# เรื่องเล่าชาว 48 ในวันที่ผู้บริหารBNK สนใจแต่การเติบโต จนลืมความรู้สึกของแฟนคลับและเมมเบอร์

กระทู้สนทนา
เม่าโกรธเม่าโกรธเม่าโกรธ



  ในบรรดารายการแข่งขันร้องเพลงหรือพวกประชันความสามารถที่ต้องใช้ผลโหวตจากผู้ชมเป็นตัวตัดสินเนี่ยโดยส่วนใหญ่(แค่ส่วนใหญ่นะครับ) เราจะเห็นได้ว่าผู้เข้าแข่งขันชายมักจะมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่านะครับเพราะความอินกับการโหวตและพลังของคุณสุภาพสตรีนั้นมีอานุภาพมหาศาลมากจึงไม่แปลกที่iAM จะตัดสินใจกระโจนลงมาในตลาดที่มีช่องทางให้ทำเงินแบบนี้นั่นจึงเป็นที่มาของโปรเจ็คท์The Brother ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนกันอยู่ในตอนนี้
.
เพียงแต่ความผิดพลาดเดียวของโปรเจ็คท์The Brother ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการกันมาจนถึงปัจจุบันคือการที่iAM ยังอดไม่ได้และหวังที่จะใช้BNK48 เป็นลมใต้ปีกให้กับรายการThe Brother โดยไม่แยกสองธุรกิจ, สองรายการออกจากกันให้ขาด
.
รายการThe Brother ไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับน้องๆที่มาออดิชั่นก็ไม่ผิดทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมันแต่ความผิดพลาดมันดันมาเกิดจากความคิดน้อยไปนิดของทีมงานอีกเช่นเคยที่ดันเอาพื้นที่ในส่วนที่ควรจะสงวนไว้เฉพาะเมมเบอร์48Group ไปใช้กับรายการอื่นๆเพียงเพราะคิดว่าเป็นสมบัติของตัวเองและเพื่อเรียกกระแสให้กับโปรเจ็คท์ใหม่ว่าเกี่ยวข้องและมีพื้นฐานมาจากทีมสตาฟฟ์ผู้สร้างBNK48 จนโด่งดัง
.
ท่านที่ติดตามAKB48 มาก่อนคงไม่ต้องเล่าซ้ำนะครับว่าเธียเตอร์นั้นสำหรับ48Group ทุกวงบนเกาะญี่ปุ่นถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและคราบน้ำตาแห่งความทุกข์, ความสุข, ความผิดหวัง, ความสมหวังและเปรียบเสมือนบ้านที่เป็นจุดกำเนิดของวงนั้นมันมีคุณค่ามากแค่ไหนสำหรับเมมเบอร์ทุกคน
.
แน่นอนครับว่าวงน้องสาวนอกเกาะญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ไม่เว้นแม้แต่BNK48 เองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวเธียเตอร์มากเท่างานออกทีวีและการติดเซ็มบัตสึนั่นเพราะทุกอย่างมันแปรเปลี่ยนไปตามวัตถุประสงค์ตั้งแต่ก่อตั้งวงและมาถึงวันนี้มันเลยจุดที่จะแก้ไขทัศนคติของเมมเบอร์ส่วนใหญ่ที่เข้ามาอยู่ในวงเรียบร้อยแล้วผมจึงดีใจมากที่เห็นBNK48 รุ่นที่3 ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าคนที่สนใจจะเข้ามาจะต้องให้ความสำคัญกับเธียเตอร์มากกว่างานอื่นๆ
.
ทั้งๆที่ออกนโยบายมาได้น่าชื่นชมและข่าวแว่วๆมาว่าเมมเบอร์รุ่นที่3 ก็มีเด็กๆที่มีความสามารถและพร้อมจะเริ่มต้นเส้นทางไอดอลจากในเธียเตอร์อยู่มากมายแต่ฝั่งผู้บริหารเองกลับตกจากหลังม้าที่ฝึกมาจนเชื่องกับมือซะอย่างนั้นการทำแบบนี้ฝรั่งเค้าเรียกว่ายิงเท้าตัวเองนะครับโทษใครไม่ได้เลย


.
ผมเองมีความคิดเห็นคล้ายๆกับทุกท่านนั่นล่ะครับเมื่อได้เห็นภาพโปรเจ็คท์ใหม่ของiAM อย่างThe Brother ไปซ้อมร้อง, ซ้อมเต้นอยู่ในพื้นที่ของเธียเตอร์ว่ามันดูไม่เหมาะสมแต่ไม่ใช่ว่าโกรธเพราะผมไม่ใช่คนประเภทใช้อารมณ์เป็นหลักผมแค่รู้สึกเสียดายและผิดหวังมากที่เห็นบริษัทลดทอนคุณค่าของพื้นที่ที่ควรจะรักษาไว้ให้มันเป็นพื้นที่เฉพาะโดยการนำเอากิจกรรมอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับ48Group มาใช้พื้นที่ซะอย่างนั้น
.
แม้ผมจะเชื่อว่าทางiAM ไม่ได้เจตนาที่ต้องการจะประหยัดค่าห้องซ้อมเพียงแต่อยากแบ่งเอาเศษเสี้ยวบรรยากาศและความรู้สึกที่มันเคยประสบความสำเร็จของBNK48 มาเป็นบันไดทางลัดให้กับThe Brother ได้ก้าวเดินไปได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้นแต่นั่นมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่เข้าท่าอยู่ดีนะครับดังนั้นนี่คืออีกปัญหาที่iAM ต้องแก้ไขและเป็นอีกบทเรียนที่iAM ต้องเรียนรู้, พิจารณาถึงทางออกให้รอบคอบ
.
อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวผมมองว่านี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเป็นความผิดพลาดที่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ไม่ยากผมจึงไม่เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นในโลกโซเชียลและแม้แต่ข้อความที่บางท่านส่งมาหาผมที่ต้องการให้ผู้บริหารลาออก, ยุบโปรเจ็คท์The Brother, บอยคอตเลิกสนับสนุนวงฯลฯ  ผมว่าเหล่านั้นเป็นทางออกเพื่อสนองความโกรธที่มีต่อเหตุการณ์นี้เท่านั้นได้แสดงออก, ได้ความสะใจ, ได้ระบายอารมณ์เกรี้ยวกราดแต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย
.
งานบริหารBNK48 ท่ามกลางกระแสสังคมโซเชียลแบบประเทศไทยเรานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับถ้าไม่ใช่ทีมบริหารในปัจจุบันนี้เอาใครมาเริ่มต้นลองผิดลองถูกใหม่ก็เท่ากับพวกเราบรรจงเอาเท้าผลักBNK48 กลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้งที่สำคัญด้วยศักยภาพของโอตะBNK48 บางกลุ่มก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไม่น่าจะมีใครกล้ามารับงานเผือกร้อนบริหารวงต่อจากคุณต้อม, คุณจ็อบเป็นแน่
.
ดังนั้นเรื่องแค่นี้เราให้โอกาสทางผู้บริหารเค้าแก้ไขและปรับปรุงแล้วปล่อยให้วงเดินหน้าต่อไปเถอะครับ
.
กับโปรเจ็คท์The Brother สำหรับท่านที่ไม่ได้ชื่นชอบก็อยู่เฉยๆดีกว่าครับอย่าลามไปตำหนิทีมงานและผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้ง40 คนเลยทีมงานเป็นแค่ลูกจ้างกินเงินเดือนเค้ามีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูน้องๆทั้ง40 คนก็แค่เด็กที่วิ่งตามความฝันอีกกลุ่มเท่านั้นแค่อุปสรรคที่เค้าต้องเผชิญณวันนี้จากการกระทำที่ผิดพลาดของผู้บริหารนั่นก็เพียงพอแล้วครับไม่จำเป็นที่คนนอกอย่างโอตะBNK48 จะต้องไปซ้ำเติมหรือแสดงความเกลียดชังไปมากกว่านี้อีก
.
สำหรับการเลิกสนับสนุนวงของกลุ่มบุคคลใดอันนั้นก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลนะครับผมไม่ขออนุญาตก้าวล่วงไปถึงแต่จะทำอะไรลงไปยังไงคำนึงถึงผลกระทบกับเมมเบอร์ในระยะยาวที่จะตามมาด้วยก็จะดีมากครับจำกัดให้แค่ผู้กระทำผิดเท่านั้นที่รับผลกระทบก็เพียงพอแล้ว


.
สุดท้ายนี้ผมยังยืนยันคำเดิมที่พูดมาตลอดนะครับว่าแฟนๆไม่ควรทำให้BNK48 และเรื่องที่เกี่ยวกับBNK48 เป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้หรือทำให้คนนอกรู้สึกว่าไม่กล้าที่จะแตะต้องความรู้สึกแบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้วงก้าวไปข้างหน้าได้เลยครับทุกอย่างในโลกนี้ไม่ได้แบ่งแยกได้แค่ถูกและผิดมันมีบางอย่างที่ต้องคำนึงถึงเหตุผลอื่นๆมาประกอบด้วยดังนั้นแสดงพลังให้อฟช. รับรู้ว่าแฟนๆมีความเห็นอย่างไรผมเชื่อว่าเค้าพร้อมจะแก้ไขมันแน่ๆครับเพราะเรื่องนี้มันแก้ไม่ยากแค่แก้ให้เร็วและอย่าให้มันเกิดซ้ำอีกก็แค่นั้นเองครับ
.
.
ป.ล. อฟช. ควรจะเรียนรู้ที่จะโยนก้อนหินถามทางบ้างนะครับทั้งในทวิตเตอร์, FaceBook, เว็บบอร์ดต่างๆเวลาอยากลองอะไรใหม่ๆก็แค่ลองส่งคนของตัวเองไปเสนอความคิดตามสื่อโซเชียลเหล่านี้ดูบ้างแค่แป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าแนวคิดนั้นๆจะปังหรือจะแป้กจะโดนด่าหรือโดนชมไม่ก็เปิดโหวตในเพจตัวเองก็ได้โดนด่าก่อนทำนั้นง่ายกว่าทำแล้วโดนด่าบานเลยนะครับประหยัดเวลาที่ต้องมาตามแก้ไขด้วย...
.
.
.
Cr. บทความจากเพจ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=636209253874537&id=321875968641202
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่