[CR] " วันทอง " *** Hoi An basket boat and Da Nang Bana Hills 2019 - 2020 เรือกระด้งฮอยอัน บานาฮิลล์ ***

ครั้งแรกของการเดินทางไปต่างประเทศ เลือกไปประเทศที่คนไทยไปเยอะ อย่างเวียดนาม ทดลองไปเองเลย คนเราต้องมีครั้งแรก จะมั่วแค่ไหนตามมาดูกันทุกคน

วางแผนการเดินทางไว้ปี 62 รู้แค่ว่าอยากไป บานาฮิลล์ เพราะมันทั้งสวย ทั้งหนาว มีหมอก แถมยังได้นั่งกระเช้ายาวๆอีก เลือกเดินทางไป ดอนเมือง-ฮอยอัน-ดานัง เพราะเราไม่ใช่สายประวัติศาสตร์ ดังนั้นเมืองเว้จึงถูกตัดออกโดยปริยาย จองตั๋วโปรแอร์เอเชีย 0 บาท ดอนเมือง-ดานัง ได้มาในราคาเที่ยวละ 1350 บาท ก็ไม่ถูกเท่าไร เราเลือกบินไฟล์ทกลางวัน เครื่องออก 10.25 น. ขากลับ 12.40 น. เพราะขี้เกียจตื่นแต่เช้า บินกลางวันท้องฟ้าสดใส เครื่องบินสบาย ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจเหมือนตอนที่บินวันสภาพอากาศแปรปรวน

ถึงวันเดินทางจริง เราไปจอดรถอยู่ใต้อาคาร 1  สำหรับคนที่ไปเต็มวันโดยวันสุดท้ายเหลือเศษชั่วโมงตั้งแต่ 8 ชั่วโมงเป็นต้นไป หรือคนที่ขับรถไม่เก่ง แนะนำให้ใช้บริการ valetparkingdonmueang  เพราะบวกเพิ่มอีก 100 บาท แต่สบายกว่ากันเยอะ เอารถไปจอดสวยๆ ใช้เวลาไม่นาน แถมขากลับรถยังมารอเราอีก ประหยัดเวลาไปเยอะ ไม่ต้องกลัวรถโดนเฉี่ยวชน อย่างไรก็ตาม ไฟล์ทของเราวันสุดท้ายจะเหลือเศษ 7 ชั่วโมง หากจอดตามที่จอดปกติของท่าอากาศยานดอนเมือง จะได้รับการคิดราคาตามชั่วโมง แต่ถ้าใช้บริการรับฝากรถ เศษวันสุดท้ายเกินมาแค่ชั่วโมงเดียว เขาก็นับเป็น 1 วัน 250 บาท ไม่คุ้ม เราจึงเลือกจอดปกติไปก่อน โชคดีว่าได้ที่จอดดี อยู่ด้านในสบายใจหายห่วง ฝากถึงคนที่จอดรถด้านในแล้วมีคนมาจอดซ้อนดึงเบรกมือ ไม่ต้องกลัวนะเคยแล้ว เจ้าหน้าที่เขาเอาแม่แรงมายกให้เลย บริการจบภายใน 20 นาที

พอได้ที่จอดรถก็เดินไปหาข้าวเช้าทาน เราเดินย้อนกลับไปทางทิศเหนือ มาแวะอยู่ที่ Magic food point มีร้านอาหาร เช่น ร้านข้าวมันไก่ ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมไทย ราคาเหมือนฟู้ดคอร์ทตามบิ๊กซีโลตัสเลย ช่วงที่ไปเดือนกุมภาพันธ์มีโปรโมชั่นลดราคา เราได้ข้าวมันไก่กับราดหน้า มาในราคาจานละ 30 บาท แถมน้ำเปล่าฟรีบริการตัวเอง สรุปค่าเสียหายไป 90 บาท รู้สึกคุ้มค่ากว่าตอนที่ไปทานแมคโดนัลด์ในสนามบินครั้งก่อนมาก หมดไป 300 แถมไม่อร่อยเลย --- 

เมื่อท้องอิ่มก็กลับมาเช็คอินกับสายการบินที่เราคุ้นเคย เคาน์เตอร์แอร์เอเชียเด่นเป็นสง่าอยู่แถวที่ 1 และ 2 ปกติเราจะไม่ค่อยได้มาเท่าไร เนื่องจากชอบเช็คอินออนไลน์แล้วปริ๊นท์ boarding pass มาจากบ้าน วิ่งขึ้นเครื่องกันหูดับตับไหม้ แต่คราวนี้ต้องการใช้สิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพแอร์เอเชีย ในการโหลดกระเป๋าและเลือกที่นั่ง พนักงานแนะนำให้นั่งแถว 1 ทดลองนั่งดู อืม ดีนะ กว้างดี แถมวันที่บินรู้สึกส่วนตัวมาก เพราะสายการบินดันผู้โดยสารไปด้านหลังปีกหมด หลังโหลดกระเป๋าเสร็จ ผ่านด่านประทับตรา ก็ได้มาทดลองใช้บริการเลาน์จของคิงพาวเวอร์ ตอนนั้นสมัครไว้  ก็เดินตามหาอยู่ตรงที่รับของดิวตี้ฟรี เข้าไปใช้บริการโซนด้านนอก มีข้าวต้ม น้ำนมกาแฟ และขนมเค้กนิดหน่อย ไม่ได้ใช้บริการ TheAtlasClub  ไม่ทราบเงื่อนไข ท่านใดรู้ช่วยบอกเป็นพระคุณ 
รอเพียงไม่นานก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง สุดพลาดที่ไม่ได้ช้อปกับคิงพาวเวอร์ ของถูกจริงๆ เครื่องบินบินเพียง 1 ชั่วโมง 40 นาทีก็ถึงสนามบินนานาชาติดานัง ไม่ใหญ่มาก ความรู้สึกเหมือนกระบี่ พองวงช้างมารับเราเดินเข้าไปถึงด่านตม. ก็เข้าแถว แบ่งเป็นสำหรับลูกเรือ ชาวเอเชีย และผู้โดยสารทุกคน ใช้เวลาต่อแถวปั๊มตราอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย ยื่นพาสปอร์ต ดูหน้า ประทับตรา เสร็จแล้วครับ โอเคไปกันได้ ในสนามบินไม่มีอะไรที่เป็นจุดเด่น เดินแป้บเดียวก็ถึงทางออก 

มาถึงขั้นตอนต่อไปก็คือ การซื้อซิม เราเลือกใช้บริการ Vinaphone ผ่าน Klook ราคาตอนที่ซื้อ 168 บาท ถูกกว่าซื้อที่สนามบินตั้ง 8 ดอลล่า ออกมาแล้วเดินแล้วซ้ายไปรับซิมที่ร้านกาแฟ พอไปถึงยื่นเวาเชอร์ให้น้องเขาเอาไปยิง QR code เราซื้อซิม 2 แบบ แบบแรก เน็ต 5 GB บวกโทร 1000 นาที แบบที่สอง เน็ตล้วน 7 GB ราคาเท่ากัน เมื่อได้ซิมมาก็จัดการเปลี่ยนมันที่ร้านเลย ที่ร้านมีเข็มจิ้มซิมให้พร้อม พอใส่ซิมปั๊บสัญญาณขึ้นเต็มปุ๊บเลย ทดลองโทรลองเล่นเน็ต ใช้ได้ดี จึงค่อยเดินมาหารถไปโรงแรมต่อ ขอบอกว่า Vinaphone นั้นสัญญาณดีมาก ขึ้นบนบานาฮิลล์ก็ยังแรง การใช้เน็ตไม่มีสะดุดเลย 4 วันที่เวียดนามเน็ตที่ซื้อมานั้นเหลือเพียบเลย เพราะเอาเข้าจริงใช้ไม่เยอะ แถมที่โรงแรมก็มี wifi ให้ใช้   สำหรับคนที่ยังต้องติดต่องานกับที่เมืองไทยนั้น แนะนำให้ใช้บริการ wifi calling โดยมีหลายค่ายทั้ง dtac, ais, true ของเราใช้ dtac วิธีใช้ก็ไม่ยุ่งยาก แค่มีโทรศัพท์ 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งใส่ซิมเวียดนาม อีกเครื่องหนึ่งใส่ซิม dtac วิธีทำ 1.โหลดแอพ dtac call 2. ลงทะเบียนตั้งแต่ที่เมืองไทย 3. เปิดโหมดเครื่องบินเมื่อไปถึงเวียดนาม 4.เปิดรับ wifi 5. กดโทรออกรับสายผ่านแอพ dtac call ไม่ต้องกดรหัสประเทศ เหมือนอยู่ไทยเลย จบเรื่องโทรศัพท์ไป

เลี้ยวกลับมาที่หน้าประตูทางออก ก็เตรียมขึ้นรถไปโรงแรมเลย เงินดองเราแลกเตรียมพร้อมมาจากไทยแล้ว โรงแรมที่เราจองไว้ที่ฮอยอันชื่อ Ivy Hotel ทางโรงแรมมีบริการรถรับส่งที่สนามบินด้วย โดยเราแชทผ่านทาง agoda ตกลงราคากันที่ 300,000 ดอง ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพงเลย มองออกไปมีคนขับรถยืนชูป้ายชื่อเราอยู่ จัดการเดินตามข้ามถนนไปยังลานจอดรถ เท่าที่อ่านมาเวียดนามเขาไม่อนุญาตให้เราเช่ารถขับเองเหมือนเมืองไทยนะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแนะนำเข้ามาได้ แต่ถึงอย่างไรการขับรถในประเทศนี้ก็ยากอยู่ดี ทั้งพวงมาลัยซ้าย ผู้คนขับรถตามใจฉัน ใครอยากไปก็ไป แต่คนเวียดนามก็ขับรถตามวินัยมากนะ ในเมืองขับ 60 นอกเมืองขับ 90 จักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อคทุกคัน ถึงว่าอุบัติเหตุแทบไม่มี แถมรถยังไม่ติดอีกต่างหาก 

สนามบินดานังห่างจากฮอยอันประมาณ 30 กม. ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ในความรู้สึกก็ไม่ช้านะ ตอนอ่านรีวิวนั้นจินตนาการไปว่ามันจะช้ากว่านี้มาก เผื่อเวลาไว้เป็นชั่วโมง สรุปว่ามาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้ ไปถึงโรงแรมจ่ายเงินค่ารถ เข้าเช็คอิน พนักงานต้อนรับน่ารักมาก สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี (ดีกว่าเราอีก) ห้องพักสะอาดเหมือนรูปที่ขึ้นบนเว็บอโกด้า ราคาไม่แพงเลย ประมาณ 380,000 ดอง หน้าโรงแรมเป็นร้านขายขนมปังเวียดนาม หรือ บันหมี่ มาถึงก็ชิมเลยอร่อยดี ระหว่างรอเวลา เราไปเดินเล่นถนนคนเดินฮอยอัน เงียบสงัด เหมือนอัมพวาวันธรรมดางั้นแหละ ได้หมวกเวียดนามมา 1 ใบ แบบมีลายปัก 50,000 ดอง
ประมาณบ่ายสามโมง เราก็นัดให้ทัวร์เรือกระด้งมารับ เราใช้บริการทัวร์ของ**** Green Coconut tour**** ซึ่งเราค้นไปเจอเพจของเขา ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อทัวร์มาก โดยตกลงราคารถรับส่งรวมค่าทัวร์แล้วอยู่ที่ 2 คน 320,000 ดอง รับประกันว่าเจ้านี้ถูกและดี เราติดต่อกับทัวร์โดยตรงผ่าน Line id: greencoconut   รอไม่นานนักทางทัวร์ส่งเลขทะเบียนรถมาทางไลน์บอกว่ามาถึงหน้าโรงแรมแล้ว เราออกไปก็พบว่ารถวีออสจอดรออยู่ รถใหม่สะอาด จุดลงเรือห่างจากที่โรงแรมประมาณ 7 กม. ใช้เส้นทางผ่านถนนในฮอยอัน คุ้มมากเหมือนเราได้นั่งรถชมวิวคาเฟ่ในฮอยอันไปด้วย บ้านเรือนสีเหลืองสวยงาม สักพักรถก็ขับออกมาโซนหมู่บ้านชนบท นาข้าวสีเขียว จากนั้นก็เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน หน้าหมู่บ้านมีป้ายบ่งบอกว่าเป็นหมู่บ้านที่ทำอาชีพทัวร์เรือกระด้ง เมื่อไปถึงไกด์คุณลุงก็เดินนำไปลงเรือ เป็นท่าเรือไม้เล็กๆ มองไปเป็นป่าจาก ที่นั่นเขาเรียกกันว่า coconut tree มีการเลี้ยงปลาในกระชัง มองออกไปด้านหน้าเป็นปากอ่าว มีเรือประมงชาวบ้านจอดอยู่เรียงรายริมฝั่ง น้ำที่นี่ใสมากๆ ส่วนที่ตื้นมองเห็นพื้นเลยทีเดียว พายออกไปเพียงไม่นาน ลุงก็พาเราไปเจอกับทัวร์เจ้าอื่น ซึ่งทำให้การพายเรือเป็นเรื่องสนุก มีการเปิดเพลงลำโพงใหญ่แดนซ์กันจริงจัง มีโชว์ควงเรือกระด้ง สนุกสนานกันมากเวลาให้นักท่องเที่ยวไปร่วมกิจกรรม ขนาดเราแค่นั่งมองยังสนุกเลย วิธีการพายเรือกระด้งจะแตกต่างจากเรือปกติ คือเป็นการวาดใบพายกลับไปมา เพราะหากพายไปทางเดียวเรือจะหมุนวน ก่อนจะจบทริปลุงพาเราไปจุดถ่ายรูป เป็นดงต้นจากที่ถูกตัดใบไปบางส่วน ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปยืนถ่ายรูป คิดในใจก็แปลกดี เวลาผ่านไปลุงพาเรากลับมาส่งยังจุดเดิม มีแตงโมมาให้ทานก่อนส่งเรานั่งรถกลับโรงแรม แตงโมที่นี่เหนียวๆยังไงไม่รู้ 

กลับมานอนพักที่โรงแรม รอจนแสงอาทิตย์เริ่มถดถอยไป และแสงจากโคมไฟเข้ามาแทนที่ ก็ถึงเวลาออกเดินตระเวนหาของอร่อยที่คนถนนเดินฮอยอัน จากโรงแรมเดินข้ามถนนไปแค่ 50 เมตร ผู้คนพลุกพล่านมากๆ นักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ คนไทยเองก็เยอะ เริ่มต้นด้วยพิซซ่าเวียดนาม แป้งบางกรอบ ราดมาด้วยซอสพริก รู้สึกเหมือนกินเครปหอยทอดเลย หมูพันใบชะพลูไม้เล็กๆ 3 ไม้ ราคาอย่างละ 50,000 ดอง เดินไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่มุมถ่ายรูปสุดฮิต นั่นก็คือร้านขายโคมไฟ ใครจะถ่ายรูปก็มีเสียเงินกันเล็กน้อย ไม่เห็นคนซื้อนะ มีแต่ถ่ายรูปแล้วก็ออกมา โคมไฟที่เป็นไม้สาน เจ้าของร้านสาธิตให้ดูว่ามันสามารถพับให้แบนแล้วกลับเป็นรูปเดิมได้ด้วย เจ๋งดี หลังจากเดินเล่นจนเพลินใจ ก็ได้เวลาจริงจังกับร้านอาหารเวียดนาม เราเลือกร้าน  Morning glory signature เนื่องจากอยู่ฝั่งเดียวกับที่เราเดิน ร้านนี้เป็นร้าน open air ฝรั่งนั่งกันเยอะ เข้าไปนั่งไม่ทานพนักงานสาวเวียดนามน่ารักก็เข้ามารับออเดอร์ สั่งไป 3 อย่าง เป็นปอเปี๊ยะกรอบ ปอเปี๊ยะที่เป็นชุดมีเส้นหมี่ลวก และผักเคียง สุดท้ายเป็นหมี่ขวาง (Mi quang) บะหมี่ทะเลเวียดนาม ประทับใจความกรอบของปอเปี๊ยะ กรอบสะใจดีจริงๆ ของหวานปิดท้ายเป็นช็อกโกแลตมูส ราคาเพียง 50,000 ดอง อร่อยมาก ขนมเค้กร้านนี้ส่วนใหญ่เป็นชีสเค้ก ท่าทางน่าอร่อยแต่ต้องขอหยุดไว้ก่อนเพราะตอนนี้ท้องแน่นมาก สรุปราคาค่าอาหารหมดไปประมาณ 5 แสนกว่าดอง ไม่แพงเลยถ้าเทียบกับที่ไทย ก่อนจะกลับโรงแรม ยังอุตส่าห์แวะด้านหน้า เป็นร้านข้าวไก่ (Chicken rice) สั่งมาลองชิม 1 จาน ราคา 30,000 ดอง ข้าวสีเหลืองเหมือนข้าวหมกไก่ มีเนื้อไก่ฉ่ำๆวางด้านบน หลังจากมื้อนี้จะจดจำ ว่าข้าวเวียดนามนั้นแตกต่างจากเมืองไทย (แข็ง)

กินอิ่มนอนหลับผ่านไปวันแรกที่เวียดนาม ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าของโรงแรมแบบง่ายๆ เป็นขนมปังแฮมสลัดผัก โยเกิร์ต เช้าแล้วแดดมาก็ได้เวลาไปเดินเล่นถ่ายรูปอีกรอบ เข้าไปในดงคาเฟ่สีเหลืองและสถานที่สุดฮิตอย่าง สะพานญี่ปุ่น ด่านที่ต้องซื้อตั๋วเข้าจะอยู่บนสะพานนะ ส่วนด้านนอกก็เดินกันทั่ว ไม่มีใครมาคอยเก็บเงิน คนไทยนั้นเยอะจริงๆ ใครที่มากับทัวร์ก็จะนั่งเบียดกันอยู่ตามคาเฟ่ เราเองก็เข้าไปนั่งคาเฟ่ชื่อดังอย่าง Hoi An Roastery ทดลองสั่งกาแฟมะพร้าว (Coconut coffee) กาแฟเย็นรสละมุนด้านบนท็อปด้วยไอติมมะพร้าว แต่เนื้อสัมผัสเหมือนมะพร้าวแก่ขูดปั่น ไม่ใช่เนื้อเนียนเหมือนบ้านเรา ตามร้านค้ามีของที่ระลึกจำพวกพวงกุญแจ แม่เหล็ก วางขายเรียงราย ซื้อเสร็จก็ถึงเวลาจากฮอยอัน มุ่งหน้าสู่เมืองดานัง

ติดตามตอนต่อไป -- > " วันทอง"  ดานัง สตรีทฟู้ด อาหารทะเลสดๆเป็นๆ
ขอบพระคุณค่ะ
ชื่อสินค้า:   ฮอยอัน ดานัง บาน่าฮิลล์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่