ความเดินตอนที่เเล้ว... เที่ยววัดเก่าแก่ของเฉิงตู ใกล้กับโรงเเรมที่พักกลับมาแพคของไปสถานีรถไฟของเฉิงตูกันค่ะ ไม่ยากเดินย้อนกลับมาหา metro เเละ ไปลงที่ train station ค่ะ สถานีรถไฟที่เฉิงตูมีหลายสายนะ ดูกันดีดี ว่าไปทางไหน ไม่งั้นอาจหลงได้ north train station ค่ะ ไปออกตั๋วรถไฟกันก่อนค่ะ กันเหนียว มีตั๋วเเล้วจะได้สบายใจ
* ตั๋วรถไฟได้มายังไง ก็ไกด์ซื้อให้ค่ะ ต้องเป็นคนจีนซื้อให้นะ ลำพังซื้อเอง จริง ๆ ก็ได้นะ เเต่สุ่มเสี่ยงต่อการพลาดหรือโดนยกเลิกกลางอากาศได้ ดังนั้น ควรให้ agency ซื้อให้ค่ะ คิดบวกเพิ่มไปหลักร้อยเเต่ชัวร์จ้า เพราะว่า ตั๋วรถไฟนี้ เค้าประกาศก่อนเดินทาง 30 วันค่ะ ว่าเดือนไหนเค้าจะออกจากเฉิงตูวันคู่หรือวันคี่ (ยากไปอี๊กกกกก ยอมเค้าเถอะ ขอร้องง...) เค้าซื้อเสร็จเค้าจะส่งเลข booking number มาให้ค่ะ เราก็เเคปหน้าจอไว้ หรือจะปริ้นไว้ก็ได้ + permit visa ที่ปริ้นมาด้วยนะ + พาสปอร์ตของเรา (permit visa บางไกด์บางเจ้าเค้าจะนัดมาส่งให้เราที่ โรงเเรมค่ะ หรือจะส่งเมลมาให้เราปริ้นไว้ก็ได้ ตัวก้อปปี้ก็ใช้ได้ค่ะ นี่เชื่อใจไกด์อย่างเดียวเลย เพราะอ่านมาก่อนไปเค้าบอกว่าต้องตัวจริงเท่านั้น ไกด์บอก ไม่จำเป็น ตัว copy ก้ได้ เอาก็เอาวะ ค่อยว่ากัน !!!

*ภาพอาจจะรีบ ๆ หน่อยนะคะ เพราะว่า มารู้ทีหลังว่าพี่ตำรวจเค้าไม่ให้ถ่าย โดนเตือนล่ะ คือนางจะยืนบนหลังรถตู้ทหารค่ะ สอดส่องตลอดเวลา คือควบคุมตลอดเวลา
อาคารมีสองอาคารค่ะ โผล่มาจาก metro ใต้ดินก็เห็นใหญ่สองอาคารนี้ล่ะ อาคารออกตั๋ว กับอาคารพักรอขึ้นรถไฟ ใหญ่โตมาก เข้าไปยื่นตั๋วตามช่องแบบ งง ๆ ช่องยื่นตั๋วมีสัก 100 ช่องน่าจะได้ คือว่า เข้าช่องไหนก็ได้ค่ะ มั่ว ๆ ไปเลยยยยย 55+ ไม่มีอะไรจะเสียละนี่ ยื่นเอกสารที่เตรียมมาเเบบวัดดวง ถ้า จนท.บอกว่า permit visa ตัวจริงอยู่ไหน คือ จบบบบบ... ฝันสลายทุกอย่าง เค้าพูดภาษาอังกฤษกันได้น้อยมากค่ะ ต้องไปตามอีก คนเเละอีกคน ช่วงรอ แถวข้าง ๆ มีคนเเซงคิว โดน จนท.ออกตั๋วด่าายับ เอ่อเค้าก็ดีนะ ไม่ให้เเซงคิว เรานึกว่า วัฒนธรรมเเซงคิวนี้เป็นเรื่องปกติ

*หน้าตาตั๋วรถไฟค่ะ ในที่สุดก็ได้มา รอนานมาก จะเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะว่า ตัวคนเดียว ไม่ได้ทำวีซ่าเป็นกลุ่มมา เรื่องเยอะทุกที่ทุกด่านค่ะ นอยดืเป็นระยะ ๆ ตื่นเต้นตลอดเวลา พี่ตำรวจ ทหาร จนท.รถไฟ มองแบบจับผิดเก่งงงงง...ทุกคนค่ะ อย่านอยด์ค่ะ เราไม่ได้ผิดอะไรนี่ ชะมะ ...ว่าด้วยเรื่องตั๋วรถไฟ ภาษาจีนจ้าเเม่ ... เดาค่ะ เท่านั้น วันที่ + เวลา พอเดาได้ แต่ รถไฟสาย number ที่เท่าไหร่ ไม่มีสิ ทำไง ต้องถามค้ะ ถามใครก็ได้ที่พอจะภาษาอังกฤษ กับเราได้ รถไฟมี 3 level นะคะ soft sleeper , hard sleeper, normal ไปค้นดูตามเนตได้เลยมีให้หมด จขกท.เลือก soft ค่ะ ดีสุดแพงสุด ราคา 1000 กว่าหยวนค่ะ คูณเอานะ เพราะเราอยู่บนรถไฟนานค่ะ ต้องนึกถึงความสบายในระดับหนึ่งนะ
ตอนนี้ 11น.ค่ะ รถไฟออกสามทุ่ม มีวัดจีนประจำเมืองอีกวัดหนึ่งใกล้ๆ สถานีรถไฟ เลยคิดว่านั่ง metro แป้บ ๆ ไปอีกสักหน่อยดีกว่า ฝากกระเป๋าเสร็จ (ที่ฝากกระเป๋าหาไม่ยากค่ะ ป้ายใหญ่มากกกกก ก็ safe อยู่นะ มีระบบ scan กระเป๋า ก่อนฝาก ค่าฝากไม่โหดค่ะ 100-200 บาท มาเอาตอนหกเย็นบอกเค้าว่างั้น
**ที่นี่ scan กระเป๋าทุกที่นะคะ ทุกจุด metro นี้ทุกครั้งที่เข้าเลยล่ะ จขกท. มีสามกระเป๋า ถอดเข้าถอดออกจนเพลีย 55+
ไปค่ะ ไปเที่ยววัดกัน ไม่ไกลค่ะ 5 นาทีถึง โผล่มาก็เดินอีก 200 เมตรถึงเลยค่ะ

*มีความเเบตมือถือจะหมด จะใช้เครื่องเติมแบตก็ไม่ได้ไม่มี app จ่ายเงินในจีนค่ะ เลยนี่เลย app อาม่าร้านขายของหน้าวัด พูดกันก้ไม่ได้ เราก็เดินไปหาละพูดว่า "อาม๊า / เอานี้ชี้ตัวเอง เเล้วทำสองนิ้งท่าเดินต้อกแต้ก ๆๆๆ เเล้วชี้ไปที่วัดด้านใน" เสร็จเเล้วก็ยื่นที่ชาร์ตแบตให้ พร้อมเงิน 5 หยวน เเล้วทำท่า สองนิ้วเดินกลับละชี้ที่ตัวเองเเละชี้ที่ power bank ละพูดว่า "โอเค้/ ยิ้มอ่อน" อาม่าพยักหน้า........รอดค่ะ งานนนี้

** รักนาง......

วัดนี้ Wenshu Monastery โชว์ใน google map เลยว่าใกล้ ๆ สถานีรถไฟ ไปง่ายมาก ๆ คนจะต่อคิวกันไปลูบสีทอง ๆ ตรงรั้วค่ะ ลูบตามรูปทรงของตัวอักษร เราก็ทำตามบ้าง เพื่อศิริมงคล คุ้มครองปลอดภัยการเดินทาง solo ของตัวเอง

**เที่ยวเรียบร้อยเดินกลับออกมาเพื่อขึ้น metro กลับไปที่สถานรถไฟค่ะ ก่อนกลับเห็นร้าน street food มีคนต่อคิวเยอะมาก ร้านอยู่ตรงก่อนลงรูเข้า metro ขากลับจากวัดเพื่อไปสถานีรถไฟเลยค่ะ เอาสะหน่อยค่ะ ไปต่อคิวกันค่ะ

ป้าคนขายน่ารักมาก เค้ารู้ว่าเราไม่ใช่คนจีน เค้าจะเเคร์เรามากว่าเราจะกินเผ็ดไม่ได้ เค้าจะใส่พริกให้น้อย ๆ เเละยิ้มให้ด้วยนะ นางอบอุ่นแบบเป็น mom น่ะค่ะ

* หน้าตาแบบนี้ล่ะค่ะ รสชาติ จืด ๆ เผ็ด ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ อารมณ์ เบอร์เกอร์บ้านเค้าล่ะ อร่อยอิ่ม ๆ เลย เสร็จเเล้วก็กลับฐานกันค่ะ ไปรอขึ้นรถไฟที่ยาวนานกัน ไปถึงก็ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ก่อน ละก็เดินเข้าอาคาร ผดส.กันค่ะ scan สองรอบ รั้วหน้าอาคารเเละก่อนเข้าโซนพักคอย scan รัวๆ ค่ะ พอเข้าไปจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เราสังเกตุเห็นป้ายคำว่า soft sleeper อ่อ ด้วย ซิ้กเซ้นส์ของเรา ใช่ละ ต้องใช่เเน่ ๆ ที่นี่ละที่พักคอยของเรา ตรงไปเลยค่ะ ยื่นตั๋วให้พนักงานเค้าเตอร์ ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ตะโกนเรียกกันมาสองสามสี่คน สรุปใช่ละ เข้าไปพักคอยได้ เราก็พยายามบอกเค้านะ หาคนที่พูดพอได้ ว่าเราต้องไปขึ้นตอนกี่โมง ช่วยมาบอกเราด้วยนะ เพราะว่าเราฟังภาษาจีนไม่ได้...

ห้องพักรอขึ้นรถไฟหรูหราตาม level ราคาค่ะ ส่วนด้านนอก เค้าจะเเบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่าง 4 โซน ชั้นบน 4 โซนเหมือนกันค่ะ มีของขายตามปกติ ทั่วไป มองออกไปนอกกระจกเห็นละค่ะ รถไฟที่จะขึ้นไปกัน ตื่นเต้นมาก นั่ง ๆ นอน ๆ หลับ ๆ ตื่น ๆ วนไปค่ะ พนักงานก็จะเรียกตามเที่ยวรถไฟ เราก็ลุกเดินไปหาเค้าทุกครั้ง ยื่นตั๋วให้ดูว่ายูเรียกไอไหม ใช่รถไอไหม ก็ไม่ใช่ เค้าก็จับสังเกตได้ล่ะ ว่าเราไม่รู้เรื่อง 55+ ทีนี้พอถึงตาเราต้องไปจริง ๆ เค้าเดินมาหาเลย เเละความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ปล.ที่พักคอยที่นี่มีห้องน้ำแบบโซนส่วนตัวเลยค่ะ ไม่ได้เจอส้วมในตำนานเเน่นอนค่ะ

*เกาะกระจกดูด้วยความตื่นเต้น
พนักงานมาเรียกเเละให้เราเดินลงไปใต้ดินอีกที เเละตะโกนบอกเราเป็นภาษาอังกฤษจีน ฟังได้ไม่ชัดเลย ห้ะ ไปสามรอบ สุดท้ายได้เเค่คำว่า "number 3 " เราฟังไม่เข้าใจจนนางชูนิ้วสามนิ้ว อ่อ number 3 โอเค วิ่งไปค่ะ เพราะคนเยอะ ไม่รู้ว่าต้องเดินไกลขนาดนี้เเละคนเยอะมากกกก อะไรคือ number 3 อาศัย ซิ้กเซ้นอีกเเล้ววว ช่อง 3 แน่ ๆ ภาพที่เห็นข้างหน้าคือโถงทางเดินใต้ดินเเละมีทางเเยกซ้ายขวาเต็มไปหมด เป็นบันไดขึ้นไปชั้นบนดิน ทุกคนต่างเดินเเยก ๆๆๆ อย่างเร็วเเละไม่สามารถถามใครได้ อีกอย่าง No farang ค่ะ ไม่มีที่พึ่งกันเลยทีเดียว

**กลับวิดิโอไม่เป็น ขออภัยด้วยค่ะ
เห็นเลขสามไหมคะ นั่นล่ะ ไปเลยค่ะ ขึ้นทันที โผล่พ้นดินมา งงไปอีก เพราะว่ามันมืดเเล้วเเละคนเยอะมาก พุ่งไปหาพนักงานรถไฟที่ยืนประจำช่องประตูทุกตู้รถไฟ พูดกันก็ไม่ได้ ยื่นตั๋วอย่างเดียวค่ะ เค้าก็ชี้ที่เลขในบัตร เลข 7 แต่ตู้ที่ตัวเองอยู่นี้ตู้เลข 14 เราก็ชี้ ๆ ว่าวิ่งไปข้างหน้าหรือวิ่งไปข้างหลัง วิ่งค่ะ

ในที่สุดก็เจอตู้เบอร์ 7 ค่ะ ........
ขึ้นรถไฟปุ้บ แบบนี้เลยค่ะ

นั่งลุ้นกันค่ะ ว่าเพื่อนร่วมเดินทางบนรถไฟ 40 กว่าชม. นี้ จะเป็นใคร .... ไม่มีว่างเเน่นอนค่ะ เต็มทุกครั้งที่เปิดขายตั๋วเดินทาง

*คนเเรกเป็นผญ.รุ่น ๆ น่าจะอ่อนกว่านิดหน่อย ดีใจละ มีเพื่อนสาว นางพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ ก็ชี้โบ้ชี้เบ้กันไป อาศัยยิ้มสยามอย่างเดียว

**มีรองเท้าเเจกด้วยนะคะ ก็ roommate นั่นล่ะ บอกให้ทำนั่นทำนี่ เเละก็มีอาจุมม่ากับสามีคู่นึง แต่เค้าขอแลกไปอยู่กับเพื่อน ๆ อีกห้อง เราก็ได้ roommate อีกคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ดีใจเลย คนนี้พูดอังกฤษได้ เค้าช่วยเราได้เยอะมากเลย จริง ๆ ลุ้นคนที่ 4 ค่ะ ..... ไม่มี !!! มีค่ะ เเต่เค้ามาเเค่มานอนเพราะไปอยุ่กับลูกอีกห้องนึง สบายเลยค่ะ .......

**โฉมหน้าเราสามคนที่จะต้องเเลกเปลี่ยน ภาษามือกันไป 40 กว่า ชม.จากนี้ไปค่ะ ^^....... ติดตามตอนต่อไปนะคะ
solo travel สู่ธิเบตดินแดนหลังคาโลกกันค่ะ 2
* ตั๋วรถไฟได้มายังไง ก็ไกด์ซื้อให้ค่ะ ต้องเป็นคนจีนซื้อให้นะ ลำพังซื้อเอง จริง ๆ ก็ได้นะ เเต่สุ่มเสี่ยงต่อการพลาดหรือโดนยกเลิกกลางอากาศได้ ดังนั้น ควรให้ agency ซื้อให้ค่ะ คิดบวกเพิ่มไปหลักร้อยเเต่ชัวร์จ้า เพราะว่า ตั๋วรถไฟนี้ เค้าประกาศก่อนเดินทาง 30 วันค่ะ ว่าเดือนไหนเค้าจะออกจากเฉิงตูวันคู่หรือวันคี่ (ยากไปอี๊กกกกก ยอมเค้าเถอะ ขอร้องง...) เค้าซื้อเสร็จเค้าจะส่งเลข booking number มาให้ค่ะ เราก็เเคปหน้าจอไว้ หรือจะปริ้นไว้ก็ได้ + permit visa ที่ปริ้นมาด้วยนะ + พาสปอร์ตของเรา (permit visa บางไกด์บางเจ้าเค้าจะนัดมาส่งให้เราที่ โรงเเรมค่ะ หรือจะส่งเมลมาให้เราปริ้นไว้ก็ได้ ตัวก้อปปี้ก็ใช้ได้ค่ะ นี่เชื่อใจไกด์อย่างเดียวเลย เพราะอ่านมาก่อนไปเค้าบอกว่าต้องตัวจริงเท่านั้น ไกด์บอก ไม่จำเป็น ตัว copy ก้ได้ เอาก็เอาวะ ค่อยว่ากัน !!!
*ภาพอาจจะรีบ ๆ หน่อยนะคะ เพราะว่า มารู้ทีหลังว่าพี่ตำรวจเค้าไม่ให้ถ่าย โดนเตือนล่ะ คือนางจะยืนบนหลังรถตู้ทหารค่ะ สอดส่องตลอดเวลา คือควบคุมตลอดเวลา
อาคารมีสองอาคารค่ะ โผล่มาจาก metro ใต้ดินก็เห็นใหญ่สองอาคารนี้ล่ะ อาคารออกตั๋ว กับอาคารพักรอขึ้นรถไฟ ใหญ่โตมาก เข้าไปยื่นตั๋วตามช่องแบบ งง ๆ ช่องยื่นตั๋วมีสัก 100 ช่องน่าจะได้ คือว่า เข้าช่องไหนก็ได้ค่ะ มั่ว ๆ ไปเลยยยยย 55+ ไม่มีอะไรจะเสียละนี่ ยื่นเอกสารที่เตรียมมาเเบบวัดดวง ถ้า จนท.บอกว่า permit visa ตัวจริงอยู่ไหน คือ จบบบบบ... ฝันสลายทุกอย่าง เค้าพูดภาษาอังกฤษกันได้น้อยมากค่ะ ต้องไปตามอีก คนเเละอีกคน ช่วงรอ แถวข้าง ๆ มีคนเเซงคิว โดน จนท.ออกตั๋วด่าายับ เอ่อเค้าก็ดีนะ ไม่ให้เเซงคิว เรานึกว่า วัฒนธรรมเเซงคิวนี้เป็นเรื่องปกติ
*หน้าตาตั๋วรถไฟค่ะ ในที่สุดก็ได้มา รอนานมาก จะเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะว่า ตัวคนเดียว ไม่ได้ทำวีซ่าเป็นกลุ่มมา เรื่องเยอะทุกที่ทุกด่านค่ะ นอยดืเป็นระยะ ๆ ตื่นเต้นตลอดเวลา พี่ตำรวจ ทหาร จนท.รถไฟ มองแบบจับผิดเก่งงงงง...ทุกคนค่ะ อย่านอยด์ค่ะ เราไม่ได้ผิดอะไรนี่ ชะมะ ...ว่าด้วยเรื่องตั๋วรถไฟ ภาษาจีนจ้าเเม่ ... เดาค่ะ เท่านั้น วันที่ + เวลา พอเดาได้ แต่ รถไฟสาย number ที่เท่าไหร่ ไม่มีสิ ทำไง ต้องถามค้ะ ถามใครก็ได้ที่พอจะภาษาอังกฤษ กับเราได้ รถไฟมี 3 level นะคะ soft sleeper , hard sleeper, normal ไปค้นดูตามเนตได้เลยมีให้หมด จขกท.เลือก soft ค่ะ ดีสุดแพงสุด ราคา 1000 กว่าหยวนค่ะ คูณเอานะ เพราะเราอยู่บนรถไฟนานค่ะ ต้องนึกถึงความสบายในระดับหนึ่งนะ
ตอนนี้ 11น.ค่ะ รถไฟออกสามทุ่ม มีวัดจีนประจำเมืองอีกวัดหนึ่งใกล้ๆ สถานีรถไฟ เลยคิดว่านั่ง metro แป้บ ๆ ไปอีกสักหน่อยดีกว่า ฝากกระเป๋าเสร็จ (ที่ฝากกระเป๋าหาไม่ยากค่ะ ป้ายใหญ่มากกกกก ก็ safe อยู่นะ มีระบบ scan กระเป๋า ก่อนฝาก ค่าฝากไม่โหดค่ะ 100-200 บาท มาเอาตอนหกเย็นบอกเค้าว่างั้น
**ที่นี่ scan กระเป๋าทุกที่นะคะ ทุกจุด metro นี้ทุกครั้งที่เข้าเลยล่ะ จขกท. มีสามกระเป๋า ถอดเข้าถอดออกจนเพลีย 55+
ไปค่ะ ไปเที่ยววัดกัน ไม่ไกลค่ะ 5 นาทีถึง โผล่มาก็เดินอีก 200 เมตรถึงเลยค่ะ
*มีความเเบตมือถือจะหมด จะใช้เครื่องเติมแบตก็ไม่ได้ไม่มี app จ่ายเงินในจีนค่ะ เลยนี่เลย app อาม่าร้านขายของหน้าวัด พูดกันก้ไม่ได้ เราก็เดินไปหาละพูดว่า "อาม๊า / เอานี้ชี้ตัวเอง เเล้วทำสองนิ้งท่าเดินต้อกแต้ก ๆๆๆ เเล้วชี้ไปที่วัดด้านใน" เสร็จเเล้วก็ยื่นที่ชาร์ตแบตให้ พร้อมเงิน 5 หยวน เเล้วทำท่า สองนิ้วเดินกลับละชี้ที่ตัวเองเเละชี้ที่ power bank ละพูดว่า "โอเค้/ ยิ้มอ่อน" อาม่าพยักหน้า........รอดค่ะ งานนนี้
** รักนาง......
วัดนี้ Wenshu Monastery โชว์ใน google map เลยว่าใกล้ ๆ สถานีรถไฟ ไปง่ายมาก ๆ คนจะต่อคิวกันไปลูบสีทอง ๆ ตรงรั้วค่ะ ลูบตามรูปทรงของตัวอักษร เราก็ทำตามบ้าง เพื่อศิริมงคล คุ้มครองปลอดภัยการเดินทาง solo ของตัวเอง
**เที่ยวเรียบร้อยเดินกลับออกมาเพื่อขึ้น metro กลับไปที่สถานรถไฟค่ะ ก่อนกลับเห็นร้าน street food มีคนต่อคิวเยอะมาก ร้านอยู่ตรงก่อนลงรูเข้า metro ขากลับจากวัดเพื่อไปสถานีรถไฟเลยค่ะ เอาสะหน่อยค่ะ ไปต่อคิวกันค่ะ
ป้าคนขายน่ารักมาก เค้ารู้ว่าเราไม่ใช่คนจีน เค้าจะเเคร์เรามากว่าเราจะกินเผ็ดไม่ได้ เค้าจะใส่พริกให้น้อย ๆ เเละยิ้มให้ด้วยนะ นางอบอุ่นแบบเป็น mom น่ะค่ะ
* หน้าตาแบบนี้ล่ะค่ะ รสชาติ จืด ๆ เผ็ด ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ อารมณ์ เบอร์เกอร์บ้านเค้าล่ะ อร่อยอิ่ม ๆ เลย เสร็จเเล้วก็กลับฐานกันค่ะ ไปรอขึ้นรถไฟที่ยาวนานกัน ไปถึงก็ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ก่อน ละก็เดินเข้าอาคาร ผดส.กันค่ะ scan สองรอบ รั้วหน้าอาคารเเละก่อนเข้าโซนพักคอย scan รัวๆ ค่ะ พอเข้าไปจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เราสังเกตุเห็นป้ายคำว่า soft sleeper อ่อ ด้วย ซิ้กเซ้นส์ของเรา ใช่ละ ต้องใช่เเน่ ๆ ที่นี่ละที่พักคอยของเรา ตรงไปเลยค่ะ ยื่นตั๋วให้พนักงานเค้าเตอร์ ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ตะโกนเรียกกันมาสองสามสี่คน สรุปใช่ละ เข้าไปพักคอยได้ เราก็พยายามบอกเค้านะ หาคนที่พูดพอได้ ว่าเราต้องไปขึ้นตอนกี่โมง ช่วยมาบอกเราด้วยนะ เพราะว่าเราฟังภาษาจีนไม่ได้...
ห้องพักรอขึ้นรถไฟหรูหราตาม level ราคาค่ะ ส่วนด้านนอก เค้าจะเเบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่าง 4 โซน ชั้นบน 4 โซนเหมือนกันค่ะ มีของขายตามปกติ ทั่วไป มองออกไปนอกกระจกเห็นละค่ะ รถไฟที่จะขึ้นไปกัน ตื่นเต้นมาก นั่ง ๆ นอน ๆ หลับ ๆ ตื่น ๆ วนไปค่ะ พนักงานก็จะเรียกตามเที่ยวรถไฟ เราก็ลุกเดินไปหาเค้าทุกครั้ง ยื่นตั๋วให้ดูว่ายูเรียกไอไหม ใช่รถไอไหม ก็ไม่ใช่ เค้าก็จับสังเกตได้ล่ะ ว่าเราไม่รู้เรื่อง 55+ ทีนี้พอถึงตาเราต้องไปจริง ๆ เค้าเดินมาหาเลย เเละความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ปล.ที่พักคอยที่นี่มีห้องน้ำแบบโซนส่วนตัวเลยค่ะ ไม่ได้เจอส้วมในตำนานเเน่นอนค่ะ
*เกาะกระจกดูด้วยความตื่นเต้น
พนักงานมาเรียกเเละให้เราเดินลงไปใต้ดินอีกที เเละตะโกนบอกเราเป็นภาษาอังกฤษจีน ฟังได้ไม่ชัดเลย ห้ะ ไปสามรอบ สุดท้ายได้เเค่คำว่า "number 3 " เราฟังไม่เข้าใจจนนางชูนิ้วสามนิ้ว อ่อ number 3 โอเค วิ่งไปค่ะ เพราะคนเยอะ ไม่รู้ว่าต้องเดินไกลขนาดนี้เเละคนเยอะมากกกก อะไรคือ number 3 อาศัย ซิ้กเซ้นอีกเเล้ววว ช่อง 3 แน่ ๆ ภาพที่เห็นข้างหน้าคือโถงทางเดินใต้ดินเเละมีทางเเยกซ้ายขวาเต็มไปหมด เป็นบันไดขึ้นไปชั้นบนดิน ทุกคนต่างเดินเเยก ๆๆๆ อย่างเร็วเเละไม่สามารถถามใครได้ อีกอย่าง No farang ค่ะ ไม่มีที่พึ่งกันเลยทีเดียว
**กลับวิดิโอไม่เป็น ขออภัยด้วยค่ะ
เห็นเลขสามไหมคะ นั่นล่ะ ไปเลยค่ะ ขึ้นทันที โผล่พ้นดินมา งงไปอีก เพราะว่ามันมืดเเล้วเเละคนเยอะมาก พุ่งไปหาพนักงานรถไฟที่ยืนประจำช่องประตูทุกตู้รถไฟ พูดกันก็ไม่ได้ ยื่นตั๋วอย่างเดียวค่ะ เค้าก็ชี้ที่เลขในบัตร เลข 7 แต่ตู้ที่ตัวเองอยู่นี้ตู้เลข 14 เราก็ชี้ ๆ ว่าวิ่งไปข้างหน้าหรือวิ่งไปข้างหลัง วิ่งค่ะ
ในที่สุดก็เจอตู้เบอร์ 7 ค่ะ ........
ขึ้นรถไฟปุ้บ แบบนี้เลยค่ะ
นั่งลุ้นกันค่ะ ว่าเพื่อนร่วมเดินทางบนรถไฟ 40 กว่าชม. นี้ จะเป็นใคร .... ไม่มีว่างเเน่นอนค่ะ เต็มทุกครั้งที่เปิดขายตั๋วเดินทาง
**มีรองเท้าเเจกด้วยนะคะ ก็ roommate นั่นล่ะ บอกให้ทำนั่นทำนี่ เเละก็มีอาจุมม่ากับสามีคู่นึง แต่เค้าขอแลกไปอยู่กับเพื่อน ๆ อีกห้อง เราก็ได้ roommate อีกคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ดีใจเลย คนนี้พูดอังกฤษได้ เค้าช่วยเราได้เยอะมากเลย จริง ๆ ลุ้นคนที่ 4 ค่ะ ..... ไม่มี !!! มีค่ะ เเต่เค้ามาเเค่มานอนเพราะไปอยุ่กับลูกอีกห้องนึง สบายเลยค่ะ .......
**โฉมหน้าเราสามคนที่จะต้องเเลกเปลี่ยน ภาษามือกันไป 40 กว่า ชม.จากนี้ไปค่ะ ^^....... ติดตามตอนต่อไปนะคะ