ผมอยู่ในพื้นที่ที่ใกล้สวนผลไม้ ยาง ป่า เขา เดินทางนิดเดียวก็เจอทะเลอ่าวไทย ฟังดูน่าพิสมัยใช่ไหมครับ
ไม่มีโรงงาน ไม่มีโครงการทำทางยก ทางลอด รถไฟฟ้า ตึกสูง ไม่มีรถบรรทุกตู้อะไรทั้งนั้น รถไม่ติดเลย
เมื่อต้นปี มีฝุ่นควันจากการเผาที่ ปท เพื่อนบ้าน ลอยเข้ามาบ้าง พวกวิ่ง ปั่น เจอไปก็แสบคอแสบตา ปิดบ้าน ใส่หน้ากาก หงอยกันเป็นเดือน แต่เพราะอยู่ติดทะเล พอลมพัด มันก็ดีขึ้นเร็ว ตอนนี้มันก็ดีล่ะ เพราะอากาศยังเย็นอยู่ เห็นคนกลับมาวิ่ง ปั่น กันมืดค่ำ เหมือนเดิม
(ผมจับตาดูวิถีคนวิ่ง ปั่น เพราะคนพวกนี้ ต้องสูดอากาศเยอะ และต้องการพื้นที่ทำการเยอะ)
นักท่องเที่ยว เทียวไปเทียวมา อยู่แค่ไม่นาน เค้าคงไม่ได้เจออะไรแบบที่ผมเจอทุกวัน มันคือรถควันดำ
รถควันดำ มีมากขึ้นในช่วง ห้า ปี มานี้
รถเก่าแบบดูก็รู้ว่าเค้าไม่พร้อมจะเปลี่ยนรถ มันก็เคลื่อนตัวไปช้าๆ พร้อมกับควันที่ออกมาตามสภาพรถ ส่วนมากเป็นรถเถ้าแก่ให้ขับ หรือรถเก็บขยะขาย ไม่มีรถควันดำที่เป็นรถโดยสาร ถึงจะเก่า แต่วินเค้าไม่ปล่อยไว้
รถรุ่นที่ยังเห็นจอดขายตามโชว์รูม จะแต่งอะไรก็ช่างมัน มันไม่เดือดร้อนเรา กลับมีควันดำเป็นเส้น กลับรถทีนึง คนอื่นได้สูดเต็มปอด รถมันไปนู่นละ บ้างก็เห็นทางยาวๆ เค้าก็เอาเลนขวาไปยาวๆ ป้อนควันเส้นดำๆ ให้ต้นไม้ได้สูดบ้าง รถพวกนี้มันจงใจทำควันดำ ผมเชื่อแบบนั้น
จะทำให้รถมีควันดำไปทำไม ถ้าควันดำมันไม่ทำร้ายใคร ก็ให้คนที่เค้ารักมานั่งสูดมันเข้าไปสิ เอาเก้าอี้มากางนั่งที่ปลายท่อ กดเปิดควัน เหยียบคันเร่งเต็มๆ นั่งสูดมันเข้าไป แล้วลองถามเค้าดู มันย่อมเสียสุขภาพกันหมดล่ะ มากน้อยก็เสีย
รถมีปัญหา แต่ด่านที่ตั้งเค้าไม่ได้วัดควันดำรถ รถก็เลยรอดมาได้ตลอด
ผมเข้าใจว่า ต้องมี จนท ส่วนที่สามารถวัดควันดำได้ อยู่ตรงนั้นด้วย ถึงจะเป็นด่านที่ตรวจควันดำรถได้
เป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลจะส่งเสริมให้ตำรวจมีเครื่องตรวจควันดำรถ ที่คล้ายกับเครื่องเป่าวัดแอลกฮอล์ คือใช้เองได้ มีขนาดอุปกรณ์ที่ใช้ได้ทุกวัน
เดี๋ยวเทศกาลส่งผลไม้เข้าล้งก็จะเริ่มละ รถคงวิ่งกันมากมาย อยากให้เค้ามีสำนึกต่อส่วนรวมสักหน่อย อย่าไปแต่งควันดำเลย
บ่อยครั้ง ที่เพิงอาหารข้างถนน ดึกๆ ผมเจอพวกที่วางแก้วเหล้า ไปขึ้นรถ ขับพ่นควัน กลับรถ แล้วมายกแก้วเหล้าต่อ สาวๆ ที่โต๊ะก็ยิ้ม เห้ย ค่านิยมอะไรฟะ ?
ผมหวังกับรัฐบาลนี้ ออกไอเดีย คิดสั่งอะไรหน่อยเถิด
มีทางไหนที่ตำรวจจะสามารถวัดควันดำรถได้สะดวก ทำได้บ่อยกว่าทุกวันนี้
ไม่มีโรงงาน ไม่มีโครงการทำทางยก ทางลอด รถไฟฟ้า ตึกสูง ไม่มีรถบรรทุกตู้อะไรทั้งนั้น รถไม่ติดเลย
เมื่อต้นปี มีฝุ่นควันจากการเผาที่ ปท เพื่อนบ้าน ลอยเข้ามาบ้าง พวกวิ่ง ปั่น เจอไปก็แสบคอแสบตา ปิดบ้าน ใส่หน้ากาก หงอยกันเป็นเดือน แต่เพราะอยู่ติดทะเล พอลมพัด มันก็ดีขึ้นเร็ว ตอนนี้มันก็ดีล่ะ เพราะอากาศยังเย็นอยู่ เห็นคนกลับมาวิ่ง ปั่น กันมืดค่ำ เหมือนเดิม
(ผมจับตาดูวิถีคนวิ่ง ปั่น เพราะคนพวกนี้ ต้องสูดอากาศเยอะ และต้องการพื้นที่ทำการเยอะ)
นักท่องเที่ยว เทียวไปเทียวมา อยู่แค่ไม่นาน เค้าคงไม่ได้เจออะไรแบบที่ผมเจอทุกวัน มันคือรถควันดำ
รถควันดำ มีมากขึ้นในช่วง ห้า ปี มานี้
รถเก่าแบบดูก็รู้ว่าเค้าไม่พร้อมจะเปลี่ยนรถ มันก็เคลื่อนตัวไปช้าๆ พร้อมกับควันที่ออกมาตามสภาพรถ ส่วนมากเป็นรถเถ้าแก่ให้ขับ หรือรถเก็บขยะขาย ไม่มีรถควันดำที่เป็นรถโดยสาร ถึงจะเก่า แต่วินเค้าไม่ปล่อยไว้
รถรุ่นที่ยังเห็นจอดขายตามโชว์รูม จะแต่งอะไรก็ช่างมัน มันไม่เดือดร้อนเรา กลับมีควันดำเป็นเส้น กลับรถทีนึง คนอื่นได้สูดเต็มปอด รถมันไปนู่นละ บ้างก็เห็นทางยาวๆ เค้าก็เอาเลนขวาไปยาวๆ ป้อนควันเส้นดำๆ ให้ต้นไม้ได้สูดบ้าง รถพวกนี้มันจงใจทำควันดำ ผมเชื่อแบบนั้น
จะทำให้รถมีควันดำไปทำไม ถ้าควันดำมันไม่ทำร้ายใคร ก็ให้คนที่เค้ารักมานั่งสูดมันเข้าไปสิ เอาเก้าอี้มากางนั่งที่ปลายท่อ กดเปิดควัน เหยียบคันเร่งเต็มๆ นั่งสูดมันเข้าไป แล้วลองถามเค้าดู มันย่อมเสียสุขภาพกันหมดล่ะ มากน้อยก็เสีย
รถมีปัญหา แต่ด่านที่ตั้งเค้าไม่ได้วัดควันดำรถ รถก็เลยรอดมาได้ตลอด
ผมเข้าใจว่า ต้องมี จนท ส่วนที่สามารถวัดควันดำได้ อยู่ตรงนั้นด้วย ถึงจะเป็นด่านที่ตรวจควันดำรถได้
เป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลจะส่งเสริมให้ตำรวจมีเครื่องตรวจควันดำรถ ที่คล้ายกับเครื่องเป่าวัดแอลกฮอล์ คือใช้เองได้ มีขนาดอุปกรณ์ที่ใช้ได้ทุกวัน
เดี๋ยวเทศกาลส่งผลไม้เข้าล้งก็จะเริ่มละ รถคงวิ่งกันมากมาย อยากให้เค้ามีสำนึกต่อส่วนรวมสักหน่อย อย่าไปแต่งควันดำเลย
บ่อยครั้ง ที่เพิงอาหารข้างถนน ดึกๆ ผมเจอพวกที่วางแก้วเหล้า ไปขึ้นรถ ขับพ่นควัน กลับรถ แล้วมายกแก้วเหล้าต่อ สาวๆ ที่โต๊ะก็ยิ้ม เห้ย ค่านิยมอะไรฟะ ?
ผมหวังกับรัฐบาลนี้ ออกไอเดีย คิดสั่งอะไรหน่อยเถิด