นักวิทย์สหรัฐฯ เตือนไม่ป่วยอย่าใส่แมสก์ ชี้อาจเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น
ไทยรัฐออนไลน์2 มี.ค. 2563 07:05 น.SHARE
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1784551
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อย่าใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ชี้ไม่จำเป็นและ
อาจทำให้ความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้นอีก
เว็บไซต์นิตยสาร ฟอร์บส์ ของสหรัฐฯ เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการใส่หน้ากากอนามัย
เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 โดยอ้างการเปิดเผยของ ศ. อีไล เปเรนเซวิช ผู้เชี่ยวชาญด้าน
การป้องกันโรคติดต่อ และศาสตราจารย์ด้านเวชกรรมและระบาดวิทยาของวิทยาลัยแพทย์
มหาวิทยาลัยไอโอวา โดยเขาเรียกร้องไม่ให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยโดยไม่จำเป็น
ศ.เปเรนเซวิช ระบุว่า คนสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากใดๆ เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา
ต่อให้มีผู้ติดเชื้ออยู่ข้างบ้านก็ตาม และไม่เพียงไม่จำเป็นเท่านั้น ยังไม่ควรใส่ด้วย เพราะไม่มี
หลักฐานว่าหน้ากากจะช่วยปกป้องพวกเขาได้ หากพวกเขาใส่อย่างไม่ถูกต้อง จะเป็นการเพิ่ม
ความเสี่ยงติดเชื้อขึ้นอีก เพราะพวกเขาจะแตะต้องใบหน้าของตัวเองบ่อยขึ้น
ศ.เปเรนเซวิชย้ำว่า การใส่หน้ากากไม่ใช่ทำเพื่อหยุดไม่ให้ไวรัสเข้าปากหรือจมูกของคนใส่
ไวรัสโควิด-19 ติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่ง ไม่ใช่ทางอากาศ หมายความว่าคุณไม่สามารถที่
จะสูดมันเข้าไปได้ หน้ากากอนามัยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งออกไปจากคนใส่
และมีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้ผู้ใส่ไปทำให้คนอื่นติดโรค
“
เวลาเดียวที่คุณควรใส่หน้ากากอนามัยคือ เวลาคุณป่วยแล้วต้องออกจากบ้าน” ศ.เปเรนเซวิชกล่าว
ขณะที่หน้ากากที่ช่วยปกป้องผู้ใส่จากไวรัสและแบคทีเรียคือ ‘respirator’ หรืออุปกรณ์ป้องกันระบบ
หายใจ ไม่ใช่ ‘แมสก์’ (mask) และต้องมีค่าประสิทธิภาพ (efficiency rating) ระดับ ‘N95’, ‘FFP2’
และอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าสามารถป้องกันโมเลกุลได้มากเท่าใดและขนาดเท่าใด
ศ.เปเรนเซวิช ยังไม่แนะนำให้ซื้ออุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจมาใส่ เนื่องจากการใส่จำเป็นต้องได้รับ
การฝึกฝน แต่บริษัทผู้ผลิตอย่าง M3 ย้ำว่า ไม่ว่า respirator จะดีแค่ไหนก็มีโอกาสที่จะมีการรั่วไหลเข้าไป
เล็กน้อย ขณะที่การใช้ หรือทิ้งอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ อย่างไม่ถูกต้องจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ
เพราะมันจะกักทุกสิ่งทุกอย่างใส่อากาศที่คุณพยายามหลีกเลี่ยงเอาไว้ข้างใน และคนส่วนมากก็เผลอ
สัมผัสใบหน้าตัวเองโดยไม่ยั้งคิด
“การใส่หน้ากากเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะมันสามารถสร้างความรู้สึกปลอดภัยผิดๆ ให้ผู้ใส่ได้” ศ.เปเรนเซวิชกล่าว
“
ถ้าคุณไม่ล้างมือก่อนและหลังจากถอดหน้ากาก ความเสี่ยงของคุณก็จะเพิ่มขึ้น” นอกจากนี้การที่
คนแห่ซื้อ
หน้ากากมาใส่ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการใช้หน้ากากเหล่านี้จริงๆ เข้าถึงหน้ากากได้ยากขึ้นด้วย
ส่วนวิธีป้องกันตนเองจากไวรัสโควิด-19 ที่ดีที่สุดนั้นคือการล้างมือด้วยสบู่ โดยดร. แคเรน เฟลมมิง ศาสตราจารย์ชีวฟิสิกส์
จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปกินส์ อธิบายว่า ไวรัสโคโรนามีเยื่อหุ้มเซลล์ประเภทสารอินทรีย์ภายนอกอยู่
การล้างมือด้วยสบู่และน้ำก็สามารถละลายผิวภายนอกและฆ่าไวรัสได้แล้ว
ศ.เปเรนเซวิช เสริมด้วยว่า ควรล้างมือก่อนและหลังจากรับประทานอาหาร และพยายามฝึกตัวเองไม่ให้แตะต้องใบหน้า
โดยเฉพาะที่ปากและจมูก รวมทั้งพกน้ำยาล้างมือเอาไว้ เผื่อกรณีที่หาสบู่และน้ำไม่ได้ หลังจากที่คุณจับใบหน้าหรือ
พื้นผิวที่มีเชื้อโรคอื่น เช่น ลูกบิดประตู ด้วย
“
แค่เพราะมันเป็นไวรัสโรคทางเดินหายใจ ไม่ได้ หมายความว่ามันเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ มันสามารถ
เข้าสู่ร่างกายเมื่อมือที่ปนเปื้อนสัมผัสปากหรือใบหน้าของคุณ ดังนั้นล้างมือ และอย่าสัมผัสปากหรือใบหน้าโดยไม่ล้างมือก่อน”
นักวิทย์สหรัฐฯ เตือนไม่ป่วยอย่าใส่แมสก์ ชี้อาจเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น
ไทยรัฐออนไลน์2 มี.ค. 2563 07:05 น.SHARE https://www.thairath.co.th/news/foreign/1784551
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อย่าใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ชี้ไม่จำเป็นและ
อาจทำให้ความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้นอีก
เว็บไซต์นิตยสาร ฟอร์บส์ ของสหรัฐฯ เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการใส่หน้ากากอนามัย
เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 โดยอ้างการเปิดเผยของ ศ. อีไล เปเรนเซวิช ผู้เชี่ยวชาญด้าน
การป้องกันโรคติดต่อ และศาสตราจารย์ด้านเวชกรรมและระบาดวิทยาของวิทยาลัยแพทย์
มหาวิทยาลัยไอโอวา โดยเขาเรียกร้องไม่ให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยโดยไม่จำเป็น
ศ.เปเรนเซวิช ระบุว่า คนสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากใดๆ เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา
ต่อให้มีผู้ติดเชื้ออยู่ข้างบ้านก็ตาม และไม่เพียงไม่จำเป็นเท่านั้น ยังไม่ควรใส่ด้วย เพราะไม่มี
หลักฐานว่าหน้ากากจะช่วยปกป้องพวกเขาได้ หากพวกเขาใส่อย่างไม่ถูกต้อง จะเป็นการเพิ่ม
ความเสี่ยงติดเชื้อขึ้นอีก เพราะพวกเขาจะแตะต้องใบหน้าของตัวเองบ่อยขึ้น
ศ.เปเรนเซวิชย้ำว่า การใส่หน้ากากไม่ใช่ทำเพื่อหยุดไม่ให้ไวรัสเข้าปากหรือจมูกของคนใส่
ไวรัสโควิด-19 ติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่ง ไม่ใช่ทางอากาศ หมายความว่าคุณไม่สามารถที่
จะสูดมันเข้าไปได้ หน้ากากอนามัยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งออกไปจากคนใส่
และมีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้ผู้ใส่ไปทำให้คนอื่นติดโรค
“เวลาเดียวที่คุณควรใส่หน้ากากอนามัยคือ เวลาคุณป่วยแล้วต้องออกจากบ้าน” ศ.เปเรนเซวิชกล่าว
ขณะที่หน้ากากที่ช่วยปกป้องผู้ใส่จากไวรัสและแบคทีเรียคือ ‘respirator’ หรืออุปกรณ์ป้องกันระบบ
หายใจ ไม่ใช่ ‘แมสก์’ (mask) และต้องมีค่าประสิทธิภาพ (efficiency rating) ระดับ ‘N95’, ‘FFP2’
และอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าสามารถป้องกันโมเลกุลได้มากเท่าใดและขนาดเท่าใด
ศ.เปเรนเซวิช ยังไม่แนะนำให้ซื้ออุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจมาใส่ เนื่องจากการใส่จำเป็นต้องได้รับ
การฝึกฝน แต่บริษัทผู้ผลิตอย่าง M3 ย้ำว่า ไม่ว่า respirator จะดีแค่ไหนก็มีโอกาสที่จะมีการรั่วไหลเข้าไป
เล็กน้อย ขณะที่การใช้ หรือทิ้งอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ อย่างไม่ถูกต้องจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ
เพราะมันจะกักทุกสิ่งทุกอย่างใส่อากาศที่คุณพยายามหลีกเลี่ยงเอาไว้ข้างใน และคนส่วนมากก็เผลอ
สัมผัสใบหน้าตัวเองโดยไม่ยั้งคิด
“การใส่หน้ากากเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะมันสามารถสร้างความรู้สึกปลอดภัยผิดๆ ให้ผู้ใส่ได้” ศ.เปเรนเซวิชกล่าว
“ถ้าคุณไม่ล้างมือก่อนและหลังจากถอดหน้ากาก ความเสี่ยงของคุณก็จะเพิ่มขึ้น” นอกจากนี้การที่คนแห่ซื้อ
หน้ากากมาใส่ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการใช้หน้ากากเหล่านี้จริงๆ เข้าถึงหน้ากากได้ยากขึ้นด้วย
ส่วนวิธีป้องกันตนเองจากไวรัสโควิด-19 ที่ดีที่สุดนั้นคือการล้างมือด้วยสบู่ โดยดร. แคเรน เฟลมมิง ศาสตราจารย์ชีวฟิสิกส์
จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปกินส์ อธิบายว่า ไวรัสโคโรนามีเยื่อหุ้มเซลล์ประเภทสารอินทรีย์ภายนอกอยู่
การล้างมือด้วยสบู่และน้ำก็สามารถละลายผิวภายนอกและฆ่าไวรัสได้แล้ว
ศ.เปเรนเซวิช เสริมด้วยว่า ควรล้างมือก่อนและหลังจากรับประทานอาหาร และพยายามฝึกตัวเองไม่ให้แตะต้องใบหน้า
โดยเฉพาะที่ปากและจมูก รวมทั้งพกน้ำยาล้างมือเอาไว้ เผื่อกรณีที่หาสบู่และน้ำไม่ได้ หลังจากที่คุณจับใบหน้าหรือ
พื้นผิวที่มีเชื้อโรคอื่น เช่น ลูกบิดประตู ด้วย
“แค่เพราะมันเป็นไวรัสโรคทางเดินหายใจ ไม่ได้ หมายความว่ามันเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ มันสามารถ
เข้าสู่ร่างกายเมื่อมือที่ปนเปื้อนสัมผัสปากหรือใบหน้าของคุณ ดังนั้นล้างมือ และอย่าสัมผัสปากหรือใบหน้าโดยไม่ล้างมือก่อน”