Codex Gigas หรือในภาษาอังกฤษ คือ หนังสือยักษ์ (Giant Book) คือหนังสือที่เขียนขึ้นด้วยลายมือเล่มใหญ่ที่สุดในโลกที่หลงเหลือมาจากยุคกลาง นอกจากขนาดและความเก่าแก่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ทรงคุณค่าก็คือเนื้อหาข้างในที่ว่ากันว่า “ลูซิเฟอร์” คือผู้ลงมือวาดด้วยตนเอง
มันถูกเขียนขึ้นมาในประมาณ คริสต์ศัตวรรษที่ 13 ใน ประเทศโบฮีเนีย (ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเชค Czech Republic) และถูกเก็บรักษาไว้ในโบสถ์ ในระหว่างสงครามสามสิบปี (Thirty Years' War) ในปี ค.ศ. 1648 สมบัติของสะสมต่าง ๆ ภายในโบสถ์ ถูกปล้นไปโดยกองทัพของทหารสวีเดน
Codex Gigas มีความหนา 22 เซนติเมตร สูง 92 เซนติเมตร มีขนาดใหญ่จนต้องใช้หนังสัตว์มากกว่า 160 ชิ้นมาร้อยเข้าด้วยกัน และมีน้ำหนักถึง 74 กิโลกรัม เนื้อหาภายในมีภาพวาดของปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวจนเชื่อว่ามันเป็นหนังสือต้องคำสาป และไม่มีผู้ใดทราบที่มาของหนังสือปีศาจเล่มนี้
ตามตำนานเล่าว่า นักบวชรูปหนึ่งในยุคกลางที่ถูกตัดสินโทษให้ฝังทั้งเป็นในกำแพงเนื่องจากผิดคำสาบาน เพื่อให้รอดพ้นจากการลงโทษเขาต้องเขียนหนังสือที่บรรจุความรู้ทั้งหมดของมนุษย์ไว้ให้เสร็จภายในคืนเดียว
เที่ยงคืนย่างกรายมาถึง แทนที่จะพึ่งพาขอความเมตตาจากพระเจ้า นักบวชผู้สิ้นหวังกลับตัดสินใจหันไปพึ่ง “ลูซิเฟอร์” อดีตหัวหน้าทูตสวรรค์ที่หลงไหลในความงดงามของตนเองจนกระทั่งกล้าเทียบชั้นกับพระเจ้าจนถูกลงโทษให้ตกลงมาบนโลก รอรับการลงโทษในวันสุดท้ายของโลกพร้อมกับพรรคพวกที่ติดตาม ด้วยความกลัวทำให้นักบวชตัดสินใจแลกเปลี่ยนวิญญาณของตัวเองกับการทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ทันเวลา ลูซิเฟอร์ตกลงและได้ช่วยเพิ่มภาพหอคอยขนาดใหญ่และภาพของตัวเองลงบนคัมภีร์นั้น…
(ภาพของปีศาจบนหน้าหนึ่งของหนังสือทำให้เกิดคำร่ำลือว่า ปีศาจได้มาช่วยในการทำหนังสือเล่มนี้)
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเพียงตำนานเท่านั้น การตรวจทดสอบหนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็นว่า การเขียนตัวหนังสือแบบโบราณอย่างเดียวก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าปีโดยไม่หยุดพัก ยังไม่รวมถึงการวาดรูปภาพและส่วนอื่นๆของหนังสือด้วย หนังสือเล่มนี้ได้ชื่อว่า “คัมภีร์ปีศาจ” “Devil’s Bible” จัดทำขึ้นในศตวรรษที่ 13 และได้ชื่อว่า Codex Gigas (ภาษาลาตินแปลว่า “หนังสือยักษ์” “Giant Book”), และจากการวิเคราะห์ตัวอักษรพบว่าหนังสือเล่มนี้เป็นฝีมือของผู้เขียนเพียงคนเดียว ส่วนหมึกที่ใช้เขียนมาจากการบดรังของแมลง
“เห็นได้ชัดเจนว่าผู้เขียนถูกความคิดอะไรบางอย่างครอบงำอย่างรุนแรงจึงลงมือสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นพลังด้านมืดหรือสว่างมันก็เป็นผลงานชั้นยอด”
ที่ได้ชื่อว่า Gigas อาจเป็นเพราะขนาดของหนังสือที่ใหญ่มาก (มี 620 หน้า ความยาวของปกจากข้างบนถึงข้างล่าง 3 ฟุต) นอกจากจะมีภาพวาดของปีศาจแล้ว ยังเป็นหนังสือที่รวบรวมงานต่างๆมาไว้ในหนังสือเล่มเดียว บรรจุเรื่องราวของพระคัมภีร์พระธรรมเก่าและใหม่, , ผลงานสองเรื่องของ Flavius Josephus นักประวัติศาสตร์และนักเขียนพิทักษ์ปรัชญาที่มีชีวิตอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1,
นิรุกติศาสตร์ของน.อิสิดอร์แห่งเซวิล, คำแนะนำเกี่ยวกับการทำพิธีขับไล่ปีศาจ , ตำรับยาของคอนสแตนตินชาวอัฟริกา , กฎของน.เบเนดิก, ปฏิทิน , รายชื่อผู้ให้การสนับสนุนอาราม ,และรายการยืดยาวของ “สิ่งที่หายาก” ได้แก่ภาพสเก็ตทางวิทยาศาสตร์และการเล่นแร่แปรธาตุ
ปิดท้ายด้วยพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่และ พงศาวดารโบฮีเมีย โดย Cosmas นักบวช นักเขียน และนักประวัติศาสตร์แห่งกรุงปราก
นักวิจัยบางคนเชื่อว่าความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการลงโทษนักบวชมาจากลายเซ็น “Hermanus inclusus” คำว่า inclusus ในภาษาละตินแปลว่าการลงโทษ แต่ความหมายที่แท้จริงนั้นใกล้เคียงกับคำว่า “ผู้สันโดษ” ซึ่งอาจจะหมายถึงว่าหนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของนักบวชผู้ต้องการจะปลีกตัวออกจากสังคมและอุทิศตนให้กับการเขียน Codex Gigas
รูปตัวอย่าง ในส่วนดาราศาสตร์
รูปตัวอย่างในส่วน พฤกษศาสตร์
ปัจจุบัน Codex Gigas ถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวีเดน ในเมืองสต๊อกโฮม (National Library of Sweden in Stockholm)
แต่ยังไม่มีใครทราบถึงเบื้องหลังที่แท้จริงของคัมภีร์เล่มนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจถูกใช้ในพิธีกรรมเรียกปีศาจก็เป็นได้ ด้วยต้นกำเนิด และปริศนาต่าง ๆ นี้จึงทำให้ คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจนี้ถูกจัดอันดับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อันดับที่ 8 และเป็นหนึ่งในหนังสือ ที่ลึกลับที่สุดในโลกเล่มหนึ่ง
จอมมารแห่งนรก "ลูซิเฟอร์"
ลูซิเฟอร์ อาจจะมีบทบาทในพระคัมภีร์หลายประการ โดยคำว่าลูซิเฟอร์นั้น เป็นภาษาละติน มีผสมจากคำ 2 คำ ได้แก่ “Lux” ที่หมายถึง แสงสว่าง และ “Ferrer” ที่หมายถึง ผู้นำมาหรือผู้ถือ เมื่อนำเอาทั้งสองคำมารวมกันก็จะมีความหมายว่า “ผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง” หรือแปลง่ายๆตามภาษาชาวบ้านว่า “รุ่งอรุณ” หรือ “ดาวแห่งความแสงสว่าง”
ทั้งนี้ก็เพราะ ลูซิเฟอร์เป็นอดีตอัคระเทวทูตที่เป็นผู้ถูกสร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง มีเป็นใหญ่รองลงมาจากพระเป็นเจ้า ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นอัคระเทวทูตที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด ณ เวลานั้นเลยก็ได้ แต่ด้วยความหลงในอำนาจที่คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด จึงทำให้ลูซิเฟอร์คิดก่อการกบฏเพื่อหักหลังพระเป็นเจ้า จนท้ายที่สุดก็ถูกลงโทษให้ตกจากสวรรค์ และกลายมาเป็น”ปีศาจ” ในที่สุดจึงถูกมิคาเอลหัวหน้าแห่งเทพขับไล่ลงมาสู่โลกมนุษย์แต่ในฐานะที่เคยเป็นเทพชั้นสูงมาก่อนก็เลยถูกให้เป็นเทพแห่งความตายแทน ลักษณะของเทพลูซิเฟอร์ คือ มี 12 ปีกเรืองแสงได้ เป็นเทพที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในบรรดาเทพทั้งปวง (แต่รองจากพระเจ้า)
ลูซิเฟอร์หรือซาตานเป็นชื่อเดียวกัน แต่เดิมลูซิเฟอร์เป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาให้มาดูแลสวนอีเดนที่มีอดัมและอีวา บุตรที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นคู่แรก บนสวนสวรรค์แห่งนี้ ลูซิเฟอร์มีจิตพิศวาสอีวา ล่อลวงจนอีวากระทำผิดข้อห้าม ตามแรงปรารถนาที่ลูซิเฟอร์เข้าครอบงำ ลูซิเฟอร์พยายามอวดอ้างและเป็นปฎิปักษ์ต่อพระเจ้าอยู่เนื่องๆ ต่อมาทูตสวรรค์นามเซนต์ไมเคิล ได้ต่อสู้กับลูซิเฟอร์จนมีชัย และเนรเทศให้ลงมาอยู่ในนรก พร้อมทั้งเหล่าสาวก คอยครอบงำและนำมาซึ่งความชั่วร้าย ผิดศีลธรรมจรรยา ต่อจิตใจมวลมนุษย์ที่อ่อนแอ ให้คอยต่อต้านพระเจ้าตลอดไป
เดิมนั้นซาตานหาใช่หัวหน้าปีศาจหรือเจ้าแห่งอสูรกาย อย่าง ในปัจจุบัน แต่คือเทพบุตร ลูซิเฟอร์ เทพบุตรรูปนี้มีรูปร่าง หน้าตางดงามที่สุดในบรรดาทูตสวรรค์ทั้งปวง อีกทั้งยังมี แสงสุกใสเรืองรองออกมาจากร่างจนได้ชื่อว่าเป็น โอรสแห่ง รุ่งอรุณ
แต่เมื่อถุกขับไล่ออกมายังนรก ก็มีรูปร่างต่างไปราวฟ้ากับดิน คือ กลายเป็นจอมอสูรกายที่มีปีก เจ้าเล่ห์น่าเกลียด น่ากลัว บนหัวยังมีเขางอกออกมา
ว่ากันว่า ลูซิเฟอร์มักจะปรากฏตัวในลักษณะที่เป็นมังกรหรือสิงโต และมีลูกสมุนที่ชื่อว่า Satanackia และ Agalierap ผู้จงรักภักดีอยู่ข้างกายเสมอ เปรียบเสมือนแขนทั้งสองข้างของลูซิเฟอร์ก็ว่าได้ ส่วนสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวลูซิเฟอร์ก็จะเป็น กางเขนกลับหัว โดยมีเลขประจำตัวของลูซิเฟอร์หรือเลขแห่งความโชคร้าย เป็น 666 ซึ่งแตกต่างจากเลขแห่งความโชคดีของพระคริสต์ ที่เป็น 333
ซึ่งเหตุผลที่ลูซิเฟอร์ถือเป็นตัวแทนของบาปแห่งความหยิ่งพยอง ก็เป็นเพราะเขาคิดว่าตนเองเก่งกาจและมีพลังเหนือใคร จนนำพาความหลงผิด และคิดก่อกบฏขึ้น จนในที่สุดก็กลายมาเป็นสงครามสวรรค์ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นเอง โดยศึกครั้งนี้ ลูซิเฟอร์ได้จูงใจเทพ 2 ใน 3 (หรือบางก็ว่า 3 ใน5) ของเทพทั้งหมดบนสวรรค์ เพื่อมาต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ ที่มีแม่ทัพเป็นอัคระเทวฑูตมิคาเอล แต่สุดท้ายก็ได้แพ้พ่ายไปในที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://conquering.exteen.com/20081119/lucifer-2
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.meekhao.com/history/codex-gigas
Cr.
https://wtfintheworld.com/codex-gigas-24578/
Cr.
http://freewill14.blogspot.com/2018/02/blog-post_17.html เขียนโดย จิตอิสระ
Cr.
http://jobs-manman.blogspot.com/2019/06/devil-bible.html เขียนโดย menmen
Cr.
http://balaless.blogspot.com/2015/06/blog-post_30.html เขียนโดย Unknown
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
“คัมภีร์ปีศาจ” ที่เล่าขานกันมาว่า “ลูซิเฟอร์” เป็นผู้วาดภาพด้วยตัวเอง
มันถูกเขียนขึ้นมาในประมาณ คริสต์ศัตวรรษที่ 13 ใน ประเทศโบฮีเนีย (ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเชค Czech Republic) และถูกเก็บรักษาไว้ในโบสถ์ ในระหว่างสงครามสามสิบปี (Thirty Years' War) ในปี ค.ศ. 1648 สมบัติของสะสมต่าง ๆ ภายในโบสถ์ ถูกปล้นไปโดยกองทัพของทหารสวีเดน
Codex Gigas มีความหนา 22 เซนติเมตร สูง 92 เซนติเมตร มีขนาดใหญ่จนต้องใช้หนังสัตว์มากกว่า 160 ชิ้นมาร้อยเข้าด้วยกัน และมีน้ำหนักถึง 74 กิโลกรัม เนื้อหาภายในมีภาพวาดของปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวจนเชื่อว่ามันเป็นหนังสือต้องคำสาป และไม่มีผู้ใดทราบที่มาของหนังสือปีศาจเล่มนี้
ตามตำนานเล่าว่า นักบวชรูปหนึ่งในยุคกลางที่ถูกตัดสินโทษให้ฝังทั้งเป็นในกำแพงเนื่องจากผิดคำสาบาน เพื่อให้รอดพ้นจากการลงโทษเขาต้องเขียนหนังสือที่บรรจุความรู้ทั้งหมดของมนุษย์ไว้ให้เสร็จภายในคืนเดียว
เที่ยงคืนย่างกรายมาถึง แทนที่จะพึ่งพาขอความเมตตาจากพระเจ้า นักบวชผู้สิ้นหวังกลับตัดสินใจหันไปพึ่ง “ลูซิเฟอร์” อดีตหัวหน้าทูตสวรรค์ที่หลงไหลในความงดงามของตนเองจนกระทั่งกล้าเทียบชั้นกับพระเจ้าจนถูกลงโทษให้ตกลงมาบนโลก รอรับการลงโทษในวันสุดท้ายของโลกพร้อมกับพรรคพวกที่ติดตาม ด้วยความกลัวทำให้นักบวชตัดสินใจแลกเปลี่ยนวิญญาณของตัวเองกับการทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ทันเวลา ลูซิเฟอร์ตกลงและได้ช่วยเพิ่มภาพหอคอยขนาดใหญ่และภาพของตัวเองลงบนคัมภีร์นั้น…
“เห็นได้ชัดเจนว่าผู้เขียนถูกความคิดอะไรบางอย่างครอบงำอย่างรุนแรงจึงลงมือสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นพลังด้านมืดหรือสว่างมันก็เป็นผลงานชั้นยอด”
ที่ได้ชื่อว่า Gigas อาจเป็นเพราะขนาดของหนังสือที่ใหญ่มาก (มี 620 หน้า ความยาวของปกจากข้างบนถึงข้างล่าง 3 ฟุต) นอกจากจะมีภาพวาดของปีศาจแล้ว ยังเป็นหนังสือที่รวบรวมงานต่างๆมาไว้ในหนังสือเล่มเดียว บรรจุเรื่องราวของพระคัมภีร์พระธรรมเก่าและใหม่, , ผลงานสองเรื่องของ Flavius Josephus นักประวัติศาสตร์และนักเขียนพิทักษ์ปรัชญาที่มีชีวิตอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1,
นิรุกติศาสตร์ของน.อิสิดอร์แห่งเซวิล, คำแนะนำเกี่ยวกับการทำพิธีขับไล่ปีศาจ , ตำรับยาของคอนสแตนตินชาวอัฟริกา , กฎของน.เบเนดิก, ปฏิทิน , รายชื่อผู้ให้การสนับสนุนอาราม ,และรายการยืดยาวของ “สิ่งที่หายาก” ได้แก่ภาพสเก็ตทางวิทยาศาสตร์และการเล่นแร่แปรธาตุ
ปิดท้ายด้วยพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่และ พงศาวดารโบฮีเมีย โดย Cosmas นักบวช นักเขียน และนักประวัติศาสตร์แห่งกรุงปราก
นักวิจัยบางคนเชื่อว่าความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการลงโทษนักบวชมาจากลายเซ็น “Hermanus inclusus” คำว่า inclusus ในภาษาละตินแปลว่าการลงโทษ แต่ความหมายที่แท้จริงนั้นใกล้เคียงกับคำว่า “ผู้สันโดษ” ซึ่งอาจจะหมายถึงว่าหนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของนักบวชผู้ต้องการจะปลีกตัวออกจากสังคมและอุทิศตนให้กับการเขียน Codex Gigas
แต่ยังไม่มีใครทราบถึงเบื้องหลังที่แท้จริงของคัมภีร์เล่มนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจถูกใช้ในพิธีกรรมเรียกปีศาจก็เป็นได้ ด้วยต้นกำเนิด และปริศนาต่าง ๆ นี้จึงทำให้ คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจนี้ถูกจัดอันดับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อันดับที่ 8 และเป็นหนึ่งในหนังสือ ที่ลึกลับที่สุดในโลกเล่มหนึ่ง
ทั้งนี้ก็เพราะ ลูซิเฟอร์เป็นอดีตอัคระเทวทูตที่เป็นผู้ถูกสร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง มีเป็นใหญ่รองลงมาจากพระเป็นเจ้า ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นอัคระเทวทูตที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด ณ เวลานั้นเลยก็ได้ แต่ด้วยความหลงในอำนาจที่คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด จึงทำให้ลูซิเฟอร์คิดก่อการกบฏเพื่อหักหลังพระเป็นเจ้า จนท้ายที่สุดก็ถูกลงโทษให้ตกจากสวรรค์ และกลายมาเป็น”ปีศาจ” ในที่สุดจึงถูกมิคาเอลหัวหน้าแห่งเทพขับไล่ลงมาสู่โลกมนุษย์แต่ในฐานะที่เคยเป็นเทพชั้นสูงมาก่อนก็เลยถูกให้เป็นเทพแห่งความตายแทน ลักษณะของเทพลูซิเฟอร์ คือ มี 12 ปีกเรืองแสงได้ เป็นเทพที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในบรรดาเทพทั้งปวง (แต่รองจากพระเจ้า)
ลูซิเฟอร์หรือซาตานเป็นชื่อเดียวกัน แต่เดิมลูซิเฟอร์เป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาให้มาดูแลสวนอีเดนที่มีอดัมและอีวา บุตรที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นคู่แรก บนสวนสวรรค์แห่งนี้ ลูซิเฟอร์มีจิตพิศวาสอีวา ล่อลวงจนอีวากระทำผิดข้อห้าม ตามแรงปรารถนาที่ลูซิเฟอร์เข้าครอบงำ ลูซิเฟอร์พยายามอวดอ้างและเป็นปฎิปักษ์ต่อพระเจ้าอยู่เนื่องๆ ต่อมาทูตสวรรค์นามเซนต์ไมเคิล ได้ต่อสู้กับลูซิเฟอร์จนมีชัย และเนรเทศให้ลงมาอยู่ในนรก พร้อมทั้งเหล่าสาวก คอยครอบงำและนำมาซึ่งความชั่วร้าย ผิดศีลธรรมจรรยา ต่อจิตใจมวลมนุษย์ที่อ่อนแอ ให้คอยต่อต้านพระเจ้าตลอดไป
เดิมนั้นซาตานหาใช่หัวหน้าปีศาจหรือเจ้าแห่งอสูรกาย อย่าง ในปัจจุบัน แต่คือเทพบุตร ลูซิเฟอร์ เทพบุตรรูปนี้มีรูปร่าง หน้าตางดงามที่สุดในบรรดาทูตสวรรค์ทั้งปวง อีกทั้งยังมี แสงสุกใสเรืองรองออกมาจากร่างจนได้ชื่อว่าเป็น โอรสแห่ง รุ่งอรุณ
แต่เมื่อถุกขับไล่ออกมายังนรก ก็มีรูปร่างต่างไปราวฟ้ากับดิน คือ กลายเป็นจอมอสูรกายที่มีปีก เจ้าเล่ห์น่าเกลียด น่ากลัว บนหัวยังมีเขางอกออกมา
ว่ากันว่า ลูซิเฟอร์มักจะปรากฏตัวในลักษณะที่เป็นมังกรหรือสิงโต และมีลูกสมุนที่ชื่อว่า Satanackia และ Agalierap ผู้จงรักภักดีอยู่ข้างกายเสมอ เปรียบเสมือนแขนทั้งสองข้างของลูซิเฟอร์ก็ว่าได้ ส่วนสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวลูซิเฟอร์ก็จะเป็น กางเขนกลับหัว โดยมีเลขประจำตัวของลูซิเฟอร์หรือเลขแห่งความโชคร้าย เป็น 666 ซึ่งแตกต่างจากเลขแห่งความโชคดีของพระคริสต์ ที่เป็น 333
ซึ่งเหตุผลที่ลูซิเฟอร์ถือเป็นตัวแทนของบาปแห่งความหยิ่งพยอง ก็เป็นเพราะเขาคิดว่าตนเองเก่งกาจและมีพลังเหนือใคร จนนำพาความหลงผิด และคิดก่อกบฏขึ้น จนในที่สุดก็กลายมาเป็นสงครามสวรรค์ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นเอง โดยศึกครั้งนี้ ลูซิเฟอร์ได้จูงใจเทพ 2 ใน 3 (หรือบางก็ว่า 3 ใน5) ของเทพทั้งหมดบนสวรรค์ เพื่อมาต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ ที่มีแม่ทัพเป็นอัคระเทวฑูตมิคาเอล แต่สุดท้ายก็ได้แพ้พ่ายไปในที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://conquering.exteen.com/20081119/lucifer-2
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.meekhao.com/history/codex-gigas
Cr.https://wtfintheworld.com/codex-gigas-24578/
Cr.http://freewill14.blogspot.com/2018/02/blog-post_17.html เขียนโดย จิตอิสระ
Cr.http://jobs-manman.blogspot.com/2019/06/devil-bible.html เขียนโดย menmen
Cr.http://balaless.blogspot.com/2015/06/blog-post_30.html เขียนโดย Unknown
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)