อินเดีย เที่ยวเองได้ ไม่ง้อแพคเกจทัวร์ ในราคาเพียง 13,850 บาท/คน ถูกกว่าไปญี่ปุ่นอีกโว้ยยยยยยยยย
ในส่วนค่าอาหารถ้ากินอย่างมหาราชา ก็ยังไม่เกินมื้อละ 1 พัน แอดบล็อกช็อตสำหรับ Landmark ต่างๆ ไว้แล้วเที่ยวตามได้เลย
เพื่อนๆชาว Togayther เบื่อจะไป เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง กันรึยังครับ? รู้หมือไร่ว่า ถ้าเราไปเที่ยวอินเดียในเดือนธันวา – มกรา อากาศจะดีมากๆ อยู่ราวๆ 10 – 18 องศา (กลิ่นตัวของผู้คนจะสดชื่นกว่าช่วงหน้าร้อนมาก -..-) หลายๆคนพอพูดถึงอินเดียก็จะส่ายหน้าแล้ว แต่แอดอยากจะให้ลองมองอินเดียในมุมใหม่นะครับ รู้มั้ยครับว่าคนอินเดียทั่วๆไป มีเงินเดือนกันคนละเท่าไหร่ ลองเดาซิ? ... คำตอบ คือ เริ่มต้นประมาณ 3,000 บาทจ้า นั่นแปลว่า ทันทีที่เท้าเราเหยียบลงที่สนามบิน เราจะเปลี่ยนร่างจากมนุษย์เงินเดือนธรรมดากลายเป็นมหาเศรษฐีทันทีจ้ะ
เอาล่ะ มาดูกันว่า 13,850 ราคานี้รวมอะไรบ้าง?
- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ คนละ 7800 บาท (เลือกได้ว่าจะบิน Air Asia หรือ Thai Smile ราคาไม่ต่างกันมาก แต่แอดเลือก Air Asia เพราะว่า เวลาดีกว่ามาก)
- ค่าโรงแรมระดับ 4 ดาว 3 คืน พร้อมอาหารเช้า ราคา 2300 บาท ต่อคน
- e-Visa 750 บาทต่อคน ทำง่ายมากเลยใครขอก็ผ่านหมด ไม่ต้องเสียเวลาไปสถามทูตแล้วด้วย(มะก่อนแพงมาก 2000-3000 บาทนี่แหละ) ->
https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
- รถพร้อมคนขับส่วนตัว 4 วัน มารับตั้งแต่ออกจากสนามบิน พาเที่ยว จนส่งกลับ รวมน้ำมัน และค่าจอดแล้ว 3000 บาท ต่อคน (จริงๆคือเค้าติด 6000 ทั้งหมด ถ้าเพื่อนๆไปกัน 4 คนก็จะยิ่งถูกลงไปอีกเอ้อออ)
ราคานี้ไม่รวมอะไรบ้าง
- ค่าช็อปปิ้ง
- ค่าอาหารเที่ยง/เย็น และ ขนมตามคาเฟ่
- ไกด์นำเที่ยวพระราชวัง (จริงๆไม่ต้องใช้ก็ได้)
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆตลอดทริป
- ค่าทิปต่างๆ
ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมเซฟรูปไปลอก แล้วตามมาเล้ยยยยยย!!!

Signature ของ เมืองสีชมพูแห่งนี้คือ Hawa Mahal หรือพระราชวังสายลม หลังจากทานอาหารเช้ากันสร็จแล้ว ก็มุ่งหน้าไปย่าน Old town ที่ทั่วทั้งเมืองฉาบไว้ด้วยสีชมพู จุดแรกที่เราต้องไป ทำ Photo session กันก็คือ Tattoo cafe สามารถถ่ายภาพ Hawa Mahal จากมุมสูงได้ อย่าไปคาดหวังกับตัวคาเฟ่มาก คือจุดขายของเค้าชัดเชนว่าขายวิว เพราะงั้นเราไปสั่งน้ำเค้าซักแก้ว สองแก้วก็พอ อีกอย่างนึงที่อยากจะบอกคือ ห้องน้ำตามคาเฟ่หรือร้านอาหารของที่อินเดียคือดีมากๆ สะอาดทุกที่ และที่สำคัญที่สุดคือ มีที่ฉีดก้น!! พอสั่งอาหารเสร็จ ให้เดินขึ้นไปที่ Roof top เลย ช่วงเช้าๆคนก็ไม่มีเลยถ่ายสะดวกมาก วิวสวยมากจริงๆ (รูปเปิดทริปนี่สำคัญ เอาไว้เรียกไลค์ได้เลย)
ถึงเครื่องดื่มที่สั่งมาจะ-ไรไม่ได้เลยก็ต้องมานะครับที่นี่

หลังจากที่เราดื่มด่ำกับ Hawa Mahal ภายนอกเสร็จแล้ว เราเลือกได้ว่าจะเดินไปดูข้างในต่อมั้ย ค่าเข้าน่าจะประมาณ 50 – 100 บาท ต่อคนนี่แหละ ถ้าว่างก็เข้าไปนะครับ แอดเข้าไปแล้วหามุมสวยไม่ได้เลยเหมือนเป็นซากวังร้างธรรมดา แอดเลยไม่ค่อยแนะนำ จากนั้น เราสามารถเดินไปยังพระราชวังที่ 2 ที่อยู่ใกล้ๆกันได้คือ City Palace ประมาณ 300 เมตร ที่นี่จะมีราคาค่าตั๋วอยู่ 2 แบบ คือ แบบถูกกับแบบแพง แนะนำว่าให้ซื้อแบบแพงไปเลย (ประมาณ 1000 บาท) เพราะจะได้เข้า Private Zone ที่ Royal Family อาศัยอยู่จริงๆด้วย ที่สำคัญที่สุดคือจะได้ถ่าย ห้องสีฟ้า ห้องกระจก และก็ห้องสีทอง ที่ตั๋วราคาถูกไม่มีสิทธิเข้า ราคานี้มีไกด์ มี Refreshment ให้ด้วย จริงๆไกด์เค้าดีนะ แต่เค้าจะจบทริปด้วยการพาเราไปเชือดในร้านขายผ้า ถ้าเกรงใจก็ซื้อแบบถูกสุดซักผืนนึงก็ได้

ภายใน City Palace จะเน้นเป็นโทนสีชมพู

ห้อง Blue room ที่ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อเข้ามาครับ สวยงามพอคุ้มค่ามั้ย?

ห้องนี้คือ Gold Room เป็น Living room ของ Royal Family

ประตูทั้ง 4 ฤดูของวังนี้ครับ Summer / Winter / Autumn / Spring

ใกล้ๆกันนั้น จะมีอีกที่นึงคือ Maharaja Sawai Singh 2 Museum เสียค่าเข้าอีก 15 บาท (โคตรถูกกก) แวะซะหน่อย สวยอยู่นะ แล้วทุกๆที่ก็จะมีคนเช้ามาเสนอตัวเป็นไกด์ให้เราในราคา 100 – 150 บาท กล้าที่จะ Say no ไปเลยจ้ะ เพราะที่นี่เราต้อง Say no กันอีกหลายครั้ง ฝึกพูดไว้ให้ชินนะครับ
— at Maharaja Sawai Man Singh 2 Museum

สวยเหมือน Sanctury ของเทพี Athena เลยคับ

ไปต่อต่อกันที่ร้าน Caffe Palladio ร้านนี้คนไทยเยอะมากกก บรรยากาศเหมือนมาจิบชากินเค้กในสวนของพระราชวังยามบ่าย ร้านคือน่ารักมากเลย พนักงานก็โคตรไนซ์ แอดสั่งเค้กมากกิน 3 อย่าง อร่อยพริ้มไปหมด โดยเฉพาะ Italian Cheese Cake ตัวนี้ต้องสั่งเลย
— at Caffé Palladio Jaipur
.

อ่านรีวิวมาว่าร้านนี้ห้ามถ่ายรูป แต่เอาจริงๆก็ยืนถ่ายปกติมานะ ไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย

Chocolate Tart แอดให้เป็น rank 2 ของร้านนี้เลย

นุ้งหมาาาาาา

แอดตั้งใจมากๆ ที่จะมีกิน Dinner ที่นี่ให้ได้ หลังจากที่เรากินเค้กเสร็จ เราก็จะไปกินข้าวกันต่อเลย(อิหยังวะ?) ที่นี่เป็นวังเก่าที่มา renovate เป็นโรงแรมหรู มีนกยูงเดินเล่นอยู่ 1000 ตัวข้างใน แอดให้คนขับรถช่วยโทรจองไว้ให้ที่ร้าน Suvarna Mahal มาถึงตอน 5 โมง ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ถึงเดินไป Restaurant ปรากดว่า ร้านเปิด 19:00 (อ้าว... อด- เลย) กลับขึ้นรถไปถามคนขับรถ นางบอกว่าคนอินเดียปกติ จะกิน Dinner กันตอน 2 ทุ่มจ้า ( กิน IF กันหรอ?) … แล้วทำไมเพิ่งมาบอก สุดท้ายวันนี้เราก็เลยตัดสินใจไปจบ Dinner ของ เราที่ห้าง MGF Metropolitan Mall แทน
— at Rambagh Palace, the Taj Group of Hotels, Jaipur.

กลายเป็นว่าดีเหมือนกันนะ ได้ถ่ายรูปฟรีไปเลย

อย่างที่บอกไปว่า ราคาค่ารถที่รับส่งเราเป็นเจ้าหญิงกรุยกระโปรงเที่ยว 6000 บาทนี่คือรวมการไปทุกอย่างแล้ว Taj Mahal ก็เป็นหนึงในนั้นด้วย Taj Mahal ตั้งอยู่ที่ เมือง Agra ซึ่งอยู่ห่างจาก Jaipur 5 ชั่วโมง (ถูกต้องแล้วครับ ไปกลับใช้เวลา 10 ชั่วโมง) อันนี้คือตามความสมัครใจเลยนะครับ ถ้าคิดว่าแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตก็ไปเถอะนะ
— at Tajmahal

ขออวด Costume หน่อย กางเกงช้างจากตลาดนัดรถไฟ Represent Miss Grand Thailand เสียหน่อย

ที่นี่จะมีตั๋ว 2 เรท คือ 235 บาท กับ 643 บาท สำหรับคนที่ถือ passport ไทย จะได้รับส่วนลด 50% จากราคานี้อีกครับ เพราะงั้นแนะนำให้ซื้อแบบแพงไปเลย เพราะว่ามันจะได้รับ Privilege ด้วยการเข้าไปข้างในโดยไม่ต้องต่อแถว + น้ำ 1 ขวด + ถุงหุ้มรองเท้าสำหรับใส่เมื่อเข้าไปในตัวอาคาร

พอเข้ามาแล้วให้ มาทางมัสยิดสีส้มๆทางซ้ายมือของ Taj Mahal นะครับ ตรงนี้คนจะน้อยมากๆ เวลาถ่ายรูป ก็จะมีแค่เรานี่แหละ แต่อย่าใส่ถุงเท้าขาวมา เพราะเค้าจะให้เราถอดรองเท้าก่อนขึ้นไป พอถ่ายเสร็จกลับลงมาถุงเท้าสีขาวจะกลายเป็นสีเขียวเลยคับ -*-

มุมด้านนี้ก็ไม่ค่อยมีคนถ่าย แต่แอดว่ามีสีเขียวแซมๆในรูปบ้างก็สวยดีนะ

อันนี้ต้องจดเลยนะ Baskin & Robins ที่นี่มีรสพิเศษที่เก๋มากๆ คือ รสละมุด กับ ลิ้นจี่ อร่อยตายไปเลยจ้า

เริ่มวันใหม่ที่ Amber fort หรือป้อมปราการสีอำพัน อีกหนึ่ง check in point ที่สำคัญของเมือง Jaipur ตั้งอยู่บนภูเขา เราสามารถเลือกได้ว่าจะเดินขึ้นมาเอง 700 เมตร หรือนั่งช้างขึ้นมา (นั่งได้ถึงเวลา 12:00) แอดเลือกนั่งช้างครับ ตัวนึงนั่งได้ 2 คน ราคา 471 บาท ระหว่างทางก็จะมีคนมาขายของโน่นนี่ เค้าก็จะโกงนิดนึงแหละ ด้วยการล่อเราว่า อันละ 50 พอเราจะเอาบอก 50 USD ไม่ใช่ 50 รูปี

กกก ก็บอกไปว่าไม่เอา สุดท้ายมันก็จะถามเราคาที่เราอยากจ่ายเอง อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ ส่วนตัวแอดว่า ร่มที่ทำจากผ้าท้องถิ่นสวยดี แล้วก็หมวดมหาราชาเก๋ๆ แอดได้หมวกมาในราคา 150 บาท ก็เป็นราคาที่เต็มใจจ่ายอยู่ ควาญช้างก็จะมาขอทิปจากเรา 500 รูปี เราก็ไม่ต้องไปเกรงใจเค้า ให้เท่าที่เราอยากให้พอ
— at Amber Fort

ที่นี่ก็เหมือนที่อื่นในเมืองที่ค่อนข้างใหญ่แต่ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ก็ยังต้องมา เพราะที่นี่มีของดีอยู่อีกอย่าง ในรูปถัดไป ^^

ร้าน 1135 AD ที่ตั้งอยู่ด้านบนของ Amber Fort มีรูป Celeb ของ India แปะเต็มฝาผนังเลย ร้านนี้แอดให้เป็นร้านที่ดีที่สุดที่กินอาหารอินเดียในทริปนี้เลย รสชาติทานง่าย ร้านสวยมากเหมือนนั่งทานในวัง
— at 1135 AD Amber

Chicken Tikka เหมือนไก่ย่างกอแระบ้านเราเลยครับ

Sweet & Sour Chicken … ไม่เหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่แฮะ แต่ทานคู่กับแป้งนานแล้วอร่อยมาก

Step wall ที่ห้าม step down งงมากแม่ ก็เห็นรูปใน ig คนก็ลงไปถ่ายได้หนิ เลยไปถามคนขับรถมาว่า ทำไงถึงลงไปได้ นางบอกว่า จะทำได้บางวัน คือต้องจ่ายใต้โต๊ะให้ตำรวจ 85 บาท ในวันที่มีแต่เรากับตำรวจสองคน แอดเลยบอกว่า ให้ 300 บาทเลยขอลงวันนี้ได้มะ เค้าบอกไม่ได้คนเยอะไป ตำรวจจะลำบากใจ .... จ้า
— at Chand Baori

สุดท้ายได้ภาพแบบนี้มา ดีกว่ากลับบ้านมือเปล่า

แล้วก็จะมีพวกเดินมามั่วว่า ยูอยากลงมั้ย จ่ายมาก 500 รูปีสิ เด๋วนะ คือใครหรอ?

Café ที่แพงที่สุดของที่นี่แล้ว เป็นวังเก่าที่มา Renovate เป็นโรงแรมอีกที่นึง Interior คือน่ารักมาก เค้าจะแบ่งเกรดคนที่มากิน ถ้ากิน afternoon tea set ตกหัวละพันกว่าบาทจะได้นั่งห้องสีเขียว ถ้ากินขนมเป็นอลาคาร์ทก็นั่งห้องโปโล
— at Sujan Rajmahal Palace, Jaipur
ต่อในเม้นท์นะครับ
----------------------------------------------------------------
Facebook Fanpage : Togayther
https://www.facebook.com/Togayther-112503463604493/?ref=py_c
Maldive
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=130072545180918&id=112503463604493
Santorini
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=125909352263904&id=112503463604493
[CR] อินเดีย เที่ยวเองได้ ไม่ง้อแพคเกจทัวร์
ในส่วนค่าอาหารถ้ากินอย่างมหาราชา ก็ยังไม่เกินมื้อละ 1 พัน แอดบล็อกช็อตสำหรับ Landmark ต่างๆ ไว้แล้วเที่ยวตามได้เลย
เพื่อนๆชาว Togayther เบื่อจะไป เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง กันรึยังครับ? รู้หมือไร่ว่า ถ้าเราไปเที่ยวอินเดียในเดือนธันวา – มกรา อากาศจะดีมากๆ อยู่ราวๆ 10 – 18 องศา (กลิ่นตัวของผู้คนจะสดชื่นกว่าช่วงหน้าร้อนมาก -..-) หลายๆคนพอพูดถึงอินเดียก็จะส่ายหน้าแล้ว แต่แอดอยากจะให้ลองมองอินเดียในมุมใหม่นะครับ รู้มั้ยครับว่าคนอินเดียทั่วๆไป มีเงินเดือนกันคนละเท่าไหร่ ลองเดาซิ? ... คำตอบ คือ เริ่มต้นประมาณ 3,000 บาทจ้า นั่นแปลว่า ทันทีที่เท้าเราเหยียบลงที่สนามบิน เราจะเปลี่ยนร่างจากมนุษย์เงินเดือนธรรมดากลายเป็นมหาเศรษฐีทันทีจ้ะ
เอาล่ะ มาดูกันว่า 13,850 ราคานี้รวมอะไรบ้าง?
- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ คนละ 7800 บาท (เลือกได้ว่าจะบิน Air Asia หรือ Thai Smile ราคาไม่ต่างกันมาก แต่แอดเลือก Air Asia เพราะว่า เวลาดีกว่ามาก)
- ค่าโรงแรมระดับ 4 ดาว 3 คืน พร้อมอาหารเช้า ราคา 2300 บาท ต่อคน
- e-Visa 750 บาทต่อคน ทำง่ายมากเลยใครขอก็ผ่านหมด ไม่ต้องเสียเวลาไปสถามทูตแล้วด้วย(มะก่อนแพงมาก 2000-3000 บาทนี่แหละ) -> https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
- รถพร้อมคนขับส่วนตัว 4 วัน มารับตั้งแต่ออกจากสนามบิน พาเที่ยว จนส่งกลับ รวมน้ำมัน และค่าจอดแล้ว 3000 บาท ต่อคน (จริงๆคือเค้าติด 6000 ทั้งหมด ถ้าเพื่อนๆไปกัน 4 คนก็จะยิ่งถูกลงไปอีกเอ้อออ)
ราคานี้ไม่รวมอะไรบ้าง
- ค่าช็อปปิ้ง
- ค่าอาหารเที่ยง/เย็น และ ขนมตามคาเฟ่
- ไกด์นำเที่ยวพระราชวัง (จริงๆไม่ต้องใช้ก็ได้)
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆตลอดทริป
- ค่าทิปต่างๆ
ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมเซฟรูปไปลอก แล้วตามมาเล้ยยยยยย!!!
Signature ของ เมืองสีชมพูแห่งนี้คือ Hawa Mahal หรือพระราชวังสายลม หลังจากทานอาหารเช้ากันสร็จแล้ว ก็มุ่งหน้าไปย่าน Old town ที่ทั่วทั้งเมืองฉาบไว้ด้วยสีชมพู จุดแรกที่เราต้องไป ทำ Photo session กันก็คือ Tattoo cafe สามารถถ่ายภาพ Hawa Mahal จากมุมสูงได้ อย่าไปคาดหวังกับตัวคาเฟ่มาก คือจุดขายของเค้าชัดเชนว่าขายวิว เพราะงั้นเราไปสั่งน้ำเค้าซักแก้ว สองแก้วก็พอ อีกอย่างนึงที่อยากจะบอกคือ ห้องน้ำตามคาเฟ่หรือร้านอาหารของที่อินเดียคือดีมากๆ สะอาดทุกที่ และที่สำคัญที่สุดคือ มีที่ฉีดก้น!! พอสั่งอาหารเสร็จ ให้เดินขึ้นไปที่ Roof top เลย ช่วงเช้าๆคนก็ไม่มีเลยถ่ายสะดวกมาก วิวสวยมากจริงๆ (รูปเปิดทริปนี่สำคัญ เอาไว้เรียกไลค์ได้เลย)
ถึงเครื่องดื่มที่สั่งมาจะ-ไรไม่ได้เลยก็ต้องมานะครับที่นี่
หลังจากที่เราดื่มด่ำกับ Hawa Mahal ภายนอกเสร็จแล้ว เราเลือกได้ว่าจะเดินไปดูข้างในต่อมั้ย ค่าเข้าน่าจะประมาณ 50 – 100 บาท ต่อคนนี่แหละ ถ้าว่างก็เข้าไปนะครับ แอดเข้าไปแล้วหามุมสวยไม่ได้เลยเหมือนเป็นซากวังร้างธรรมดา แอดเลยไม่ค่อยแนะนำ จากนั้น เราสามารถเดินไปยังพระราชวังที่ 2 ที่อยู่ใกล้ๆกันได้คือ City Palace ประมาณ 300 เมตร ที่นี่จะมีราคาค่าตั๋วอยู่ 2 แบบ คือ แบบถูกกับแบบแพง แนะนำว่าให้ซื้อแบบแพงไปเลย (ประมาณ 1000 บาท) เพราะจะได้เข้า Private Zone ที่ Royal Family อาศัยอยู่จริงๆด้วย ที่สำคัญที่สุดคือจะได้ถ่าย ห้องสีฟ้า ห้องกระจก และก็ห้องสีทอง ที่ตั๋วราคาถูกไม่มีสิทธิเข้า ราคานี้มีไกด์ มี Refreshment ให้ด้วย จริงๆไกด์เค้าดีนะ แต่เค้าจะจบทริปด้วยการพาเราไปเชือดในร้านขายผ้า ถ้าเกรงใจก็ซื้อแบบถูกสุดซักผืนนึงก็ได้
ภายใน City Palace จะเน้นเป็นโทนสีชมพู
ห้อง Blue room ที่ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อเข้ามาครับ สวยงามพอคุ้มค่ามั้ย?
ห้องนี้คือ Gold Room เป็น Living room ของ Royal Family
ประตูทั้ง 4 ฤดูของวังนี้ครับ Summer / Winter / Autumn / Spring
ใกล้ๆกันนั้น จะมีอีกที่นึงคือ Maharaja Sawai Singh 2 Museum เสียค่าเข้าอีก 15 บาท (โคตรถูกกก) แวะซะหน่อย สวยอยู่นะ แล้วทุกๆที่ก็จะมีคนเช้ามาเสนอตัวเป็นไกด์ให้เราในราคา 100 – 150 บาท กล้าที่จะ Say no ไปเลยจ้ะ เพราะที่นี่เราต้อง Say no กันอีกหลายครั้ง ฝึกพูดไว้ให้ชินนะครับ
— at Maharaja Sawai Man Singh 2 Museum
สวยเหมือน Sanctury ของเทพี Athena เลยคับ
ไปต่อต่อกันที่ร้าน Caffe Palladio ร้านนี้คนไทยเยอะมากกก บรรยากาศเหมือนมาจิบชากินเค้กในสวนของพระราชวังยามบ่าย ร้านคือน่ารักมากเลย พนักงานก็โคตรไนซ์ แอดสั่งเค้กมากกิน 3 อย่าง อร่อยพริ้มไปหมด โดยเฉพาะ Italian Cheese Cake ตัวนี้ต้องสั่งเลย
— at Caffé Palladio Jaipur
.
อ่านรีวิวมาว่าร้านนี้ห้ามถ่ายรูป แต่เอาจริงๆก็ยืนถ่ายปกติมานะ ไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย
Chocolate Tart แอดให้เป็น rank 2 ของร้านนี้เลย
นุ้งหมาาาาาา
แอดตั้งใจมากๆ ที่จะมีกิน Dinner ที่นี่ให้ได้ หลังจากที่เรากินเค้กเสร็จ เราก็จะไปกินข้าวกันต่อเลย(อิหยังวะ?) ที่นี่เป็นวังเก่าที่มา renovate เป็นโรงแรมหรู มีนกยูงเดินเล่นอยู่ 1000 ตัวข้างใน แอดให้คนขับรถช่วยโทรจองไว้ให้ที่ร้าน Suvarna Mahal มาถึงตอน 5 โมง ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ถึงเดินไป Restaurant ปรากดว่า ร้านเปิด 19:00 (อ้าว... อด- เลย) กลับขึ้นรถไปถามคนขับรถ นางบอกว่าคนอินเดียปกติ จะกิน Dinner กันตอน 2 ทุ่มจ้า ( กิน IF กันหรอ?) … แล้วทำไมเพิ่งมาบอก สุดท้ายวันนี้เราก็เลยตัดสินใจไปจบ Dinner ของ เราที่ห้าง MGF Metropolitan Mall แทน
— at Rambagh Palace, the Taj Group of Hotels, Jaipur.
กลายเป็นว่าดีเหมือนกันนะ ได้ถ่ายรูปฟรีไปเลย
อย่างที่บอกไปว่า ราคาค่ารถที่รับส่งเราเป็นเจ้าหญิงกรุยกระโปรงเที่ยว 6000 บาทนี่คือรวมการไปทุกอย่างแล้ว Taj Mahal ก็เป็นหนึงในนั้นด้วย Taj Mahal ตั้งอยู่ที่ เมือง Agra ซึ่งอยู่ห่างจาก Jaipur 5 ชั่วโมง (ถูกต้องแล้วครับ ไปกลับใช้เวลา 10 ชั่วโมง) อันนี้คือตามความสมัครใจเลยนะครับ ถ้าคิดว่าแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตก็ไปเถอะนะ
— at Tajmahal
ขออวด Costume หน่อย กางเกงช้างจากตลาดนัดรถไฟ Represent Miss Grand Thailand เสียหน่อย
ที่นี่จะมีตั๋ว 2 เรท คือ 235 บาท กับ 643 บาท สำหรับคนที่ถือ passport ไทย จะได้รับส่วนลด 50% จากราคานี้อีกครับ เพราะงั้นแนะนำให้ซื้อแบบแพงไปเลย เพราะว่ามันจะได้รับ Privilege ด้วยการเข้าไปข้างในโดยไม่ต้องต่อแถว + น้ำ 1 ขวด + ถุงหุ้มรองเท้าสำหรับใส่เมื่อเข้าไปในตัวอาคาร
พอเข้ามาแล้วให้ มาทางมัสยิดสีส้มๆทางซ้ายมือของ Taj Mahal นะครับ ตรงนี้คนจะน้อยมากๆ เวลาถ่ายรูป ก็จะมีแค่เรานี่แหละ แต่อย่าใส่ถุงเท้าขาวมา เพราะเค้าจะให้เราถอดรองเท้าก่อนขึ้นไป พอถ่ายเสร็จกลับลงมาถุงเท้าสีขาวจะกลายเป็นสีเขียวเลยคับ -*-
มุมด้านนี้ก็ไม่ค่อยมีคนถ่าย แต่แอดว่ามีสีเขียวแซมๆในรูปบ้างก็สวยดีนะ
อันนี้ต้องจดเลยนะ Baskin & Robins ที่นี่มีรสพิเศษที่เก๋มากๆ คือ รสละมุด กับ ลิ้นจี่ อร่อยตายไปเลยจ้า
เริ่มวันใหม่ที่ Amber fort หรือป้อมปราการสีอำพัน อีกหนึ่ง check in point ที่สำคัญของเมือง Jaipur ตั้งอยู่บนภูเขา เราสามารถเลือกได้ว่าจะเดินขึ้นมาเอง 700 เมตร หรือนั่งช้างขึ้นมา (นั่งได้ถึงเวลา 12:00) แอดเลือกนั่งช้างครับ ตัวนึงนั่งได้ 2 คน ราคา 471 บาท ระหว่างทางก็จะมีคนมาขายของโน่นนี่ เค้าก็จะโกงนิดนึงแหละ ด้วยการล่อเราว่า อันละ 50 พอเราจะเอาบอก 50 USD ไม่ใช่ 50 รูปี
— at Amber Fort
ที่นี่ก็เหมือนที่อื่นในเมืองที่ค่อนข้างใหญ่แต่ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ก็ยังต้องมา เพราะที่นี่มีของดีอยู่อีกอย่าง ในรูปถัดไป ^^
ร้าน 1135 AD ที่ตั้งอยู่ด้านบนของ Amber Fort มีรูป Celeb ของ India แปะเต็มฝาผนังเลย ร้านนี้แอดให้เป็นร้านที่ดีที่สุดที่กินอาหารอินเดียในทริปนี้เลย รสชาติทานง่าย ร้านสวยมากเหมือนนั่งทานในวัง
— at 1135 AD Amber
Chicken Tikka เหมือนไก่ย่างกอแระบ้านเราเลยครับ
Sweet & Sour Chicken … ไม่เหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่แฮะ แต่ทานคู่กับแป้งนานแล้วอร่อยมาก
Step wall ที่ห้าม step down งงมากแม่ ก็เห็นรูปใน ig คนก็ลงไปถ่ายได้หนิ เลยไปถามคนขับรถมาว่า ทำไงถึงลงไปได้ นางบอกว่า จะทำได้บางวัน คือต้องจ่ายใต้โต๊ะให้ตำรวจ 85 บาท ในวันที่มีแต่เรากับตำรวจสองคน แอดเลยบอกว่า ให้ 300 บาทเลยขอลงวันนี้ได้มะ เค้าบอกไม่ได้คนเยอะไป ตำรวจจะลำบากใจ .... จ้า
— at Chand Baori
สุดท้ายได้ภาพแบบนี้มา ดีกว่ากลับบ้านมือเปล่า
แล้วก็จะมีพวกเดินมามั่วว่า ยูอยากลงมั้ย จ่ายมาก 500 รูปีสิ เด๋วนะ คือใครหรอ?
Café ที่แพงที่สุดของที่นี่แล้ว เป็นวังเก่าที่มา Renovate เป็นโรงแรมอีกที่นึง Interior คือน่ารักมาก เค้าจะแบ่งเกรดคนที่มากิน ถ้ากิน afternoon tea set ตกหัวละพันกว่าบาทจะได้นั่งห้องสีเขียว ถ้ากินขนมเป็นอลาคาร์ทก็นั่งห้องโปโล
— at Sujan Rajmahal Palace, Jaipur
ต่อในเม้นท์นะครับ
----------------------------------------------------------------
Facebook Fanpage : Togayther
https://www.facebook.com/Togayther-112503463604493/?ref=py_c
Maldive
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=130072545180918&id=112503463604493
Santorini
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=125909352263904&id=112503463604493
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้