ก่อนอื่นขอบอกว่า ผมต้องการตั้งกระทู้นี้ เพื่อเตือนสติมนุษย์ทุกคน ให้ตระหนักถึงความจริงบางอย่าง
ความจริงที่ว่า โรคระบาดร้ายในเวลานี้ จริงๆแล้วสาเหตุเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เอง
ผมไม่ได้พูดในแง่อาวุธชีวภาพอะไรเทือกนั้น แต่กำลังพูดในแง่ที่ว่า มันเป็นกลไกธรรมดาของธรรมชาตินี่แหละ
และมนุษย์ก็เป็นตัวไปเร่งกลไกนั้น
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
โลกเราเนี่ย เป็นระบบนิเวศขนาดใหญ่ระบบนึง ใช่มั้ยครับ
ถ้าเล็กย่อยลงไป ก็เป็นป่า แอ่งน้ำ สวนหลังบ้าน
ทุกหนแห่งมีระบบนิเวศของมันอยู่ ย่อยลงไปตามลำดับ
และระบบนิเวศเนี่ย มันก็จะมี สมดุล ของมันอยู่
เช่น ป่า นกกินผลไม้จากต้นไม้ กินแล้วบินไปที่อื่น ถ่ายเมล็ดออกมา เกิดเป็นต้นไม้ต่อไป
ถ้ามีอะไรที่มาทำให้มันเสียสมดุล ต้องมีอะไรอย่างอื่นมาแทนที่เพื่อรักษาสมดุลนั้น ไม่เช่นนั้นระบบนิเวศนั้นจะอยู่ไม่ได้
ลองมองที่ระบบนิเวศที่เล็กลงมา เช่น ร่างกายคน
ภายในร่างกายเรามีจุลชีพอาศัยอยู่มากมาย ทั้งตัวที่ดีและไม่ดี
ถ้ามีจุลชีพไม่ดีเติบโตมากไป หรือศัตรูภายนอกรุกราน จะมีพระเอกที่ชื่อว่า เม็ดเลือดขาว ออกมาฆ่าศัตรู ให้กลับเข้าสู่สมดุล
ด้วยสมดุลนั้นร่างกายเราจึงยังคงอยู่ได้
ทีนี้ผมกำลังจะบอกว่า โลกของเราก็เป็นระบบนิเวศระบบนึง ที่มีสมดุลของมันอยู่
หากมีอะไรที่ทำให้สมดุลเสีย มันก็จะต้องมีกระบวนการอะไรสักอย่างนึง ที่จะพยายามรักษาสมดุลไว้
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไวรัส หรือโรคระบาดอื่นๆ?
คำตอบคือ ไวรัสโคโรน่านี้ ก็คือกระบวนการรักษาสมดุลที่ว่านี่แหละ
คือโลกมองว่า มนุษย์ เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวมัน ป่วย ต้องทำอะไรสักอย่าง ด้วยการกำจัด หรือไม่ก็ population control
ถ้าเปรียบเทียบให้ โลก เป็นร่างกายคน
covid-19 ก็คือเม็ดเลือดขาว ที่ต้องทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคที่มีมากเกินไป
และเชื้อโรคร้ายที่คอยรุกราน ร่างกายที่ชื่อว่า โลก จนทำให้โลกป่วย ก็คือมนุษย์
ตรงนี้ผมเชื่อว่า ไม่ต้องไปโทษค้างคาวที่ไหนหรอก
ถึงกินหมูเห็ดเป็ดไก่ ถ้าธรรมชาติมันเสียสมดุล กระบวนการนี้ก็เกิดขึ้นอยู่ดี
ทีนี้ ทำไมโลกถึงมองว่า เราเป็นตัวร้ายที่ควรกำจัด
ก็ดูสิ่งที่พวกเราทำกับโลกสิครับ
ดูรอบๆตัวพวกเราตอนนี้ เรารู้สึกว่ามันดี มันน่าอยู่มั้ย
ปัญหาฝุ่น PM มลพิษ
ไฟป่าครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ที่ออสเตรเลีย
ปัญหาพลาสติค น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำโขงแห้งสุดในรอบ 50 ปี
จริงๆถ้าติดตามข่าวภัยธรรมชาติ จะเห็นว่า ภัยธรรมชาติประเภท รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ รุนแรงสุดในรอบหลายสิบปี เกิดขึ้นบ่อยมากในระยะหลัง
ไหนจะสงครามโลกอีก ที่หมิ่นเหม่ว่าจะเกิดแหล่ ไม่เกิดแหล่
ทั้งหมดนี้ฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่มนุษย์
ถึงตอนนี้ คงมีคำถามว่า งั้นเราควรจะทำอย่างไรต่อไป
ผมคิดว่า การรณรงค์ให้มนุษย์รักษ์โลกมากขึ้น อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
มันต้องไปแก้ที่สาเหตุ ที่เป็นต้นตอของมนุษย์ ที่อยู่ลึกกว่านั้น
สาเหตุนั้นคืออะไร?
สาเหตุนั้นเกิดจาก ความไม่พอของคน
ความโลภ การแข่งขัน ระบบทุนนิยม ทำให้เกิดการบริโภคที่มากเกินตัว และเร็วเกินไป
การบริโภคมากเกินไป ทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดของเสียและมลพิษที่มากเกินควร
สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อน ภัยพิบัติต่างๆ โรคระบาด สงคราม
และย้อนกลับมาทำร้ายตัวมนุษย์เองในที่สุด
สิ่งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ หากต้องการจะลดปัญหาสิ่งเหล่านี้
วิธีแก้นั้น ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยทุกคน ในการร่วมกันแก้ไขตัวเอง
ช่วยกันหมุนโลกให้ช้าลง โดยการทำตัวเองให้ช้าลง
ลดความโลภ การบริโภคของตัวเอง
แข่งขันให้น้อยลง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้มากขึ้น
เอาเวลาไปใส่ใจสิ่งรอบตัว ความสัมพันธ์ ครอบครัว เพื่อนฝูงให้มากขึ้น
พอเพียงมากขึ้น ใช้ชีวิตให้ช้าลง
ผมเชื่อว่า ถ้ามนุษย์ช่วยกันทำเช่นนี้แล้ว
การบริโภคลดลง ใช้ทรัพยากรลดลง ปล่อยของเสียและมลพิษน้อยลง
ปัญหาข้างต้นที่พูดมาจะค่อยๆลดลงไปเอง
สุดท้ายอยากฝากให้กับมนุษย์ทุกคนนะครับ ที่ได้อ่านบทความนี้
ช่วยกันทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น
โลกกำลังเตือนเราอยู่
ถ้าเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ
ผมเชื่อว่าก็คงช่วยลดปัญหาแทบทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม ปัญหาโลกร้อน
(แม้แต่ปัญหาสังคม โรคซึมเศร้ามากขึ้น เหตุการณ์สังหารหมู่ ล้วนเกิดขึ้นเพราะสาเหตุที่ผมกล่าวมาทั้งนั้น)
แต่ถ้าหากเรายังคงละเลย และยังคงเร่งใช้ชีวิต ยังคงความโลภ เห็นวัตถุเป็นตัวนำทาง
ถ้าหากโลกยังคงหมุนด้วยความเร็วเช่นนี้
ผมเชื่อว่า ไม่ช้าไม่นาน โลกเราอาจได้เห็น กลียุค เป็นแน่
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
Covid-19 "ตัวร้าย"ของมนุษย์ "พระเอก"ของโลก
ความจริงที่ว่า โรคระบาดร้ายในเวลานี้ จริงๆแล้วสาเหตุเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เอง
ผมไม่ได้พูดในแง่อาวุธชีวภาพอะไรเทือกนั้น แต่กำลังพูดในแง่ที่ว่า มันเป็นกลไกธรรมดาของธรรมชาตินี่แหละ
และมนุษย์ก็เป็นตัวไปเร่งกลไกนั้น
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
โลกเราเนี่ย เป็นระบบนิเวศขนาดใหญ่ระบบนึง ใช่มั้ยครับ
ถ้าเล็กย่อยลงไป ก็เป็นป่า แอ่งน้ำ สวนหลังบ้าน
ทุกหนแห่งมีระบบนิเวศของมันอยู่ ย่อยลงไปตามลำดับ
และระบบนิเวศเนี่ย มันก็จะมี สมดุล ของมันอยู่
เช่น ป่า นกกินผลไม้จากต้นไม้ กินแล้วบินไปที่อื่น ถ่ายเมล็ดออกมา เกิดเป็นต้นไม้ต่อไป
ถ้ามีอะไรที่มาทำให้มันเสียสมดุล ต้องมีอะไรอย่างอื่นมาแทนที่เพื่อรักษาสมดุลนั้น ไม่เช่นนั้นระบบนิเวศนั้นจะอยู่ไม่ได้
ลองมองที่ระบบนิเวศที่เล็กลงมา เช่น ร่างกายคน
ภายในร่างกายเรามีจุลชีพอาศัยอยู่มากมาย ทั้งตัวที่ดีและไม่ดี
ถ้ามีจุลชีพไม่ดีเติบโตมากไป หรือศัตรูภายนอกรุกราน จะมีพระเอกที่ชื่อว่า เม็ดเลือดขาว ออกมาฆ่าศัตรู ให้กลับเข้าสู่สมดุล
ด้วยสมดุลนั้นร่างกายเราจึงยังคงอยู่ได้
ทีนี้ผมกำลังจะบอกว่า โลกของเราก็เป็นระบบนิเวศระบบนึง ที่มีสมดุลของมันอยู่
หากมีอะไรที่ทำให้สมดุลเสีย มันก็จะต้องมีกระบวนการอะไรสักอย่างนึง ที่จะพยายามรักษาสมดุลไว้
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไวรัส หรือโรคระบาดอื่นๆ?
คำตอบคือ ไวรัสโคโรน่านี้ ก็คือกระบวนการรักษาสมดุลที่ว่านี่แหละ
คือโลกมองว่า มนุษย์ เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวมัน ป่วย ต้องทำอะไรสักอย่าง ด้วยการกำจัด หรือไม่ก็ population control
ถ้าเปรียบเทียบให้ โลก เป็นร่างกายคน
covid-19 ก็คือเม็ดเลือดขาว ที่ต้องทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคที่มีมากเกินไป
และเชื้อโรคร้ายที่คอยรุกราน ร่างกายที่ชื่อว่า โลก จนทำให้โลกป่วย ก็คือมนุษย์
ตรงนี้ผมเชื่อว่า ไม่ต้องไปโทษค้างคาวที่ไหนหรอก
ถึงกินหมูเห็ดเป็ดไก่ ถ้าธรรมชาติมันเสียสมดุล กระบวนการนี้ก็เกิดขึ้นอยู่ดี
ทีนี้ ทำไมโลกถึงมองว่า เราเป็นตัวร้ายที่ควรกำจัด
ก็ดูสิ่งที่พวกเราทำกับโลกสิครับ
ดูรอบๆตัวพวกเราตอนนี้ เรารู้สึกว่ามันดี มันน่าอยู่มั้ย
ปัญหาฝุ่น PM มลพิษ
ไฟป่าครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ที่ออสเตรเลีย
ปัญหาพลาสติค น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำโขงแห้งสุดในรอบ 50 ปี
จริงๆถ้าติดตามข่าวภัยธรรมชาติ จะเห็นว่า ภัยธรรมชาติประเภท รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ รุนแรงสุดในรอบหลายสิบปี เกิดขึ้นบ่อยมากในระยะหลัง
ไหนจะสงครามโลกอีก ที่หมิ่นเหม่ว่าจะเกิดแหล่ ไม่เกิดแหล่
ทั้งหมดนี้ฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่มนุษย์
ถึงตอนนี้ คงมีคำถามว่า งั้นเราควรจะทำอย่างไรต่อไป
ผมคิดว่า การรณรงค์ให้มนุษย์รักษ์โลกมากขึ้น อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
มันต้องไปแก้ที่สาเหตุ ที่เป็นต้นตอของมนุษย์ ที่อยู่ลึกกว่านั้น
สาเหตุนั้นคืออะไร?
สาเหตุนั้นเกิดจาก ความไม่พอของคน
ความโลภ การแข่งขัน ระบบทุนนิยม ทำให้เกิดการบริโภคที่มากเกินตัว และเร็วเกินไป
การบริโภคมากเกินไป ทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดของเสียและมลพิษที่มากเกินควร
สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อน ภัยพิบัติต่างๆ โรคระบาด สงคราม
และย้อนกลับมาทำร้ายตัวมนุษย์เองในที่สุด
สิ่งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ หากต้องการจะลดปัญหาสิ่งเหล่านี้
วิธีแก้นั้น ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยทุกคน ในการร่วมกันแก้ไขตัวเอง
ช่วยกันหมุนโลกให้ช้าลง โดยการทำตัวเองให้ช้าลง
ลดความโลภ การบริโภคของตัวเอง
แข่งขันให้น้อยลง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้มากขึ้น
เอาเวลาไปใส่ใจสิ่งรอบตัว ความสัมพันธ์ ครอบครัว เพื่อนฝูงให้มากขึ้น
พอเพียงมากขึ้น ใช้ชีวิตให้ช้าลง
ผมเชื่อว่า ถ้ามนุษย์ช่วยกันทำเช่นนี้แล้ว
การบริโภคลดลง ใช้ทรัพยากรลดลง ปล่อยของเสียและมลพิษน้อยลง
ปัญหาข้างต้นที่พูดมาจะค่อยๆลดลงไปเอง
สุดท้ายอยากฝากให้กับมนุษย์ทุกคนนะครับ ที่ได้อ่านบทความนี้
ช่วยกันทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น
โลกกำลังเตือนเราอยู่
ถ้าเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ
ผมเชื่อว่าก็คงช่วยลดปัญหาแทบทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม ปัญหาโลกร้อน
(แม้แต่ปัญหาสังคม โรคซึมเศร้ามากขึ้น เหตุการณ์สังหารหมู่ ล้วนเกิดขึ้นเพราะสาเหตุที่ผมกล่าวมาทั้งนั้น)
แต่ถ้าหากเรายังคงละเลย และยังคงเร่งใช้ชีวิต ยังคงความโลภ เห็นวัตถุเป็นตัวนำทาง
ถ้าหากโลกยังคงหมุนด้วยความเร็วเช่นนี้
ผมเชื่อว่า ไม่ช้าไม่นาน โลกเราอาจได้เห็น กลียุค เป็นแน่
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น