คนที่เป็นBAน้ำหอมในห้าง เค้ารู้ตัวไหมครับว่าการแสดงออกทางหน้าตาและร่างกายมันทำให้ลูกค้าอึดอัด

ในกรุงเทพฯ เอาเป็นว่าไม่ระบุสถานที่ละกัน แต่เป็นห้างที่ใครๆก็รู้จักกันมาอย่างยาวนาน ใช้ชีวิตกับห้างพวกนี้เป็นประจำ

วันนี้แวะไปกินข้าวที่ห้างครับ ระหว่างรอแฟนก็แวะไปโซนน้ำหอมเพื่ออยากลองกลิ่นน้ำหอม ตัวที่นั่งอ่านกระทู้รีวิวในพันทิปมา

บังเอิญเดินผ่านเค้าเตอร์น้ำหอม Ch....l ด้วยความที่อยากลองกลิ่น Egoiste ก็เลยบอกกับบีเอว่า "ผมขอลองกลิ่นนี้หน่อยครับ"

แต่ Reaction ที่เจอคือ
1. โดนมองจากเท้าจรดหัว ด้วยสายตาที่เขารู้สึกว่า "ไม่มั่นใจในตัวลูกค้าคนนี้" เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่โดนมองจากเท้าจรดหัว ฮ่าๆ
2. จ้องเขม็งระหว่างที่ผมดมกระดาษลองกลิ่น ไม่มีการแนะนำสินค้า ไม่มีการถามว่าผมเคยใช้น้ำหอมมาก่อนไหม ชอบกลิ่นโทนไหน แต่ก็จ้องผมตลอด
3. พอลองกลิ่นบนกระดาษแล้วไม่ชอบใจ (คือพอดมแล้วมันไม่ชอบจริงๆ) ผมก็บอกว่า "ขอบคุณครับ พอดีดมแล้วแต่ยังไม่แน่ใจเรื่องเบสโน้ต ผมขอฉีดลงข้อพับได้ไหมครับ" บีเอคนนั้นก็ทำตามองบนครับ แต่ก็ช่วยผมฉีดลงข้อพับแขน

พอเราสำรวจตัวเองเนี่ย วันนี้ผมใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงแสล็ก กระเป๋าหนัง รองเท้าหนัง เป็นผู้ชายออฟฟิศปกติคนนึงครับที่ไม่ได้แต่งตัวไปรเวทขนาดนั้น 
แต่ต่อให้ผมใส่ไปรเวทเช่น เสื้ยยืด กางเกงบอล ร้องเท้าแตะ ผมก็คาดหวังว่าผมจะได้รับบริการแบบเดียวกับคนที่ใส่ชุดออฟฟิศนะ

ผมไม่ได้โกรธอะไรเธอเลยครับ ผมแค่รู้สึกประหลาดใจกับการแสดงออกของเธอมากกว่า 
ผมไม่แน่ใจเธอว่าเธอรู้ตัวไหม แต่ผมรู้สึกแย่แหละครับ เอาตรงๆ พอเจอแบบนี้ผมก็คิดเผื่อไปแล้วว่า ต่อไปคงไม่กล้าเข้ามาเฉี่ยวๆโซนนี้ในห้างนี้ ทำนองนั้น

แต่สิ่งที่ผมสงสัยคือ ทำไมBAน้ำหอมถึงต้องวางมาดในเชิง Defensive ต่อลูกค้าขนาดนั้นครับ

1. BAน้ำหอม กลัวคนประเภท มาเทสน้ำหอมแล้วไม่ชื้อเหรอครับ >> ซึ่งการไม่ดมกลิ่นแล้วไม่ซื้อ ผมก็ว่ามันไม่แปลกอะไรเลยนะ เพราะน้ำหอมเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพง ลูกค้าต้องเอาให้มั่นใจว่า กลิ่นที่ทดลองคือกลิ่นที่ใช่สำหรับเขาจริงๆ >> แล้วการมาทดลองบ่อยๆแต่ไม่ซื้อ ทำให้BAรำคาญตรงไหนหรือเปล่าครับ อันนี้ในฐานะลูกค้าผู้ชายคนนึงที่เริ่มสนใจน้ำหอม อยากรู้ครับ

2. หรือว่า BAน้ำหอม กลัวมิจชาชีพครับที่จะมาขโมยน้ำหอมตัวเทสเตอร์ เลยต้องระวังลูกค้าที่เดินเข้ามาเล่นน้ำที่เคาเตอร์มากเป็นปกติ

3. หรือว่า BAน้ำหอม รู้อยู่แล้วว่าราคาน้ำหอมที่ขายกันในห้างมันสูงมากอยู่เมื่อเทียบกับดิวตี้ฟรีหรือร้านค้าในออนไลน์ จึงคิดไปว่าให้ตายยังไงก็ไม่ได้ยอดจากลูกค้าซักเท่าไหร่ เพราะลูกค้าคงมาดมเพื่อเอาให้มั่นใจแล้วไปสั่งที่อื่น จึงทำให้เกิดการ "สแกน" ลูกค้าขึ้นมาตลอด เพื่อ "คาดคะแน" ว่าลูกค้าคนนี้จะมี Purchasing Power สำหรับพวกเธอหรือไม่ 

ทำไม BAน้ำหอม ถึงไม่มองว่า ลูกค้าที่เฉี่ยวเข้ามาที่เคาเตอร์คือเรื่องที่น่ายินดีสำหรับพวกเขาครับ เพราะถ้าผมเป็น BA ที่นั่งหงอยๆมาทั้งวัน แล้วมีลูกค้าเดินปรี่เข้ามาที่เคาเตอร์ ผมคงดีใจมากที่ลูกค้าสนใจสินค้าของเรา จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นผม ผมจะพยายามทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจในสินค้าให้มากที่สุด ให้ลูกค้าได้รู้จักน้ำหอมทุกกลิ่นมากที่สุด แนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา ผมว่ามันเป็นเรื่องที่น่ายินดีและเรื่องที่น่าสนุกนะ ที่ได้บริการสิ่งดีๆที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชาย ที่สนใจน้ำหอม ผมบอกเลยครับว่า จ่ายหนักจ่ายไวกว่าผู้หญิงเสียอีก ถ้าพวกเขาได้รับข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ และการบริการที่ดีในระดับนึง 

ผมไม่แน่ใจนะว่า BAน้ำหอม มีความ Proud of being a brand representative มากขนาดไหน แต่ผมอยากเสนอว่า อย่าสร้างกำแพงจากภาพลวงตาของแบรนด์สินค้าที่คุณรับผิดชอบต่อลูกค้าเลยครับ ผมเคยเจอ BAเพศที่สามคนนึงในห้างดังย่านสยาม แสดงออกชัดเจนว่าแบรนด์ที่ฉันถืออยู่คือสุดยอดที่สุดในวงการน้ำหอม เปล่าเลยครับ เฉยๆมาก มันก็แค่แบรนด์ดีไซน์เนอร์ที่แมสและมีชื่อเสียงระดับโลกก็จริงครับ แต่มันมีแบรนด์ที่นิชและเทพกว่าเหมือนกันครับ 

ขนาดผมเป็นผู้ชาย ซึ่งไม่ควรมาแคร์เรื่องอะไรแบบนี้ ยังรู้สึก "แปร่งๆ" ได้ขนาดนี้
แล้วคุณละครับเคยเจอประสบการณ์อะไรแบบนี้ไหม ที่ทำให้คุณรู้สึกแย่กับประสบการณ์การเดินเข้าเคาเตอร์น้ำหอมในห้างไปเลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 43
กระทู้ที่เราไปตอบล่าสุด คือเราก็เพิ่งได้น้ำหอมมา พอดีเลยจะขอย้อนเรื่องราว
คอมเม้นท์นี้ ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ร่วมกับคุณ จขกท นะคะ
แต่จริงๆ อยากฝากความเห็นไว้ให้เผื่อมี BA ผ่านมาอ่านมากกว่า
เพราะถ้าวันนั้นของคุณมาถึง คุณจะได้จำไว้เป็นบทเรียน


เคยเห็นคนบ่นเรื่องตกงาน เศรษฐกิจไม่ดีไหมคะ
ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ จะส่งผลอะไรในอนาคต

เมื่อหลายปีมาแล้ว เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้อของในห้าง (ไม่ชอบซื้อของออนไลน์เลยแม่
เพราะมันไม่ได้เห็นของจริง แถมรูปสมัยนั้นก็หลอกตามาก)
เราช็อปของจากเค้าท์เตอร์แท้เสมอ ราคาจ่ายเต็มบ้าง ลดราคาบ้างตามโอกาส
ส่วนมากจะเป็นน้ำหอม เครื่องสำอางค์ กางเกงยีนส์ เสื้อแจ็คเก๊ต เครื่องประดับ
เพื่อให้แน่ในว่าเราได้ของแท้ และถ้ามันไม่สมบูรณ์ก็เห็นได้ตรงนั้นเลย

จนมีช่วงหนึ่ง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับวงการช็อปปิ้งในห้างดังกล่าว
หลังๆ ไปซื้อของ รู้สึกได้เลยว่าพนักงานขายไม่ค่อยเป็นมิตร
ให้โอกาสหลายครั้งก็รู้สึกว่ามันแปลกไป เดินหนีบ้าง หลบสายตาบ้าง
ไม่ทักไม่ทาย ไม่ขอบคุณ คือแปลก แปลกมากจนยอมแพ้
ไม่อยากไปเสียเงินแล้วรู้สึกเหมือนไปขอของเขามาฟรีๆ

ก็เลยลดๆ การเดินห้างไป ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นห้างเองก็เข้ามาทำช็อปออนไลน์
ของสิ่งไหนที่ยังใช้อยู่ก็สั่งออนไลน์ สิ่งไหนที่อยากลองใหม่ ถึงขั้นขับรถไปที่อื่น
หรืออาศัยจังหวะไปต่างที่ ไปลองไปดู แล้วค่อยซื้อติดมือมา
ไม่ค่อยได้เข้าไปในห้างดังกล่าวอยู่หลายปี หลายๆๆ ปีเลยล่ะ

ตัดภาพมาเมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสผ่านไปห้างดังกล่าว
พอดีเคยลองน้ำหอมตัวนึงตอนไปเที่ยว ก็เลยกดสั่งซื้อ รอของ
ระหว่างรอน้ำหอมอยู่ มีโอกาสได้เดินไปเฉียดห้างดังกล่าว
ก็เลยเดินไปแถวเค้าท์เตอร์น้ำหอมอีก กะจะไปเดินดูเปิดโลกทรรศน์ว่าโลกของน้ำหอมไปถึงไหนแล้ว

ปรากฏว่ามี BA เข้ามาทักทาย เชียร์ขายน้ำหอม เราก็บอกว่า ไม่เป็นไร มาเดินเล่น
BA คนนั้นก็พยายาม (พยายามจริงๆ นะ เพราะพยายามถ่วงเราไว้) ขายต่อ
เราด้วยความซื่อ เลยหลุดปากไปว่า เพิ่งซื้อมาค่ะ
เขายังบอกเราอีกว่า แต่ถ้าซื้อกับเขาวันนี้ มีลดมีแจกหลายรายการนะ
เราก็ "อ้อค่ะๆ ขอเดินดูก่อนนะ" แล้วเธอก็ทำหน้าเศร้านิดนึง

พอออกมาจากห้าง ก็เลยเล่าให้เพื่อนฟังว่า เออ ที่นี่ดีเนอะ เปลี่ยนไปเยอะ
เพื่อนเลยเล่ามาว่า ห้างนี้กำลังจะปิดตัวลง เพราะสาขานี้ทำกำไรน้อย
สาขาที่เล็กกว่านี้กำลังทะยอยปิดตัวลงแล้ว และคิดว่าถ้าเศรษฐกิจไม่ดีต่อเนื่อง
สาขานี้ก็อาจจะต้องปิดตัวลงเพื่อ cut loss เพื่อเซฟผลประกอบการโดยรวมไว้

ถ้ามี BA ผ่านมาอ่านกระทู้นี้และอ่านมาถึงคอมเม้นท์เรา
เราอยากบอกว่า ที่เจ้าของกระทู้เขาแจกแจงมา คุณฟังเถอะ เขาพูดมีเหตุผลและเป็นประโยชน์
การที่เขาจ้างคุณมาให้มาบริการช่วยเหลือ ให้ลูกค้าทดลอง
เขาได้คำนวณแล้วว่าสิ่งที่มันละลายไปนั้น มันคือการหว่านแห เพื่อจะดึงเงินเข้าบริษัท
เขาไม่ได้จ้างคุณมาให้ประหยัดงบประมาณของการช่วยเทสสินค้า
เพราะส่วนนั้นเขาจ้างบุคลากรด้านอื่นไว้คำนวณให้เขาเรียบร้อยแล้ว

หน้าที่หลักของพวกคุณคือ การโน้มน้าวลูกค้าให้ได้มากที่สุด
แม้จะเป็นลูกค้าขาจร ลูกค้าที่ดูไม่มีกระตังค์ ลูกค้าที่ดูไม่มีคลาส (จากสายตาคุณเองน่ะนะ)
คุณทำไปเถอะ คุณไม่รู้หรอกว่าใครมีเงินในกระเป๋าเท่าไหร่
คุณอย่ามั่นใจว่าคุณมีสายตาที่เฉียบขาดว่าคุณดูออกว่าใครมีเงินจริง
คนสมัยนี้รวยเป็นสามล้อถูกหวย ตกถึงข้าวสาร รวยหุ้น เยอะแยะ

ต้นทุนของคุณไม่ใช่น้ำหอมที่เสียไปจากการลองของลูกค้า
ต้นทุนของคุณคือวาทะศิลป์ในการทำให้ลูกค้าเชื่อว่าเขาจะได้อะไรจากผลิตภัณฑ์ที่เขาจะซื้อไปจากคุณ
ถ้าหากคุณคิดว่าถ้าคุณต้องบริการลูกค้าทุกคนโดยไม่เลือกมันคือเรื่องไม่จำเป็น
งานนี้ไม่เหมาะกับคุณ ถึงเหมาะ ก็จะไม่นาน เพราะมีคนอีกมากมายที่พร้อมจะทำตรงนี้อย่างเต็มที่กว่า
ถ้าคุณยังรักในอาชีพ BA คุณควรสร้าง mind set ที่ว่า การได้พูดคุยกับลูกค้า การได้โน้มน้าวลูกค้า
คือเรื่องสนุก คือความสุขของคุณ คือสิ่งที่ทำให้คุณมีเงินเข้ามาในแต่ละเดือน
แล้วคุณจะไม่มีวันทำผิดวัตถุประสงค์ขององค์กรของคุณ

เท่านี้ล่ะค่ะที่อยากฝากไว้ ยาวไปหน่อย ขออภัย
ความคิดเห็นที่ 3
พวก ขวด tester คนมาลองเยอะๆ BA เค้าคงเสียดายค่ะ  เพราะทั้งขวดฉีด tester หน้าร้าน กับ vial ที่ไว้แจก  มันมีตลาดรับซื้ออะ ของมีราคาทั้งนั้น ลอง search ดูสิคะ มีหมดเลย

อีกอย่าง คนกลุ่มหนึ่งก็ไปเคาเตอร์ เพื่อลอง พอถูกใจก็เลยไปซื้อทางเน็ต จากร้านหิ้ว เค้าเลยยอดตกเยอะมั้งคะ (เห็นว่า ตอนนี้ห้างยอดตกมาก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปในแนวนี้เยอะ ห้างกลายเป็นแค่โชว์รูม คนไปซื้อจริงในเน็ต) คนขายก็คงหน้าบูดกันตามยอดที่ตกค่ะ

ส่วนตัวค่อนข้าง sensitive กับการมองดูถูก เลยยอมซื้อ vial เล็กๆในเน็ต มาลอง แลกกับไม่ต้องเสียความรู้สึกกับ BA
ไว้ถ้าชอบจริงๆ ก็ค่อยไปซื้อขวดใหญ่ค่ะ
ถือว่า 40-50 บาท แลกกับไม่ต้องอารมณ์ไม่ดีไปอีก 2-3 วัน

แต่ถ้าคนที่ social skill ดีๆ คุยเก่ง ตีซี้ BA ได้ บางคนได้ vial กลับมาลองฟรีๆเลยนะคะ แต่ไม่ใช่เราค่ะ เราคุยไม่เก่ง
ความคิดเห็นที่ 1
มาโม้ในนี้ไม่ประโยชน์ เจ๋งจริงต้องจัดตรงนั้น
เข้าใจจว่าเจ็บใจ อ่านแล้วก็ตลก
เค้าไม่ได้ห้ามกลับไป กลับไปเลย ไปจัดตรงนั้น
โชว์ในนี้ โม้ในนี้ไม่มีประโยชน์ คนทำมันกลับบ้านนอนสบายใจเฉิบแล้ว
พูดตรงๆ อ่อนอะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่