ในแง่ธรรมชาติ ลักษณะของโควิด 19 ถือว่าปกติ
ธรรมชาติแสวงหาการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ถึงได้มีเผ่าพันธุ์โฮโมซาเปี้ยนอยู่ทุกวันนี้ ทั้งที่บรรพบุรุษเราก็แค่สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวแท้ๆ

ไวรัสนั้นไม่ใช่แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิต ไม่ได้เป็นเซลล์ด้วยซ้ำ คุณสมบัติเดียวที่มีเหมือนสิ่งมีชีวิตคือการแพร่พันธุ์ อย่างกับจะมีตัวตนอยู่เพื่อเพิ่มจำนวนอย่างเดียว ด้วยความที่ร่างกายพี่แกเรียบง่ายมาก (เรียบง่ายกว่าเซลล์ 1 เซลล์) ทำให้ทั้งตายง่ายและตายยากไปพร้อมกัน แน่นอนว่าพร้อมจะวิวัฒน์ตัวเองให้อยู่รอดไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไป

ดังคำกล่าวที่ว่า ธรรมชาติคือฆาตกรโรคจิต วิถีของไวรัสก็เช่นกัน เขาจะหาทางทำให้ตัวเองอึดขึ้น เจาะระบบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น อยู่ได้นานขึ้น เพิ่มจำนวนได้เร็วขึ้น นี่คือธรรมชาติของเขา มนุษย์ก็ต้องหาสรรพวิธีตอบโต้เขา จนกระทั่งวันนึงหายเงียบไป เขาก็พัฒนาตัวเอง กลับเข้าสู่สนามรบใหม่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่แน่จริงก็พ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว ไอ้ที่เป็นข่าวก็มีเพียงแต่ไวรัสที่แน่จริงเท่านั้น น้องใหม่ผู้เด่นดังอยู่ตอนนี้ก็คือหนูโควิด 19 คนนี้นี่เอง >///< พี่ HIV ผู้เป็นตำนานมาเนิ่นนานใกล้จะจบสิ้นในอีกเร็วๆ นี้ หนูนั้นยังห่างชั้นกับพี่ HIV นัก พี่เขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จชั้นนำในการเจาะจุดอ่อนของร่างกายมนุษย์ ยากจะหาใครเทียบ ด้วยคอนเซ็ปต์กูจะทำลายระบบป้องกันตัวเองของเมิง งี้เมิงก็ป้องกันตัวเองจากกูไม่ได้แล้ว จีเนียสสาดๆ ติดแต่ว่าพี่ต้องการการสัมผัสถึงเลือดถึงเนื้อหน่อยถึงจะไปได้ แต่พี่ไม่ไมด์นัก เพราะพี่มีเวลานานนนนนนนนน

พวกไวรัสเนี่ย ถ้าเอาถึงตายเร็วไปก็จะแพร่พันธุ์ไม่ได้มากค่ะ เพราะคนตายก่อน ไม่ทันได้แพร่ต่อมากนัก
หนูโควิดเขาเลยใช้เทคนิคซ่อนอาการ ซึ่งก็จีเนียสแล้วล่ะสำหรับเป้าหมายในการเพิ่มจำนวน ก็เรียนรู้มาจากรุ่นพี่ว่าถ้าออกอาการเร็ว โฮสต์จะรู้ตัวเร็ว ไม่ทันได้แพร่เท่าไหร่ก็โดดเตะสกัดขาซะแล้ว เช่น SARS พี่ซาส์ใช้เทคนิคหลอกให้นึกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา พอสี่ห้าวันชักมีอะไรแปลก สิบวันไม่หาย โฮสต์ก็รู้แล้วว่าเข้าใจผิด ถูกกักกันเชื้อโรค พี่ก็ไปไหนไม่ได้แล้ว สุดท้ายโฮสต์ก็ตาย จะเห็นได้ว่าพี่ซาส์เพิ่มจำนวนได้ไม่ดีเท่าไหร่ เวลาแพร่ก็น้อย น้องก็เอาจุดนี้มาพัฒนา ตอนนี้น้องซ่อนไหวที่ 14 วันเป็นอย่างน้อย + เวลาที่ออกอาการแล้ว ถือว่าทำได้ดีกว่าพี่ (พี่ไข้เลือกออกก็ใช้มุกหลอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่พี่เขาเลือกใช้บริการจากสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันสูญพันธุ์ไปจากโลกเพื่อการันตีความอยู่รอดของตัวเอง)

สักวันเราก็จะป้องกันหนูโควิด 19 ได้ อาจจะเงียบไปพักหนึ่ง แล้วเขาก็จะปรับลุกส์ใหม่ กลับมาอย่างไฉไลกว่าเก่า นี่เป็นธรรมชาติของธรรมชาติ ความสร้างสรรค์ถือว่าสูงกว่าใครบนดาวเคราะห์ดวงนี้ มีมุกใหม่ๆ เสมอแหละ

ส่วนไวรัสที่เอาจำนวน ไม่ตาย ไม่คิดอะไรมาก ขออยู่ในโลกไปนานๆ
เช่นเชื้อหวัดธรรมดา เมื่อมนุษย์ติดไวรัสพวกนี้เข้าไป ร่างกายก็จะมีระบบต่อต้านและเรียนรู้ จะไม่ติดเชื้อซ้ำอีกแล้ว แต่บังเอิญพวกเขามีอยู่กว่า 400 สายพันธุ์ คนเราติดหวัดตลอดชีวิตอย่างดีก็ 200 ฝ่าๆ ใช้เวลาทั้งชีวิตยังติดไม่ครบทุกพันธุ์อะคิดดู เขาก็จะอยู่ของเขาต่อไปแบบชิลๆ มีตัวตนอยู่มาตั้งนานไหน ทุกวันนี้เราก็ยังไม่มียาแก้หวัด ได้แต่รักษาตามอาการกันไป พี่แกคงอยู่ไปตลอดจนกว่าโลกจะแตกนั่นแหละ

ส่วนที่ดุเหมือนไข้หวัดสเปน อีโบล่า (ติดแล้วตายไว พี่ๆ ของไข้หวัดนกตัวล่าสุด ซึ่งตายช้ากว่า) ซาส์ หรือแม้แต่หนูโควิด 19 นานๆ ทีจะโผล่มาขอพื้นที่สื่อ เห็นได้ว่าครัวนี้เขาจะพัฒนามุกใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ และดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นน้องโควิด 19 ยังดูเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ถึงขั้นจะผิดแปลกแตกต่างจากพี่น้องครัวเดียวกันเท่าใดนัก ก็ถ้ามนุษย์ยื่นมือมาช่วย น้องควรจะเฉิดฉายกว่านี้มาก เป้าหมายของอาวุธชีวภาพคือทำให้คนป่วยหรือตายไวโดยควบคุมการแพร่ระบาดได้ อัตราการกลายพันธุ์ต่ำ แพร่ระบาดต่ำ ตายไว เพื่อจำกัดวงศัตรู (ไม่งั้นเดี๋ยวกูโดนเองไปด้วย) ไม่น่าจะมีจุดประสงค์หลักเพื่อการเพิ่มจำนวนแบบโต้งๆ น้องมีการแพร่ระบาดไวเว่อร์และตายช้า แถมระยะฟักตัวค่อยๆ นานขึ้น น้องดูมุ่งมั่นกับการแพร่อย่างไม่หยุดยั้งจริงๆ

พูดถึงอาวุธชีวภาพก็ต้องพูดถึงนิยายซอมบี้ ผิดพลาดจากการทดลอง เชื้อหลุดออกมา ซึ่งเดิมทีเคยเป็นยาดีมาก่อน นักวิทไม่รู้ว่าทำให้เกิดโรคได้ ระยะฟักตัวนานจนนักวิทตรวจหาไม่เจอในกลุ่มผู้ทดสอบและปล่อยออกมาในฐานะยา คนเลยเป็นกันระเบิดระเบ้อ โดยพื้นฐานห้องทดลองของแบบนี้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยยิ่งยวดอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นอาวุธก็ยิ่งเข้มงวด หากหนูทดลองหรือผู้ทดสอบตายไวก็ยิ่งระวัง มันไม่ง่ายที่เชื้อจะหลุดออกมา ถ้าระบาดเร็ว การขายยาก็จะไม่ก่อให้เกิดรายได้ด้วย เพราะถ้าคนเป็นกันเยอะ โดยเฉพาะเป็นกันทั่วโลก ยารักษาจะถูกผลักดันให้มีราคาถูกหรือให้ฟรี ต่อให้ผู้ก่อการร้ายไม่ยอมให้ฟรี แต่ถ้านักวิทได้ตัวอย่างยาก็สามารถผลิตเองได้อยู่ดี จึงไม่สมเหตุสมผลนักถ้าพูดว่าน้องโควิด 19 เป็นผลงานการทดลอง

อันที่จริงก็มีทฤษฎีที่บอกว่าน้องมีลักษณะเฉพาะตัวที่เหมือนถูกจงใจตัดต่อมา แต่ธรรมชาติก็ทำอะไรเหมือนตั้งใจทำอยู่แล้ว อย่างผลงานการออกแบบร่างกายมนุษย์ มีอย่างน้อย 5 เวอร์ชัน (ออสทราโลพิเธคัส อิเล็กตัส นีแอนเดอทาล ฯลฯ ที่ฉันจำไม่ได้) และโฮโมซาเปี้ยนเป็นหนึ่งเดียวที่ประสบความสำเร็จ ร่างกายของเรามีประสิทธิภาพดีเลิศราวกับมีใครสักคนจงใจออกแบบมาอย่างดี ไวรัสก็เหมือนกัน แปลกตรงไหนถ้าจะดูแล้วช่างวิจิตรเหมือนมีใครสักคนจงใจออกแบบมาอย่างดี ความบังเอิญในธรรมชาติก็อย่างนี้ ว่างๆ นั่งมองการจัดเรียงของกลีบดอกไม้ก็ตื่นตะลึงในการจงใจสร้างได้แล้ว

ส่วนตัวฉันมองว่า ยังอีกไกลค่ะกว่าเราจะได้เห็นผลงานการออกแบบอาวุธชีวภาพ ตอนนี้บริษัทใหญ่สุดยังคงเป็นธรรมชาติอยู่ มีใครออกมาเฉิดฉายก็พอจะสืบสาวหาพี่น้องครัวเดียวกันได้ วันไหนเกิดไวรัสชนิดที่มีลักษณะรวมจุดเด่นมาจากสองสามครัว ตอนนั้นแหละค่อยมองว่าเมิงมิใช่การพัฒนามาจากพี่น้องแล้ว เมิงถูกผ่าแยกร่างมาปะติดกัน ม้ากับลาไม่เยออกมาเป็นล่อในธรรมชาติฉันใด ไวรัสก็ฉันนั้น (มนุษย์บังคับเย และลูกที่ได้จะเป็นหมัน 100% ไลเกอร์ก็เช่นกัน ในธรรมชาติสิงโตไม่ได้คิดจะเยเสืออยู่แล้ว)(แต่ปลาโลมาเยไปทั่วได้ เป็นเรื่องจริง) ถ้าอยู่หมวดปอด ย่อมไม่ปะปนกับหมวดตับหรือลำไส้ ครัวใครครัวมัน มีลู่ทางทำมาหากินและมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งน่าสนใจในแง่อาวุธชีวภาพเป็นพิเศษเนื่องจากถ้าถูกตัดต่อมา อัตราการกลายพันธุ์ไม่น่าจะสูง ได้คุณสมบัติครบตามต้องการ แต่ก็นะ...ยังไม่เคยมีใครยืนยันว่าทำได้จริง ทุกวันนี้พวกเซรุ่มพิษงูหรือพิษสุนัขบ้าก็สร้างโดยการฝากฝังให้ม้าผลิตให้ ไม่ได้สร้างในหลอดทดลอง ขนาดยางสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างทางเคมีเหมือนยางพาราแท้เป๊ะๆ ยังออกมาได้ไม่เหมือนกันเลย ปลูกต้นยางกันต่อไป ธรรมชาติก็มีการปกป้องลิขสิทธิ์ในผลงานการออกแบบของตัวเองเหมือนกัน คิดจะตัดต่อไวรัสซึ่งเป็นสินค้าเด่นของเขา เขาไม่ยอมง่ายๆ หรอก

ก็ทำนองนี้