คนเป็นลูก ควรเตือนสติแม่ยังไง เมื่อแม่หลงผิด

สวัสดีค่ะ
 
เรามีเรื่องอยากขอความคิดเห็นและคำแนะนำและกำลังใจจากทุกคน ขออนุญาตไม่ด่า ไม่ซ้ำเติม นะคะ แค่นี้เราก็รู้สึกเครียดมากพอแล้ว

เราแนะนำตัวก่อนนะคะ เราเข้ามาทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศปกติทั่วไป ใน กทม
มีครอบครัวแล้วอยู่ที่ กทม มีบ้าน มีสามี มีลูก2คนแล้ว ทุกอย่างดีโดยสมควร

แต่แม่เราอยู่คนเดียวที่ ชลบุรี ซึ่งไม่ไกลมากจากกทม กลับไปหาเดือนละครั้ง แล้วแต่จะว่างตรงกัน ส่วนพ่อเสียแล้ว ตั้งแต่สมัยเราทำงานได้ปีนึง ลักษณะของบ้านแม่จะปลูกใกล้ๆกันกับบ้านพี่บ้านน้องของพ่อ ซึ่งคืออาและลุงของเรา ไม่มีรั้ว เปิดบ้านมาก็เจอหน้ากันได้เลย

ตอนนี้ผ่านมา8ปีหลังจากที่พ่อเสีย แม่มีแฟนใหม่ ซึ่งลุงกับป้าเป็นคนมาเล่าให้เราฟัง แฟนใหม่แม่ ไม่มีอาชีพหลักแหล่ง เล่นพนัน มีเมียแล้ว นั่นหมายความว่า แม่เรามี สถานะเป็นเมียน้อย !! 

ตอนนั้นเราท้องลูกคนที่2 เราเครียดมาก จนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะสำหรับเราแม่ยังคงเป็นแม่ที่รักพ่อคนเดียว วันหยุดแม่จะทำกับข้าวใส่บาตรให้พ่อทุกครั้ง ดอกไม้ น้ำเปล่า แม่หมั่นเอามาวางใหม่ที่รูปพ่อเสมอ

เราไม่ติดอะไรที่แม่จะมีใหม่ แต่เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเมียน้อย ซึ่งมันก็ไม่ได้มาเลี้ยงดู แม่ให้เงินมันใช้หรือเปล่าเราก็ไม่รู้ เราไม่ยุ่งเงินกันกับแม่ แม่ให้เรามีหน้าที่ส่งเงินค่ากินให้ตายายที่อีสานแทน ส่วนแม่ส่งค่าบ้านตากับยาย ก็เดือนละหมื่น คือแม่จะเหลือเงินกินใช้เอง8-9พันได้ ไม่มีสมบัติอะไรให้มันมาหลอก

ตอนรู้เรื่องนั้นคือปีที่แล้ว ตัดสินใจคุยกับแม่ เพราะเมียหลวงของผู้ชาย มันเรียกเราว่าลูกเมียน้อย ตอนเจอเราที่ตลาด เราเลยคุยกับแม่ ว่าเรารู้เรื่องนี้มานานระนะ แต่ไม่อยากยุ่ง
แม่เลยบอกว่า ที่ผ่านมาแม่ทำเพื่อเราและพ่อมาตลอด ตอนนี้เขาอยากใช้ชีวิตที่มีความสุขในแบบของเขา เขาขอให้เราเชื่อใจ ว่า มันไม่ได้มาหลอกเงิน เพราะแม่ไม่มีเงินให้หลอก และจะไม่ให้มันมาบ้าน แล้วเดี๋ยวแม่ก็พยายามจะเลิกและคุยให้น้อยลง

ผ่านมา1ปี ตอนนี้ ย่าเราโทรมาหาเรา เล่าว่าแม่ให้มันมานอนบ้านตอนกลางคืน ใน เค้าบอกวันหยุด ซึ่งปกติปู่ย่าจะไม่ยุ่งอะไรเลย เค้าเป็นคนแก่ใจเย็นน่ารัก แต่เค้าว่าเค้าทนไม่ไหว เค้าอยากให้เราเตือนสติแม่เรา เค้ากลัวผู้ชายมันมาหลอกจนหมดตัว อีกไม่กี่ปีแม่ก็เกษียณเค้ากลัวมันมารอหลอกเงินเกษียณ เพราะตอนนี้แม่อายุ49แล้ว เค้ากลัวว่าสุดท้ายคนที่ลำบากคือเรา

เราควรทำยังไงดี เพราะคิดว่าแม่คงเลิกไปแล้ว
แต่พอได้ยินแบบนี้ เราเครียด รู้สึกเครียดมาก ตั้งแต่เช้าที่ย่าโทรมาจนตอนนี้ เรายังนั่งซึมทำงานได้ไม่เต็มที่ เรามีแต่คำถามว่าทำไม และควรทำยังไง หรือไม่ต้องทำ หรือแค่เตือนสติแม่อีกหนแล้วทำใจใหม่เหมือนเดิม

เสริมอีกนิด
เวลากลับบ้านมีความรู้สึกว่าอาๆป้าๆลุงๆ อยากจะเล่าให้เราฟังมาก แต่แม่เคยไปด่ากราดไว้ว่า เขาไม่เคยยุ่งเรื่องของใคร ใครก็อย่ามายุ่งเรื่องของเขา แม่กลายเป็นคนเกรี้ยวกราดไปเลย พวกญาติๆก็ไม่ค่อยอยากยุ่งกับแม่แล้ว ทะเลาะกันด่ากันประจำ

ให้แม่กลับบ้านตายายก็ไม่ไปแม่บอกที่นู่นไม่มีงาน ยังอยากทำงานที่นี่อยู่ เพราะต้องผ่อนค่าบ้านของตายาย ส่วนให้ย้ายมาอยู่กับเราที่กทม ก็ไม่มา เพราะมีหมาแมวหลายตัวและมีพ่อแม่สามีอยู่ด้วยแล้ว 

ขอคำแนะนำด้วยนะคะ 
แท็กไม่ถูกขออนุญาตใช้ auto tag นะคะ ผิดถูกอย่างไรขอโทษไว้ด้วยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
ฉันไม่รู้จักแม่ของคุณ ก็แค่เดาสุ่มไปเรื่อยนะ สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ อันไหนเป็นประโยชน์ก็เก็บไว้ อันไหนไม่เป็นประโยชน์-ไม่ตรงความจริง คุณก็มองผ่านไป ฉันก็แค่คนที่ผ่านมา มีแค่ความปรารถนาดีอยากช่วยคิด

คือว่าคนเราเนี่ย ที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ ไม่ว่าเวลาใดหรืออายุเท่าไร ก็คือความมั่นคงทางใจ

ถ้าพูดถึงทฤษฎีมาสโลว์ คนเรามีความต้องการเป็นลำดับขั้น ได้ขอแรกแล้ว ค่อยขยับไปต้องการข้อถัดไป
1 ปัจจัย 4 กินอยู่หลับนอนปกติ ป่วยไข้รักษาได้ ร่างกายโอเค
2 ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทางกาย
3 ความรัก ความสัมพันธ์อันดี ความอบอุ่นและมั่นคงทางใจ
4 ความมั่นใจทางสังคม มีชื่อเสียง มีเกียรติ สังคมยอมรับ
5 ประสบความสำเร็จในชีวิต (แบบว่าชีวิตสมบูรณ์แล้วในแบบที่คิดฝันอยากเป็น)

ลองมองแม่ของคุณ
เขามีพื้นฐานในการดำรงชีพดีและมีความปลอดภัยด้วย
ขั้นต่อไป เขาก็อยากมีความรัก ความรักที่ว่านี้ไม่ใช่เพียงแต่ความรักชายหญิงที่ซู่ซ่า แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ให้ความมั่นคงทางใจได้ เป็นญาติ เป็นลูกหลาน จะเห็นว่าบางครอบครัวที่มีพี่น้องเยอะๆ และช่วยเหลือกันเป็นครัวเดียว ก็อาจมีหลายคนในครัวนั้นที่ไม่แต่งงาน ไม่รู้สึกว่าไร้ผัวจะเดือดร้อนอะไร พี่น้องเยอะแยะที่จะอยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิต
แต่แม่ของคุณนั้น สามีจากไปแล้ว ลูกก็ออกเรือนไปอยู่ไกล มีลูกมีผัวให้วุ่นวาย เดือนหนึ่งถ้าสะดวกจึงจะได้เจอสักครั้ง
ลุงกับอา...โอเค เป็นญาติทางกฎหมาย แต่เขาให้ความอบอุ่นทางใจไม่ได้ ให้ได้แค่ความปลอดภัย ขาดเหลืออะไรไหว้วานได้ ถูกไหมคะ
ดังนั้น เรื่องแม่ของคุณจึงฟังดูเปล่าเปลี่ยวมาก และเป็นอย่างนี้มานาน 8 ปีแล้วด้วย

ในการมโนแจ่มของฉัน มันคงเลยขีดความอดทนต่อการขาดความรักความมั่นคงทางใจไปแล้วล่ะ ทำให้โนสนโนแคร์ลำดับขั้นถัดไปที่ว่าด้วยการเป็นที่ยอมรับทางสังคม คือขอแค่ได้รับได้มีความรัก เขาจะเป็นใคร เหลือขอหรือมีเมียยังไงก็ได้ สังคมจะว่ายังไงก็อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน
นี่แสดงออกถึงการขาดความอบอุ่นอย่างหนักแล้ว
แม่น่าจะไม่ได้จงใจตามหาอยากมีแฟนใหม่ อาจไม่ได้ลืมพ่อ
แต่จำเป็นต้องมีใครสักคนเพื่อไม่ให้ความเปล่าเปลี่ยวทำให้หัวใจแตกสลายต่างหาก หยิบใครได้ก็เลยเอา

ดังนั้น การเข้ามาของผู้ชายคนนั้นก็เลยแก้ปัญหาในใจของแม่ได้ แปลกตรงไหนที่แม่จะโอเคกับเขา รู้สึกดีที่มีเขา
พูด อธิบายความจำเป็น หรือสั่งให้เลิกยังไง ก็เอาไม่อยู่หรอกค่ะ เพราะของพวกนี้แก้ปัญหาให้แม่ของคุณไม่ได้
ถ้าคุณอยากให้แม่เลิก คุณต้องหาทางแก้ปัญหาทางใจให้แม่ได้ด้วย ไม่ใช่ให้เขาเลิกอย่างเดียวแล้วทนเปล่าเปลี่ยวต่อค่ะ
คุณอาจโอเคถ้าแม่มีแฟนใหม่ดีๆ แต่คุณก็รู้เนอะว่าหาไม่ง่ายเลยสักนิด ดังนั้นถ้าพูดว่ามีแฟนใหม่ได้แต่ขอให้เป็นคนดี มันก็เหมือนบอกว่าเลิกคนนี้แล้วไม่ต้องมีคนใหม่น่ะแหละ แม่คงไม่รับฟังหรอกค่ะ

ฉันเดาว่า แม่จะเลิกโหยหาความอบอุ่นจากคนอื่นได้ ต่อเมื่อมีคนที่เป็นครอบครัวจริงๆ อยู่ในชีวิตประจำวันนะ
เช่น ให้ท่านย้ายมาอยู่กับคุณ (ลูกคนเดียวเนอะ? ไม่แน่ใจ)
คนวัยยาย แค่ได้เลี้ยงหลาน ทำกับข้าว นั่งดูลูกหลานกิน คุยให้เวลาหมดไปวันๆ ส่วนมากก็ไม่มองผู้ชายแล้วค่ะ ^^
หรือเพิ่มความถี่ในการไปหา เดือนละครั้งนี่ค่อนข้างโหดนะคะ ในความเห็นฉันก็โหดมากๆ เลยด้วย
คือบ้านฉันเนี่ย ไม่ปล่อยให้คนแก่อยู่ในบ้านคนเดียวค่ะ ตายายฉันสองคน+บ้านญาติใกล้ๆ 4 หลัง หนึ่งในนั้นใช้รั้วเดียวกัน ยังไม่ให้อยู่ตามลำพังเลย และญาติที่นับต้องเป็นเลือดเดียวกันหรือใกล้ชิดสนิทกันมากๆ อย่างน้อยหนึ่งในนั้นต้องเป็นเพศเดียวกัน ถึงจะพอถูไถเป็นเพื่อนใจกันได้ ถ้าฉันเป็นคุณคงไปเยี่ยมสัปดาห์ละครั้งค่ะ (เลยน่าจะจบที่บังคับให้มาอยู่ด้วยกันมากกว่า)

คนเรานะ คุณเจ้าของกระทู้
ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ สิ่งที่ขาดไม่ได้ตลอดเวลาคือความอบอุ่นทางใจนี่แหละ
ยิ่งอายุมาก รู้สึกถึงความไม่มั่นคงในอนาคต ได้กลิ่นความตายเข้ามาใกล้ทีละนิด ก็ยิ่งต้องการเพื่อนร่วมชีวิตค่ะ
ใครสักคนที่เขารักและอีกฝ่ายก็รักเขาตอบ ในบางกรณีก็เป็นแค่หมาด้วยซ้ำ
แม่ของคุณไม่มีปัญหาทางกาย แต่ขาดแคลนทางใจละมั้งนะ

ก็ลองพิจารณาดูค่ะ
ฉันก็พูดไปเรื่อย ในฐานะคนที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่คนเดียวไม่ก็อยู่กับคนแก่ค่ะ โดยเฉพาะคนแก่นี่ค่อนข้างเชี่ยวชาญ เลยมั่นหน้าพอจะออกความเห็นในเรื่องของคุณ ^^ หวังว่าจะพอมีอะไรที่ทำประโยชน์ให้คุณได้บ้างนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่