https://www.share2trade.com/index.php?mod=news&file=view&id=5814
บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยถึงผลประกอบการสิ้นปี 2562 ปรากฎว่ามีกำไรสุทธิ 2,137.108 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0781 บาท เปรียบเทียบจากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 1,045.433 บาท กำไรต่อหุ้น 0.0382 บาท
บริษัทชี้แจงผลการดําเนินงานประจําปี สิ้นสุดวันที่ 31ธันวาคม 2562ทีเปลยีนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20ดังนี้
(1) รายได้จากการขายและรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพมิราคารับซื้อไฟฟ้า ปี 2562บริษัทมีรายได้จากการขายและรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจํานวน 6,128.11ล้านบาท เพิ่มขึ้น จํานวน 539.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.65 เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก – บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น จํานวน 398.59 ล้านบาท จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศเวียดนาม จํานวนรวม 4 โครงการ กําลังการผลติรวม 186.72 เมกกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ เมื่อช่วงปลาย เดือนมิถุนายน 2562ทีผ่านมา - การรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจํานวน 196.64 ล้านบาท ของโครงการโรงไฟฟ้าพลงังานความร้อนจากขยะอุตสาหกรรม ของ บริษัท กรีน พาวเวอร์ เอ็นเนอร์จี จํากัด (GPE)ซึงได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 – การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายน้ำประปาและน้ำดิบ จํานวน 44.35 ล้านบาทของบริษัทซุปเปอร์ วอเตอร์ จํากัด (SW)และ บริษัท กิจการร่วมค้า ไทยพานิชนาวา ก่อสร้าง และ แหล่งน้ำไทย จํากัด(JVTPN)ซึง SUPERได้เข้าซื้อ ธุรกิจเมือ 28มิถุนายน 2562
(2) กําไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลยีนเงินตราต่างประเทศ - สุทธิ ปี 2562บริษัทมี ขาดทนุจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ –สุทธิ จํานวน 88.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 101.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 828.12เมือเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการให้กู้ยืมเงินไปยังบริษัท ย่อยในต่างประเทศและการเกิดสภาวะเงินบาทแข็งตัวในช่วงปลายปีส่งผลให้เกิดผลต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจํานวนมากทั้งนี้ ผลขาดทนุจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวเป็นการแสดงตัวเลขทางบัญชีเท่านนั้น
(3) กําไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ปี 2562 บริษัทมีกําไรจากการจําหน่ายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานจํานวน 1,289.92 ล้านบาทโดยเกิดจาก การโอนรายได้สุทธิจากการดําเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิง จํากัด (17AYH) และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จํากัด (HPM) จํานวน 19 โครงการ รวม 118เมกกะวัตต์ไปยังกองทุนรวม โครงสร้างพนืฐาน โรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF)เมื่อวันที่ 14สิงหาคม 2562
(4) รายได้ออื่น ปี 2562 บริษัทมีรายได้อื่นจํานวน 130.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 81.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 168.25 เมือ เทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก – การปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากการให้กู้ยืมแก่บริษัทแห่งหนึ่ง จํานวน 44.98 ล้านบาท (การให้กู้ยืมนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2562เมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2562) – ดอกเบี้ยรับจากสถาบันการเงิน จํานวน 21.45 ล้านบาท – รายได้ค่าเช่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการให้เช่าทีดินแก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่เริ่มรับร้รายได้ในปี 2562 จํานวน 12.24 ล้านบาท
(5) ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ปี 2562บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจํานวน 567.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 62.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.29 เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ – ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น จํานวน 47.23 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2562 บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยัง ต่างประเทศ จึงทําให้ต้องดําเนินการว่าจ้างพนักงานทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายการ ลงทุนดังกล่าว - ค่าเช่าเพิ่มขึ้น จํานวน 16.75 ล้านบาท จากค่าเช่าที่ดินของธุรกิจขายน้ำประปาและน้ำดิบ จํานวน 9.5 ล้านบาท และค่าเช่าสำนักงานในต่างประเทศ เป็นจํานวนเงิน 5.0 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2563 มีมติให้เสนอต่อทีประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้จัดสรรกําไรสุทธิ ประจําปี 2562 จากงบ การเงินเฉพาะกิจการ ไว้เป็นทุนสํารองตามกฎหมาย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของกําไรสุทธิประจําปีหลังหักขาดทุนสะสมยกมา และพิจารณาอนุมัติให้งดจ่ายเงินปันผลสําหรับการดําเนินงานประจําปี 2562เนื่องจากบริษัทต้องการสํารองเงินลงทุนไว้ เพื่อการขยายธุรกิจในอนาคต
พร้อมกันนี้ได้ มีมติให้เสนอต่อทีประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ โดยมีมูลค่า เสนอขาย ไม่เกิน 7,500,000,000บาท (เจ็ดพนัห้าร้อยล้านบาท) หรือเทียบเท่า โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจทั่วไป และ/หรือ ชําระคืนเงินกู้และ/หรือ ใช้ในการลงทุนของบริษัทและ บริษัทย่อย และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและบริษัทย่อย หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ตามทีคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร
SUPER งบสุดหรูกำไรแตะ 2,137 ลบ. ขอมติผถห.ออกหุ้นกู้ 7.5 พันลบ.
บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยถึงผลประกอบการสิ้นปี 2562 ปรากฎว่ามีกำไรสุทธิ 2,137.108 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0781 บาท เปรียบเทียบจากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 1,045.433 บาท กำไรต่อหุ้น 0.0382 บาท
บริษัทชี้แจงผลการดําเนินงานประจําปี สิ้นสุดวันที่ 31ธันวาคม 2562ทีเปลยีนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20ดังนี้
(1) รายได้จากการขายและรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพมิราคารับซื้อไฟฟ้า ปี 2562บริษัทมีรายได้จากการขายและรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจํานวน 6,128.11ล้านบาท เพิ่มขึ้น จํานวน 539.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.65 เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก – บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น จํานวน 398.59 ล้านบาท จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศเวียดนาม จํานวนรวม 4 โครงการ กําลังการผลติรวม 186.72 เมกกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ เมื่อช่วงปลาย เดือนมิถุนายน 2562ทีผ่านมา - การรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจํานวน 196.64 ล้านบาท ของโครงการโรงไฟฟ้าพลงังานความร้อนจากขยะอุตสาหกรรม ของ บริษัท กรีน พาวเวอร์ เอ็นเนอร์จี จํากัด (GPE)ซึงได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 – การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายน้ำประปาและน้ำดิบ จํานวน 44.35 ล้านบาทของบริษัทซุปเปอร์ วอเตอร์ จํากัด (SW)และ บริษัท กิจการร่วมค้า ไทยพานิชนาวา ก่อสร้าง และ แหล่งน้ำไทย จํากัด(JVTPN)ซึง SUPERได้เข้าซื้อ ธุรกิจเมือ 28มิถุนายน 2562
(2) กําไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลยีนเงินตราต่างประเทศ - สุทธิ ปี 2562บริษัทมี ขาดทนุจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ –สุทธิ จํานวน 88.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 101.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 828.12เมือเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการให้กู้ยืมเงินไปยังบริษัท ย่อยในต่างประเทศและการเกิดสภาวะเงินบาทแข็งตัวในช่วงปลายปีส่งผลให้เกิดผลต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจํานวนมากทั้งนี้ ผลขาดทนุจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวเป็นการแสดงตัวเลขทางบัญชีเท่านนั้น
(3) กําไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ปี 2562 บริษัทมีกําไรจากการจําหน่ายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานจํานวน 1,289.92 ล้านบาทโดยเกิดจาก การโอนรายได้สุทธิจากการดําเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิง จํากัด (17AYH) และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จํากัด (HPM) จํานวน 19 โครงการ รวม 118เมกกะวัตต์ไปยังกองทุนรวม โครงสร้างพนืฐาน โรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF)เมื่อวันที่ 14สิงหาคม 2562
(4) รายได้ออื่น ปี 2562 บริษัทมีรายได้อื่นจํานวน 130.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 81.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 168.25 เมือ เทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก – การปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากการให้กู้ยืมแก่บริษัทแห่งหนึ่ง จํานวน 44.98 ล้านบาท (การให้กู้ยืมนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2562เมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2562) – ดอกเบี้ยรับจากสถาบันการเงิน จํานวน 21.45 ล้านบาท – รายได้ค่าเช่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการให้เช่าทีดินแก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่เริ่มรับร้รายได้ในปี 2562 จํานวน 12.24 ล้านบาท
(5) ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ปี 2562บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจํานวน 567.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 62.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.29 เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ – ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น จํานวน 47.23 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2562 บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยัง ต่างประเทศ จึงทําให้ต้องดําเนินการว่าจ้างพนักงานทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายการ ลงทุนดังกล่าว - ค่าเช่าเพิ่มขึ้น จํานวน 16.75 ล้านบาท จากค่าเช่าที่ดินของธุรกิจขายน้ำประปาและน้ำดิบ จํานวน 9.5 ล้านบาท และค่าเช่าสำนักงานในต่างประเทศ เป็นจํานวนเงิน 5.0 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2563 มีมติให้เสนอต่อทีประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้จัดสรรกําไรสุทธิ ประจําปี 2562 จากงบ การเงินเฉพาะกิจการ ไว้เป็นทุนสํารองตามกฎหมาย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของกําไรสุทธิประจําปีหลังหักขาดทุนสะสมยกมา และพิจารณาอนุมัติให้งดจ่ายเงินปันผลสําหรับการดําเนินงานประจําปี 2562เนื่องจากบริษัทต้องการสํารองเงินลงทุนไว้ เพื่อการขยายธุรกิจในอนาคต
พร้อมกันนี้ได้ มีมติให้เสนอต่อทีประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ โดยมีมูลค่า เสนอขาย ไม่เกิน 7,500,000,000บาท (เจ็ดพนัห้าร้อยล้านบาท) หรือเทียบเท่า โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจทั่วไป และ/หรือ ชําระคืนเงินกู้และ/หรือ ใช้ในการลงทุนของบริษัทและ บริษัทย่อย และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและบริษัทย่อย หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ตามทีคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร