นรูปธรรมและอีกสิ่งหนึ่งเป็นนามธรรม โดยการเอารูปธรรมมาอธิบายนามธรรม หรือเอานามธรรมมาขยายให้เห็นภาพของรูปธรรม ซึ่งการเปรียบเทียบในสุภาษิตพวกนี้เองที่ผมอ่านแล้วรู้สึกในตอนหลังว่ามันลึกซึ้งดี มันอ่านแล้วเราได้คิดตามคำเปรียบเปรยนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะว่าในการอ่านครั้งแรกผมเร่งอ่านเพราะอยากจะรู้ตอนจบเร็ว ๆ ก็ได้ จนทำให้ลืมชื่นชมวิวข้างทางที่งดงามเช่นสุภาษิตพวกนี้ก็เป็นได้ ผมขออนุญาตยกบางสำนวนมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ไล่ตามใบเถาจนเจอลูกแตง” หมายถึงตามไปจนเจอร่องรอย ซึ่งถ้าใครเคยปลูกไม้เลื้อยในตระกูลแตงจะรู้เลยว่าใบมันรกมาก ใบมันจะปกคลุมหมดจนไม่เห็นลูกแตงต้องไล่ตามเถาต้นไปจึงจะเจอ
“เกาะมังกรเกี่ยวหงส์” หมายถึงผู้ที่เลียแข้งเลียขาผู้มีอิทธิพลเพื่อเอาผลประโยชน์ (ผมไม่ต้องอธิบายต่อเนอะ)
“ซ่อนยาไว้ในโถน้ำเต้า” หมายถึงความลับหรือแผนร้ายที่ถูกเก็บงำไว้ คือคนทั่วไปใช้โถน้ำเต้าเอาไว้ใส่น้ำสำหรับดื่มกิน ถ้ามีใครสักคนแอบใส่ยาพิษลงไปก็คงไม่มีใครล่วงรู้ และดื่มน้ำที่มีพิษนั้นได้
สรุปแล้วนวนิยายเรื่องนี้สำหรับตัวผม เมื่อผมอ่านแบบเร่ง ๆ ก็สนุกตื่นเต้นตาม แต่พออ่านอย่างละเลียดแบบเนิบ ๆ แล้วก็ค้นพบว่าได้เจออะไรที่กว้างไกลดี อยากจะให้ท่านนักอ่านที่ชื่นชอบอ่านงานแนวนี้ได้ลองหาเรื่องนี้มาอ่านกันดู หรือสำหรับนักอ่านที่อาจจะไม่เคยอ่านเรื่องแนวนี้มาก่อน เมื่อได้อ่านเรื่องแนวใหม่ ๆ ก็เหมือนได้เปลี่ยนโลกใบใหม่มาครอบครอง
ผมต้องขอขอบพระคุณ บ.ก.แหม่ม แห่งสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ ที่มอบหนังสือเล่มนี้มาให้ผมอ่าน สำหรับเล่มที่อยู่ในมือผมนี้เป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2562 โดย ‘พิมพ์คำ’ สำนักพิมพ์แปล ด้วยความหนา 560 หน้า ราคาปก 390 บาท ท่านใดที่สนใจก็ไปตามหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือใกล้บ้านท่านครับ
ขอให้ทุกท่านท่องโลกตัวอักษรด้วยความอารมณ์ที่สุนทรีย์ และขอให้ทุกท่านมีความสุขมาก ๆ นะครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้