การแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ทำให้มีผู้ติดเชื้อถึง 512 รายแล้ว จนอย่างน้อย 8 รัฐต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรับมือ

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ หรือ โควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 512 รายแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มเป็น 21 คนแล้ว ทำให้ทางการอย่างน้อย 8 รัฐต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรับมือกับการแพร่กระจายของไวรัสมรณะชนิดนี้

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตถูกพบใน 3 รัฐ แบ่งเป็นที่รัฐวอชิงตัน 18 ราย, รัฐฟลอริดา 2 ราย และรัฐแคลิฟอร์เนียอีก 1 ราย โดยทั้ง 3 รัฐบาลเป็นพื้นที่แรกๆ ที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ตามด้วยรัฐ เคนทักกี, นิวยอร์ก, แมรีแลนด์, ยูทห์ และโอเรกอน
นาง เคท บราวน์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอนเพิ่งประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นรัฐล่าสุดในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค. 2563 หลังจากประกาศการพบผู้ติดเชื้อในรัฐเพิ่มอีก 7 รายเป็นทั้งหมด 14 ราย โดยนางบราวน์ระบุว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินจะทำให้รัฐสามารถใช้ทรัพยากรฉุกเฉินรวมทั้งเจ้าหน้าที่การแพทย์อาสา

ขณะที่รัฐวอชิงตันพบผู้ติดเชื้อมากที่สุดที่ 115 ราย ซึ่งนาย เจย์ อินสลี ออกคำสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐนำทรัพยากรไปช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง หลังจากพบผู้เสียชีวิตรายแรกของรัฐเมื่อ 29 ก.พ.
นอกจากนี้ หน่วยงานปกครองในหลายเมืองและหลายเขตของสหรัฐฯ ก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในพื้นที่ของตัวเองเช่นกัน

ด้านนายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียแถลงในวันอาทิตย์ว่า เรือสำราญ ‘แกรนด์ ปริ๊นเซส’ ที่บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 3,500 คน จะเข้าเทียบท่าที่เมืองโอ๊คแลนด์ในวันจันทร์นี้ (9 มี.ค.) โดยเรือลำดังกล่าวอาจกลายเป็นจุดแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แห่งใหม่ เนื่องจากพบผู้โดยสารที่ลงจากเรือติดเชื้อเสียชีวิต 1 คน และตอนนี้บนเรือก็พบผู้ติดเชื้อแล้ว 21 ราย

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/foreign/1790233