หลังจากแอบอ่านมาหลายกระทู้ ดูรีวิวจากหลายแหล่ง จนได้โปรแกรมการเที่ยว โอกินาว่า ในแบบฉบับของตัวเอง
ตอนแรกบอกใครๆ ว่าไปสามวันสองคืน มีแต่คนมองบน ว่า น้อยไปป่าว ยิ่งได้เห็นโปรแกรมที่แน่นเอี๊ยด สายชิลก็อาจจะมีตกใจ แต่พี่เป็นสาย อึด ถึก ทน ขอเนื้อๆ เน้นๆ หลักๆ คือ วางแผนอาหารที่อยากกินก่อน กินให้ครบจะได้ไม่คาใจ (เรื่องกินเรื่องใหญ่) จากนั้น วางแผนสถานที่เที่ยวที่อยากไป เอาแบบ ใจเราอยากไปจริงๆ ไม่อิงรีวิว ก็ได้มาครบ ตามมาด้วย เปิด google map จัดวางเส้นทางให้ลงตัว ซึ่งตาราง final ของพี่ ได้มาตามนี้เลยค่ะ (แก้ไปแก้มาประมาณ ห้าล้านรอบ)
31/01/63
01.45 เดินทางโดย Peach Air
8.05 ลงเครื่องที่สนามบิน Naha
9.00 รับรถเช่า OTS
(ขับรถ 20 นาที)
10.00 กินข้าวเช้าที่ตลาดปลา itoman fishing cooperative fish center /2000Y
(ขับรถ 20 นาที)
12.00 ไหว้เจ้า ที่ศาลเจ้า NAMINOUEGU
13.00 กินข้าวเที่ยงที่ร้าน Ayagu Shokudo (มะระผัดขี้นก)
บ่าย ไปเดินเล่น American Village ทำรองเท้า Okichu ตึก Dopot Island E (ปิดสองทุ่ม) แวะศูนย์เกมส์ SAGA (ปิด 23.00)
แวะชมพระอาทิตย์ตกดินที่ Cape Monzamo
ตรงกลับไปพักที่โรงแรม Okinawa Marriott & Spa แช่น้ำร้อน
1/02/63
7.30 ออกเดินทาง
(ขับรถ 46 นาที)
8.30 Okinawa Aquarium / 1630x2Y
(ขับรถ 17 นาที)
11.00 ออกเดินทาง
11.40 ชิมเบียร์ฟรีที่ Orion Happy Park (ตามที่ booking ผ่านหน้าเวบไว้ล่วงหน้า)
13.00 กินโซบะต้นตำรับที่ Gabusoka Soba
14.30 Heart Rock
แวะ Inn Cafe (ปิด 18.00)
เย็น ชมเทศกาลซากุระที่ ซากปราสาท Nakijin
ค่ำ กิน Shima Butaya
จอดรถที่ Naha City Hall (เดิน 550 m)
เข้าพักที่ Santiago Guesthouse Naha
2/02/63
9.00 Ichiran Ramen
ช้อปปิ้งที่ Don Quijote และเดินเล่นซื้อของฝากที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์ Kokusai Street
กินเที่ยง บุฟเฟ่ต์ชาบู Cookiya
บ่ายแวะห้าง Aeon เก็บตก
18.30 คืนรถที่ OTS
21.45 เครื่องออกจากสนามบิน Naha สู่สุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่า นี่เป็นรีวิวครั้งแรก ขาดตกบกพร่องหรือให้ข้อมูลผิดพลาดประการใด ขอน้อมรับไว้ ณ ที่นี้ และรูปทั้งหมด ถ่ายจากกล้องมือถือซัมซุงธรรมดา บวกขาตั้งกล้องจาก shopee บ้านๆ ทุกตัวอักษรรีวิวด้วยใจจิงๆ ยังไงฝากเนื้อฝากตัว เป็นกำลังใจให้มือใหม่ด้วยนะคะ
มาเริ่มกันเลยยยยยย
วันแรก (31/01/20)
ออกจากบ้านสี่ทุ่ม ไปฝากรถไว้ที่ ที่จอดรถ.com บริการเขาโอเคนะคะ สามวัน 476 บาท อยู่แถวๆ กิ่งแก้ว ทางเข้าน่ากลัวไปหน่อย แต่ที่จอดดีงาม มีกล้องวงจรปิดให้ดูรถตัวเอง 24 ชั่วโมงเลยค่ะ (แต่พี่เที่ยวเพลินจนกลับมารับรถแล้วก็ลืมเปิดดูเลย แหะๆ) จอดเสร็จปุ๊บก็มีรถตู้ VIP ขับไปส่งที่สนามบิน รีบไปหน่อย ลืมถ่ายรูปมาฝาก ขออภัยค่ะ
ถึงสนามบินในสภาพ เหมือนทัวร์จีนที่พึ่งอพยพหนีไวรัสโคโรน่ามาเลยค่ะ
คิวของ Peach Air ค่อนข้างยาวและรอนาน แนะนำให้รีบมากันนะคะ เข้าไปได้ ก็เดินช้อปปิ้งกันเล็กน้อย ได้เสียตังตั้งแต่เครื่องยังไม่ออกเลยค่ะ
ใครที่เป็นสมาชิก King Power อย่าลิมไปใช้สิทธิ์เข้า Lounge เค้านะคะ นั่งกินขนมและเครื่องดื่มฟรี พร้อมผู้ติดตาม 1 คน ก่อนขึ้นเครื่อง (พี่แอบจิ๊กถั่วไว้กินบนเครื่องเล็กน้อยพอกรุบกริบ อิอิ)
ขึ้นเครื่องตามเวลาคือ 1.45 แต่เครื่องก็กว่าจะ take-off จริง ก็ผ่านไป 1 ชั่วโมงค่ะ คนอื่นก็นั่งสัปหงกรอยาวไป แต่เทคนิคของพี่ คือทุกครั้งที่เดินทางไฟล์ทดึก พี่จะพกยาแก้เมารถ ไปกินก่อนขึ้นเครื่อง ทีนี้เครื่องจะออกหรือไม่ เราไม่รู้เรื่องละค่ะ สะลึมสะลือ หลับสบาย ไร้กังวล ตื่นมาอีกที ก็ถึงที่หมายละคะ
ขั้นตอนการออกจากสนามบิน Naha ไม่ยาก รอไม่นาน เราไม่ได้โหลดกระเป๋า เลยไม่ต้องรอ เดินลงจากเครื่องปุ๊บ เผลอแพบเดียว ก็ออกมาเจอเคาเคอร์ OTS สีน้ำเงินเข้ม เดินขึ้นรถบัส ข้างนอกอากาศหนาวมากกกก แอบตกใจ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถึงที่รับรถเช่า เราไปกันสองคน จองรถไซ้ส S รวมสามวันพร้อมประกันแบบธรรมดา ประมาณ 12xxx yen ถือว่าคุ้มมากค่ะ (แนะนำให้จองผ่านหน้าเวบเค้าไปก่อนล่วงหน้า และทำ pretest เรียนรู้การขับขี่บนท้องถนนญี่ปุ่นบนหน้าเวบไปก่อนเลย เพื่อไปถึงจะได้ไม่เสียเวลาค่ะ
เอาล่ะ ได้รถแล้ว ก็ออกไปลุยกันเลยยยยย....!!!
ที่หมายแรกที่มติเป็นเอกฉันท์ว่า ลงเครื่องแล้ว ต้องจัดก่อนเลย คือ การไปกินอาหารทะเลสดๆ กันที่ Itoman Fish Market ซึ่งเป็นตลาดปลาที่ใกล้มากๆ ห่างจาก OTS แค่ 5 นาทีเท่านั้นเองค่ะ
และนี่คืออาหารมื้อเช้าของเรา รวมเป็นเงินไทยประมาณ ไม่ถึงหนึ่งพันบาท ขอบอกว่า อร่อย หวาน สด ทุกเมนู โดยเฉพาะ ไข่หอยเม่น ที่ไม่มีความคาวหลงเหลือให้ขมขื่นหัวใจเลยค่ะ กุ้งก็หวาน ที่นี่ขึ้นชื่อ สาหร่ายพวงองุ่น บ้านเรา ขายตามตลาดนัด ที่นั่นก็มีทุกหนแห่ง รสชาติสดกรุบแบบไม่ง้อน้ำจิ้ม มีความเค็มเล็กน้อย กินได้เพลินๆค่ะ (อากาศที่นี่ หนาวมากกกก ลมแรงเหลือใจ ตะแรกนั่งกิน outdoor แต่พอนั่งไปสักพัก ไม่ไหวจิงๆ ค่ะ ขอแอบไปนั่งกินข้างในดีกว่า)
เติมพลังแล้ว ก็มุ่งตรงไปไหว้พระ ขอพร เอาฤกษ์เอาชัย ที่ศาลเจ้า NAMINOUEGU ข้างหน้ามีที่จอดฟรี แต่เราไม่รู้ ก็ขับไปจอดแบบเสียตังค่ะ ถือเป็นค่าประสบการณ์ มาไว้บอกเล่ากับทุกคน แหะๆ
มาที่นี่แล้ว อย่าลืมเดินไปชายหาดเล็กๆ ด้านหลังนะคะ ทะเลสีสวยมากกก ท้องฟ้าก็สดใส เกิดมา เพิ่งจะได้แต่งตัวแบบนี้ ถ่ายรูปริมทะเลเป็นครั้งแรกค่ะ
ถ้าตามกำหนดการ เราต้องไปกินข้าวกันอีกแล้ว ซึ่งปลายังไม่ย่อยหมดท้อง เอาไงดี คิดว่าจะแวะไหนได้บ้าง ใจอยากจะไปปราสาทซูริ มรดกโลกมากๆ แต่ช่วงที่เรามา ยังคงปิดซ่อมแซมจากที่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อตค.ปีก่อนค่ะ นึกไปนึกมา แวะไปเดินเล่นที่ทางเดินหินใกล้ๆ ปราสาทดีกว่า น่าจะคลาสิคดี ไปถึง ไม่มีคนเลย เงียบ สงบ ฟ้าสดใส ภาพที่ได้ ก็จะประมาณนี้ค่ะ
และแล้วก็ได้เวลากิน มื้อนี้ ได้มาตามรีวิว ที่นั่งอ่านตอนก่อนขึ้นเครื่องแป๊บเดียว ในร้านมีแต่คนแก่ คนทำงาน ไฮไลท์คือ รสชาติพื้นบ้าน ถูกปากมากๆ แถมราคาก็ไม่แพงเลยค่ะ
พี่สั่ง อันแรก ปกติอยู่เมืองไทย ไม่กิน มะระ เพราะไม่ชอบของขม แต่แปลก มาที่นี่ มะระอร่อย ไม่ขมปาก น่าจะผัดกับเกลือ ซึ่งที่นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องเกลือ ขอบอกว่า จานใหญ่มาก มาตอนแรกแทบถอดใจ แต่กินไปเพลินๆ หมดเรียบเลยนะคะ ส่วนแฟนสั่งชุดหมูทอดโซบะ ก็ฟาดเรียบ กินคลีนเช่นกันค่ะ 5555 สองเซทนี้ ตกไม่ถึงสี่ร้อยบาทเองค่ะท่านผู้ชม มันดีต่อใจมากๆ
กินกันจนพุงกางแลัว ก็ออกเดินทางต่อไปที่ American Village ขับรถที่นี่ ง่าย ปลอดภัย และไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ ขับมาสามวัน ไม่มีหลงเลย แผนที่เขาแม่นยำมากจริงๆ มีเรื่องขำจะเล่าด้วย ตะแรก ก็นึกว่า GPS เค้าคงจะเสีย บางทีก็กดติด บ้างก็ไม่ติด สงสัยมันจะเก่า ใช้อยู่สองวันกว่าจะถึงบางอ้อว่า ระบบ safety เค้าสูงมากๆ คือ ถ้ารถเคลื่อนตัวแล้ว หน้าจอจะ touch screen ไม่ได้เลยจ้า ต้องให้รถหยุดนิ่ง จึงจะสั่งการได้ แถมพวงมาลัยยังกะติดกล้องไว้ แค่ขับโฉบเลนไปนิดนึง ก็ส่งเสียงร้องเตือนแล้ว คือ ทุกครั้งที่พวงมาลัยจะเอียง เราต้องเปิดไฟเลี้ยวก่อนจ้า ไม่งั้นรถจะงอแง ร้องโวยวาย สุดจริง เรื่องวินัยจราจร
ชิงช้าสวรรค์ที่นี่ ให้อารมณ์เหมือน อยู่เอเชียทึค แต่มาถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปเช็คอิน กะ landmark เค้าหน่อยค่า
จะบอกว่าร้านรองเท้าแตะนี้ คือหนึ่งในไฮไลท์ที่ต้องมา หลังจากดูมาหลายรีวิว เดินตามหากว่าจะเจอ แต่พอมาถึง แอบผิดหวังค่ะ ราคาแรงมาก แตะธรรมดาคู่ละ 1650yen บวกลาย บวกอักษรเข้าไป รวมๆ คู่ละเกือบพันบาท ตัดใจค่ะ ซื้อไม่ลง เก็บตังไว้ก่อนดีกว่า ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกสองวัน เลยถ่ายรูปมาไว้เป็นที่ระลึกแทน
เดินมาจนถึงร้านกาแฟ แกะรอยมาตามรีวิวเป๊ะๆ ร้านอยู่ริมทะเล เป็นร้านเล็กๆ บาริสต้าที่นี่อัทยาศรัยดีมาก พี่สั่ง คาราเมล หอมชื่นใจ ไม่หวานเกินไป อีกแก้วเป็นอเมริกาโน่ ก็ลงตัวค่ะ ดื่มด่ำบรรยากาศ นั่งงงในดงทัวร์จีนกันไป
ฝนตกพรำๆ เล็กๆ แล้วก็หยุดไป (ทั้งที่พยากรณ์บอกไว้ว่าวันนี้ไม่มีฝน!) โชคดีร้านค้าแถวนี้ใจดีให้ยืมร่มค่ะ เดินออกจากร้านกาแฟ ก็ได้วิวประมาณนี้เลย
ก่อนกลับเราแวะไปเสี่ยงดวงคีบตุ๊กตาที่ SEGA หุหุ อย่าให้บอกว่าได้อะไร ถามดีกว่าว่าที่เสียไปอะเท่าไหร่แล้ว แลกไปแพบเดียว เหรียญทั้งหมด หายวับไปกับตา ได้เพียง อะดรีนาลีน ที่หลั่งตอนตื่นเต้นเมื่อคีบขึ้นมา และ คอทิซอล หลังจากวีนเหวี่ยงแทบทุบตู้แตกเมื่อเห็นมันหล่นลงมาคาตา - -"
ตู้ที่นี่คีบกันได้ทุกสิ่งอย่างจริงๆค่ะ >___<
สถานที่สุดท้ายก่อนเช็คอินในวันนี้ คือ แหลมงวงช้าง ซึ่งแทบทุกรีวิวได้กล่าวไว้ว่า ทางเข้ารถติดมาก อาจจะเจอเป็นชั่วโมง เพราะทางแคบ ที่จอดรถน้อย และให้ไปตอนที่มีแสงแดดจัดๆ เพื่อภาพที่สวยงาม แต่เรากางโปรแกรมแล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปเสียบไว้ตอนไหนละ ฟ้าก็เริ่มมืด แต่ถ้าไม่ไปก็เหมือนมาไม่ถึง เลยตัดสินใจว่า เอาไงเอากัน ไปให้ถึงก่อนพระอาทิตย์ตกก็ยังดี
และแล้ว เราก็แทบจะซิ่งมาเพื่อให้ทันกับท้องฟ้าที่ครึ้มลงเรื่อยๆ จนเข้ามาถึงได้แบบ ไม่มีรถเข้าไปอีกเลย มีแต่รถออก จนเหลือรถเรา จอดอยู่คันสุดท้าย คันเดียว กับท้องฟ้าที่สลัวมาก แถมลมทะเลแรงระดับปลิวได้ เสื้อผ้าที่ใส่มาหรอ ไม่ได้ช่วยเลย หนาวสะท้านไปถึงข้างใน แต่ คนไทยใจกล้าค่ะ มาถึงแล้ว เราสู้!!
พูดเลยว่าตอนเดินเข้าไป หัวเราะขำตัวเองกันไปตลอดทาง เอ๊ะ เรามาทำอะไรที่นี่ หนาวชิหาย หนาวมากกกก ถ้าเป็นเมืองไทยคือไม่เดินต่อแล้ว เพราะไม่มีคนเดินอยู่แถวนั้นแล้วเลยค่ะ ทางเดินก็ไกลมาก กว่าจะจากที่จอด ลงทางขรุขระไป จนถึงที่หมายได้ แบบโอยยย กรี๊ดแทบแตกกกก
สุดท้ายก็ได้ภาพนี้มาเชยชมสมใจค่ะ ไม่มีคน ไม่มีใครบังวิว มีแต่ tourist ไทยสองคนที่กล้าดีเดือด สุดจิงค่ะ หนาวแบบนี้ ใครอยากลอง ให้มาเลยค่ะ ข้อดีคือ ถ่ายรูปได้แบบสบายๆ ไร้ผู้คน 5555 แต่วิวเขาสวยจริงค่ะ แสงสุดท้ายที่แหลมงวงช้าง เดินออกมา ฟ้ามืดสนิทพอดี ปิดทริปวันแรกได้อย่างสวยงาม ตามแผนการทุกประการ มุ่งเข้าสู่ที่พัก เพื่อเตรียมพักร่าง ไว้ผจญภัยในวันต่อไปค่ะ
ที่เราพักที่นี่ ไม่ได้ไฮโซเล่นใหญ่อะไรเลยนะคะ ได้ดีลดีจาก Agoda ค่ะ ห้องพักจากสองหมื่นเหลือคืนละสามพันกว่า แถมได้อัพเกรดห้อง มีระเบียงชมวิวทะเล พร้อมอ่างอาบน้ำและห้องทีใหญ่มากๆ เปิดน้ำร้อน นอนแช่ ราตรีสวัสดิ์วันแรก ณ โอกินาว่า กันนะคะทุกคน
ขับรถเที่ยว โอกินาว่า 3 วัน 2 คืน เก็บครบทุกจุด งบน้อยกว่าที่ิคิด
ตอนแรกบอกใครๆ ว่าไปสามวันสองคืน มีแต่คนมองบน ว่า น้อยไปป่าว ยิ่งได้เห็นโปรแกรมที่แน่นเอี๊ยด สายชิลก็อาจจะมีตกใจ แต่พี่เป็นสาย อึด ถึก ทน ขอเนื้อๆ เน้นๆ หลักๆ คือ วางแผนอาหารที่อยากกินก่อน กินให้ครบจะได้ไม่คาใจ (เรื่องกินเรื่องใหญ่) จากนั้น วางแผนสถานที่เที่ยวที่อยากไป เอาแบบ ใจเราอยากไปจริงๆ ไม่อิงรีวิว ก็ได้มาครบ ตามมาด้วย เปิด google map จัดวางเส้นทางให้ลงตัว ซึ่งตาราง final ของพี่ ได้มาตามนี้เลยค่ะ (แก้ไปแก้มาประมาณ ห้าล้านรอบ)
31/01/63
01.45 เดินทางโดย Peach Air
8.05 ลงเครื่องที่สนามบิน Naha
9.00 รับรถเช่า OTS
(ขับรถ 20 นาที)
10.00 กินข้าวเช้าที่ตลาดปลา itoman fishing cooperative fish center /2000Y
(ขับรถ 20 นาที)
12.00 ไหว้เจ้า ที่ศาลเจ้า NAMINOUEGU
13.00 กินข้าวเที่ยงที่ร้าน Ayagu Shokudo (มะระผัดขี้นก)
บ่าย ไปเดินเล่น American Village ทำรองเท้า Okichu ตึก Dopot Island E (ปิดสองทุ่ม) แวะศูนย์เกมส์ SAGA (ปิด 23.00)
แวะชมพระอาทิตย์ตกดินที่ Cape Monzamo
ตรงกลับไปพักที่โรงแรม Okinawa Marriott & Spa แช่น้ำร้อน
1/02/63
7.30 ออกเดินทาง
(ขับรถ 46 นาที)
8.30 Okinawa Aquarium / 1630x2Y
(ขับรถ 17 นาที)
11.00 ออกเดินทาง
11.40 ชิมเบียร์ฟรีที่ Orion Happy Park (ตามที่ booking ผ่านหน้าเวบไว้ล่วงหน้า)
13.00 กินโซบะต้นตำรับที่ Gabusoka Soba
14.30 Heart Rock
แวะ Inn Cafe (ปิด 18.00)
เย็น ชมเทศกาลซากุระที่ ซากปราสาท Nakijin
ค่ำ กิน Shima Butaya
จอดรถที่ Naha City Hall (เดิน 550 m)
เข้าพักที่ Santiago Guesthouse Naha
2/02/63
9.00 Ichiran Ramen
ช้อปปิ้งที่ Don Quijote และเดินเล่นซื้อของฝากที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์ Kokusai Street
กินเที่ยง บุฟเฟ่ต์ชาบู Cookiya
บ่ายแวะห้าง Aeon เก็บตก
18.30 คืนรถที่ OTS
21.45 เครื่องออกจากสนามบิน Naha สู่สุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่า นี่เป็นรีวิวครั้งแรก ขาดตกบกพร่องหรือให้ข้อมูลผิดพลาดประการใด ขอน้อมรับไว้ ณ ที่นี้ และรูปทั้งหมด ถ่ายจากกล้องมือถือซัมซุงธรรมดา บวกขาตั้งกล้องจาก shopee บ้านๆ ทุกตัวอักษรรีวิวด้วยใจจิงๆ ยังไงฝากเนื้อฝากตัว เป็นกำลังใจให้มือใหม่ด้วยนะคะ
มาเริ่มกันเลยยยยยย
วันแรก (31/01/20)
ออกจากบ้านสี่ทุ่ม ไปฝากรถไว้ที่ ที่จอดรถ.com บริการเขาโอเคนะคะ สามวัน 476 บาท อยู่แถวๆ กิ่งแก้ว ทางเข้าน่ากลัวไปหน่อย แต่ที่จอดดีงาม มีกล้องวงจรปิดให้ดูรถตัวเอง 24 ชั่วโมงเลยค่ะ (แต่พี่เที่ยวเพลินจนกลับมารับรถแล้วก็ลืมเปิดดูเลย แหะๆ) จอดเสร็จปุ๊บก็มีรถตู้ VIP ขับไปส่งที่สนามบิน รีบไปหน่อย ลืมถ่ายรูปมาฝาก ขออภัยค่ะ
ถึงสนามบินในสภาพ เหมือนทัวร์จีนที่พึ่งอพยพหนีไวรัสโคโรน่ามาเลยค่ะ
คิวของ Peach Air ค่อนข้างยาวและรอนาน แนะนำให้รีบมากันนะคะ เข้าไปได้ ก็เดินช้อปปิ้งกันเล็กน้อย ได้เสียตังตั้งแต่เครื่องยังไม่ออกเลยค่ะ
ใครที่เป็นสมาชิก King Power อย่าลิมไปใช้สิทธิ์เข้า Lounge เค้านะคะ นั่งกินขนมและเครื่องดื่มฟรี พร้อมผู้ติดตาม 1 คน ก่อนขึ้นเครื่อง (พี่แอบจิ๊กถั่วไว้กินบนเครื่องเล็กน้อยพอกรุบกริบ อิอิ)
ขึ้นเครื่องตามเวลาคือ 1.45 แต่เครื่องก็กว่าจะ take-off จริง ก็ผ่านไป 1 ชั่วโมงค่ะ คนอื่นก็นั่งสัปหงกรอยาวไป แต่เทคนิคของพี่ คือทุกครั้งที่เดินทางไฟล์ทดึก พี่จะพกยาแก้เมารถ ไปกินก่อนขึ้นเครื่อง ทีนี้เครื่องจะออกหรือไม่ เราไม่รู้เรื่องละค่ะ สะลึมสะลือ หลับสบาย ไร้กังวล ตื่นมาอีกที ก็ถึงที่หมายละคะ
ขั้นตอนการออกจากสนามบิน Naha ไม่ยาก รอไม่นาน เราไม่ได้โหลดกระเป๋า เลยไม่ต้องรอ เดินลงจากเครื่องปุ๊บ เผลอแพบเดียว ก็ออกมาเจอเคาเคอร์ OTS สีน้ำเงินเข้ม เดินขึ้นรถบัส ข้างนอกอากาศหนาวมากกกก แอบตกใจ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถึงที่รับรถเช่า เราไปกันสองคน จองรถไซ้ส S รวมสามวันพร้อมประกันแบบธรรมดา ประมาณ 12xxx yen ถือว่าคุ้มมากค่ะ (แนะนำให้จองผ่านหน้าเวบเค้าไปก่อนล่วงหน้า และทำ pretest เรียนรู้การขับขี่บนท้องถนนญี่ปุ่นบนหน้าเวบไปก่อนเลย เพื่อไปถึงจะได้ไม่เสียเวลาค่ะ
เอาล่ะ ได้รถแล้ว ก็ออกไปลุยกันเลยยยยย....!!!
ที่หมายแรกที่มติเป็นเอกฉันท์ว่า ลงเครื่องแล้ว ต้องจัดก่อนเลย คือ การไปกินอาหารทะเลสดๆ กันที่ Itoman Fish Market ซึ่งเป็นตลาดปลาที่ใกล้มากๆ ห่างจาก OTS แค่ 5 นาทีเท่านั้นเองค่ะ
และนี่คืออาหารมื้อเช้าของเรา รวมเป็นเงินไทยประมาณ ไม่ถึงหนึ่งพันบาท ขอบอกว่า อร่อย หวาน สด ทุกเมนู โดยเฉพาะ ไข่หอยเม่น ที่ไม่มีความคาวหลงเหลือให้ขมขื่นหัวใจเลยค่ะ กุ้งก็หวาน ที่นี่ขึ้นชื่อ สาหร่ายพวงองุ่น บ้านเรา ขายตามตลาดนัด ที่นั่นก็มีทุกหนแห่ง รสชาติสดกรุบแบบไม่ง้อน้ำจิ้ม มีความเค็มเล็กน้อย กินได้เพลินๆค่ะ (อากาศที่นี่ หนาวมากกกก ลมแรงเหลือใจ ตะแรกนั่งกิน outdoor แต่พอนั่งไปสักพัก ไม่ไหวจิงๆ ค่ะ ขอแอบไปนั่งกินข้างในดีกว่า)
เติมพลังแล้ว ก็มุ่งตรงไปไหว้พระ ขอพร เอาฤกษ์เอาชัย ที่ศาลเจ้า NAMINOUEGU ข้างหน้ามีที่จอดฟรี แต่เราไม่รู้ ก็ขับไปจอดแบบเสียตังค่ะ ถือเป็นค่าประสบการณ์ มาไว้บอกเล่ากับทุกคน แหะๆ
มาที่นี่แล้ว อย่าลืมเดินไปชายหาดเล็กๆ ด้านหลังนะคะ ทะเลสีสวยมากกก ท้องฟ้าก็สดใส เกิดมา เพิ่งจะได้แต่งตัวแบบนี้ ถ่ายรูปริมทะเลเป็นครั้งแรกค่ะ
ถ้าตามกำหนดการ เราต้องไปกินข้าวกันอีกแล้ว ซึ่งปลายังไม่ย่อยหมดท้อง เอาไงดี คิดว่าจะแวะไหนได้บ้าง ใจอยากจะไปปราสาทซูริ มรดกโลกมากๆ แต่ช่วงที่เรามา ยังคงปิดซ่อมแซมจากที่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อตค.ปีก่อนค่ะ นึกไปนึกมา แวะไปเดินเล่นที่ทางเดินหินใกล้ๆ ปราสาทดีกว่า น่าจะคลาสิคดี ไปถึง ไม่มีคนเลย เงียบ สงบ ฟ้าสดใส ภาพที่ได้ ก็จะประมาณนี้ค่ะ
และแล้วก็ได้เวลากิน มื้อนี้ ได้มาตามรีวิว ที่นั่งอ่านตอนก่อนขึ้นเครื่องแป๊บเดียว ในร้านมีแต่คนแก่ คนทำงาน ไฮไลท์คือ รสชาติพื้นบ้าน ถูกปากมากๆ แถมราคาก็ไม่แพงเลยค่ะ
พี่สั่ง อันแรก ปกติอยู่เมืองไทย ไม่กิน มะระ เพราะไม่ชอบของขม แต่แปลก มาที่นี่ มะระอร่อย ไม่ขมปาก น่าจะผัดกับเกลือ ซึ่งที่นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องเกลือ ขอบอกว่า จานใหญ่มาก มาตอนแรกแทบถอดใจ แต่กินไปเพลินๆ หมดเรียบเลยนะคะ ส่วนแฟนสั่งชุดหมูทอดโซบะ ก็ฟาดเรียบ กินคลีนเช่นกันค่ะ 5555 สองเซทนี้ ตกไม่ถึงสี่ร้อยบาทเองค่ะท่านผู้ชม มันดีต่อใจมากๆ
กินกันจนพุงกางแลัว ก็ออกเดินทางต่อไปที่ American Village ขับรถที่นี่ ง่าย ปลอดภัย และไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ ขับมาสามวัน ไม่มีหลงเลย แผนที่เขาแม่นยำมากจริงๆ มีเรื่องขำจะเล่าด้วย ตะแรก ก็นึกว่า GPS เค้าคงจะเสีย บางทีก็กดติด บ้างก็ไม่ติด สงสัยมันจะเก่า ใช้อยู่สองวันกว่าจะถึงบางอ้อว่า ระบบ safety เค้าสูงมากๆ คือ ถ้ารถเคลื่อนตัวแล้ว หน้าจอจะ touch screen ไม่ได้เลยจ้า ต้องให้รถหยุดนิ่ง จึงจะสั่งการได้ แถมพวงมาลัยยังกะติดกล้องไว้ แค่ขับโฉบเลนไปนิดนึง ก็ส่งเสียงร้องเตือนแล้ว คือ ทุกครั้งที่พวงมาลัยจะเอียง เราต้องเปิดไฟเลี้ยวก่อนจ้า ไม่งั้นรถจะงอแง ร้องโวยวาย สุดจริง เรื่องวินัยจราจร
ชิงช้าสวรรค์ที่นี่ ให้อารมณ์เหมือน อยู่เอเชียทึค แต่มาถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปเช็คอิน กะ landmark เค้าหน่อยค่า
จะบอกว่าร้านรองเท้าแตะนี้ คือหนึ่งในไฮไลท์ที่ต้องมา หลังจากดูมาหลายรีวิว เดินตามหากว่าจะเจอ แต่พอมาถึง แอบผิดหวังค่ะ ราคาแรงมาก แตะธรรมดาคู่ละ 1650yen บวกลาย บวกอักษรเข้าไป รวมๆ คู่ละเกือบพันบาท ตัดใจค่ะ ซื้อไม่ลง เก็บตังไว้ก่อนดีกว่า ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกสองวัน เลยถ่ายรูปมาไว้เป็นที่ระลึกแทน
เดินมาจนถึงร้านกาแฟ แกะรอยมาตามรีวิวเป๊ะๆ ร้านอยู่ริมทะเล เป็นร้านเล็กๆ บาริสต้าที่นี่อัทยาศรัยดีมาก พี่สั่ง คาราเมล หอมชื่นใจ ไม่หวานเกินไป อีกแก้วเป็นอเมริกาโน่ ก็ลงตัวค่ะ ดื่มด่ำบรรยากาศ นั่งงงในดงทัวร์จีนกันไป
ฝนตกพรำๆ เล็กๆ แล้วก็หยุดไป (ทั้งที่พยากรณ์บอกไว้ว่าวันนี้ไม่มีฝน!) โชคดีร้านค้าแถวนี้ใจดีให้ยืมร่มค่ะ เดินออกจากร้านกาแฟ ก็ได้วิวประมาณนี้เลย
ก่อนกลับเราแวะไปเสี่ยงดวงคีบตุ๊กตาที่ SEGA หุหุ อย่าให้บอกว่าได้อะไร ถามดีกว่าว่าที่เสียไปอะเท่าไหร่แล้ว แลกไปแพบเดียว เหรียญทั้งหมด หายวับไปกับตา ได้เพียง อะดรีนาลีน ที่หลั่งตอนตื่นเต้นเมื่อคีบขึ้นมา และ คอทิซอล หลังจากวีนเหวี่ยงแทบทุบตู้แตกเมื่อเห็นมันหล่นลงมาคาตา - -"
ตู้ที่นี่คีบกันได้ทุกสิ่งอย่างจริงๆค่ะ >___<
สถานที่สุดท้ายก่อนเช็คอินในวันนี้ คือ แหลมงวงช้าง ซึ่งแทบทุกรีวิวได้กล่าวไว้ว่า ทางเข้ารถติดมาก อาจจะเจอเป็นชั่วโมง เพราะทางแคบ ที่จอดรถน้อย และให้ไปตอนที่มีแสงแดดจัดๆ เพื่อภาพที่สวยงาม แต่เรากางโปรแกรมแล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปเสียบไว้ตอนไหนละ ฟ้าก็เริ่มมืด แต่ถ้าไม่ไปก็เหมือนมาไม่ถึง เลยตัดสินใจว่า เอาไงเอากัน ไปให้ถึงก่อนพระอาทิตย์ตกก็ยังดี
และแล้ว เราก็แทบจะซิ่งมาเพื่อให้ทันกับท้องฟ้าที่ครึ้มลงเรื่อยๆ จนเข้ามาถึงได้แบบ ไม่มีรถเข้าไปอีกเลย มีแต่รถออก จนเหลือรถเรา จอดอยู่คันสุดท้าย คันเดียว กับท้องฟ้าที่สลัวมาก แถมลมทะเลแรงระดับปลิวได้ เสื้อผ้าที่ใส่มาหรอ ไม่ได้ช่วยเลย หนาวสะท้านไปถึงข้างใน แต่ คนไทยใจกล้าค่ะ มาถึงแล้ว เราสู้!!
พูดเลยว่าตอนเดินเข้าไป หัวเราะขำตัวเองกันไปตลอดทาง เอ๊ะ เรามาทำอะไรที่นี่ หนาวชิหาย หนาวมากกกก ถ้าเป็นเมืองไทยคือไม่เดินต่อแล้ว เพราะไม่มีคนเดินอยู่แถวนั้นแล้วเลยค่ะ ทางเดินก็ไกลมาก กว่าจะจากที่จอด ลงทางขรุขระไป จนถึงที่หมายได้ แบบโอยยย กรี๊ดแทบแตกกกก
สุดท้ายก็ได้ภาพนี้มาเชยชมสมใจค่ะ ไม่มีคน ไม่มีใครบังวิว มีแต่ tourist ไทยสองคนที่กล้าดีเดือด สุดจิงค่ะ หนาวแบบนี้ ใครอยากลอง ให้มาเลยค่ะ ข้อดีคือ ถ่ายรูปได้แบบสบายๆ ไร้ผู้คน 5555 แต่วิวเขาสวยจริงค่ะ แสงสุดท้ายที่แหลมงวงช้าง เดินออกมา ฟ้ามืดสนิทพอดี ปิดทริปวันแรกได้อย่างสวยงาม ตามแผนการทุกประการ มุ่งเข้าสู่ที่พัก เพื่อเตรียมพักร่าง ไว้ผจญภัยในวันต่อไปค่ะ
ที่เราพักที่นี่ ไม่ได้ไฮโซเล่นใหญ่อะไรเลยนะคะ ได้ดีลดีจาก Agoda ค่ะ ห้องพักจากสองหมื่นเหลือคืนละสามพันกว่า แถมได้อัพเกรดห้อง มีระเบียงชมวิวทะเล พร้อมอ่างอาบน้ำและห้องทีใหญ่มากๆ เปิดน้ำร้อน นอนแช่ ราตรีสวัสดิ์วันแรก ณ โอกินาว่า กันนะคะทุกคน