คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
จากยอดสมมุต ที่หนูให้มา หนูต้องเสีย vat เดือนละ 100,000 ซึ่งถ้าหนูไม่ขึ้นราคา หนูต้องแบกไว้เอง กำไรลดลงอีก
ส่วนเรื่องการยื่นภาษี ภงด. 90 เงินได้นี้ถือเป็นเงินได้ประเภท 8 ซึ่งให้หัก คชจ แบบเหมา ที่ 40% หรือ 60% ซึ่งต้นทุนจริงของหนูอยู่ที่ ประมาณ 87% นั่นแปลว่า หนูต้องควักเนื้อ จ่ายภาษีอีก
ดูไปดูมา น่าจะไม่คุ้มเลย ถ้าไม่ขึ้นราคา
และ ถ้าขึ้นราคาขึ้นมา ก็ต้องลองมาคำนวณภาษีดูอีก ว่าจะยังคุ้มกันอยู่ไหมเพราะยอดขายอาจจะลดลงจสกการขึ้นราคา
ส่วนเรื่องการเปิดเป็นบริษัท น่าจะไม่ช่วยอะไร เพราะ ต้นทุนค่าสินค้าของหนูนั้น ไม่มีหลักฐานที่สรรพากรยอมรับ เพราะถ้าเข้าใจไม่ผิด ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน ฝั่งผู้รับต้องเซ็นบนสำเนาบัตรประชาชนว่ารับเงินจากเราแล้ว เป็นค่า....... ทางฝั่งผู้รับจะยอมทำให้หรือไม่ อันนี้จะทำให้ลำบากมากขึ้นไปอีก เพราะหนูไม่ได้จ้างคน นอกจากขายของแล้ว ต้องเก็บเอกสาร เพื่อยื่นภาษี ให้ครบถ้วนอีกด้วย หรือไม่ก็ต้องจ้างคนทำบัญชี ซึ่งคนทำบัญชีมั่วๆ ก็มีเยอะ และอาจทำให้คนไม่เข้าใจเรื่องภาษีจริงๆ วุ่นวายหนักมากขึ้น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเค้าทำผิด ทำถูก อย่างไร
นอกจาก แม่ค้าคนกลางนั้น สามารถออกบิลให้หนูได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนดทุกครั้งและ หนูสามารถเก็บบิล ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ออกในนามบริษัทได้ เช่น ค่าไปรษณีย์ ค่าน้ำมัน ค่าเครื่องเขียน ค่าแพคเกจจิ้ง ทั้งหลายแหล่ และ หนูมีคนทำบัญชีที่เชื่อถือได้ เช่น มีใบอนุญาตเป็นผู้ทำบัญชี หนูก็ควรเปิดเป็นบริษัท เพื่อหาเงินต่อไป
แต่ นอกจากทำบัญชีแล้ว หนูยังต้องมี ผุ้สอบบัญชีด้วย ซึ่งโดยส่วนมาก ผู้ทำบัญชี ก็จะเป็นคนหาให้ ก็ อย่าลืมสอบถามเรื่อง คชจ ให้ครบถ้วน เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ
ส่วนเรื่องการยื่นภาษี ภงด. 90 เงินได้นี้ถือเป็นเงินได้ประเภท 8 ซึ่งให้หัก คชจ แบบเหมา ที่ 40% หรือ 60% ซึ่งต้นทุนจริงของหนูอยู่ที่ ประมาณ 87% นั่นแปลว่า หนูต้องควักเนื้อ จ่ายภาษีอีก
ดูไปดูมา น่าจะไม่คุ้มเลย ถ้าไม่ขึ้นราคา
และ ถ้าขึ้นราคาขึ้นมา ก็ต้องลองมาคำนวณภาษีดูอีก ว่าจะยังคุ้มกันอยู่ไหมเพราะยอดขายอาจจะลดลงจสกการขึ้นราคา
ส่วนเรื่องการเปิดเป็นบริษัท น่าจะไม่ช่วยอะไร เพราะ ต้นทุนค่าสินค้าของหนูนั้น ไม่มีหลักฐานที่สรรพากรยอมรับ เพราะถ้าเข้าใจไม่ผิด ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน ฝั่งผู้รับต้องเซ็นบนสำเนาบัตรประชาชนว่ารับเงินจากเราแล้ว เป็นค่า....... ทางฝั่งผู้รับจะยอมทำให้หรือไม่ อันนี้จะทำให้ลำบากมากขึ้นไปอีก เพราะหนูไม่ได้จ้างคน นอกจากขายของแล้ว ต้องเก็บเอกสาร เพื่อยื่นภาษี ให้ครบถ้วนอีกด้วย หรือไม่ก็ต้องจ้างคนทำบัญชี ซึ่งคนทำบัญชีมั่วๆ ก็มีเยอะ และอาจทำให้คนไม่เข้าใจเรื่องภาษีจริงๆ วุ่นวายหนักมากขึ้น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเค้าทำผิด ทำถูก อย่างไร
นอกจาก แม่ค้าคนกลางนั้น สามารถออกบิลให้หนูได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนดทุกครั้งและ หนูสามารถเก็บบิล ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ออกในนามบริษัทได้ เช่น ค่าไปรษณีย์ ค่าน้ำมัน ค่าเครื่องเขียน ค่าแพคเกจจิ้ง ทั้งหลายแหล่ และ หนูมีคนทำบัญชีที่เชื่อถือได้ เช่น มีใบอนุญาตเป็นผู้ทำบัญชี หนูก็ควรเปิดเป็นบริษัท เพื่อหาเงินต่อไป
แต่ นอกจากทำบัญชีแล้ว หนูยังต้องมี ผุ้สอบบัญชีด้วย ซึ่งโดยส่วนมาก ผู้ทำบัญชี ก็จะเป็นคนหาให้ ก็ อย่าลืมสอบถามเรื่อง คชจ ให้ครบถ้วน เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ
แสดงความคิดเห็น
กำลังต้องเข้าระบบ vat โดยพึ่งรู้ตัว จะเลิกกิจการดีมั้ยคะ
หนูเป็นวัยรุ่นธรรมดาที่พึ่งเริ่มธุรกิจแบบขำๆ รับมาขายไป
ซื้อของไม่มีภาษีซื้อ เพราะรับจากแม่ค้าคนกลาง ธุรกิจเป็นประเภท
อาหารเสริม สกินแคร์ที่เป็นกระแสในท้องตลาด ส่วนมากนำเข้า
จากเกาหลี ไม่ได้ดีลชิปปิ้งเอง แต่เป็นแม่ค้าที่เค้ารับมาเป็นตันๆอีกที
ธุรกิจเติบโตเนื่องมาจาก หนูเองขายสินค้าในราคาถูกมากๆ ส่วนมากตลาดนี้
เป็นตลาดตัดราคา ขายถูกกว่าตลาด 5 บาท ต้นทุนสินค้ากินเปอเซ็น 80%+
บางชิ้นกำไรน้อย บางชิ้นกำไรเยอะ แต่หลายๆชิ้นต้นทุนสูงมากๆเมื่อเทียบกับกำไร
หนูยอมรับว่าไม่เคยศึกษาเรื่องภาษีเลย เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะขายดี จนวันนี้
มาเช็คสเตทเม้นย้อนหลังดู ทราบว่า มกราคา - กุมภา ที่ผ่านมา ยอดพึ่งมาครบ
เกณฑ์ที่ต้องเข้าระบบ vat พอดี (ยังไม่เกิน30วัน) หนูร้อนใจมากเพราะ ใจก็อยากทำต่อ
แต่ก็รู้ดีด้วยว่า กำไรมันน้อยนิด ยกตัวอย่างเช่น
" รายได้ต่อเดือน 1,500,000 กำไรอาจจะ 190,000-200,000 "
หากจะทำการบวก vat 7% เข้าไป (จากปรกติไม่ได้คาดคิดว่าต้องบวก vat แต่แรกเพราะไม่ได้
วางแผนและคาดคิดว่าธุรกิจจะขายดีขนาดนี้ในเวลาที่เร็วเกินไป) ลูกค้าที่ปรกติเราได้ใจเพราะเราของถูก
ก็อาจจะเปลี่ยนใจจากการซื้อ และสงสัยว่าทำไมเราถึงขึ้นราคาสินค้า ถูกต้องมั้ยคะ
หรือครั้นหนูจะขายสินค้าราคาเดิมแต่ยอมลดกำไรลง หนูคิดเลขไม่ค่อยเก่ง หนูไม่แน่ใจว่า
หนูยังหักลบแล้วมีกำไรกินต่อเดือนสักเท่าไหร่ ดูจากยอดขายค่าแวด น่าจะเดือนละ 100,000
แล้วสิ้นปี หนูยังต้องทำเรื่องภาษี ภงด 90. แบบปรกติอีก หักลบตามจริงหลักฐานเก็บไว้ทุกอย่าง
แต่เป็นพวกสลิปเงินโอนให้แม่ค้าคนกลาง ค่าส่งไปรษณีย์ แบบนี้ค่ะ อยากสอบถามพี่ๆชาวพันทิปว่า
1. หากกรณีแบบนี้ การเลิกกิจการดูเป็นทางออกนึงที่น่าสนใจรึเปล่าคะ เพราะสุดท้ายกำไรสุทธิจริงๆ
รวมหัก vat 7% ทุกเดือน และหักภาษีรายปี มันก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากเพราะทุกวันนี้ทำงานเหนื่อยมาก
หามรุ่งหามเข้า (ไม่ได้จ้างพนักงาน) อาจจะไม่คุ้มกับเงินที่ได้
2. ถ้าหากไม่เลิกกิจการ บัญชีบางแห่งแนะนำให้จดเป็นนิติบุคคล กรณีแบบนี้จะทำให้ชีวิต
ยุ่งยากขึ้น และเกิดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาอีกหรือไม่คะ หนูหาข้อมูลแล้วค่ะยังไม่เข้าใจกระจ่าง
แต่ก็อยากได้ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากคนมีความรู้คนอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจและทิศทางของธุรกิจ
3. ค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าใช้จ่ายตามจริง มีเพียงสลิปเงินโอน แต่รู้ที่มาที่ไปชัดเจนว่า ซื้อขายกับใคร
ส่วนมากกับคนเดิมๆ ซ้ำๆสองคน ใช้บัญชีเพียงสองบัญชีในการหมุนเงิน แบบนี้ใช้เป็นค่าใช้จ่าย
ตามจริงตอนยื่น ภงด 90 ได้มั้ยคะ หากไม่ใช้แบบเหมาจ่าย 60% เพราะต้นทุนเยอะมากจริงๆ บางชิ้น
กำไร 10 บาทก็มีค่ะ
ขอบพระคุณทุกๆคำตอบล่วงหน้าจากใจนะคะ นอนไม่หลับเลย ขายดีก็ดีใจ แต่พอรู้ว่าเรามีภาระหน้าที่
มันก็ไม่สบายใจขึ้นมาค่ะ หนูไม่ได้มีปัญหากับการเสียภาษีหรือ การเข้าระบบ vat นะคะ ยินดีทำให้
ถูกต้องทุกอย่าง เพียงแต่อยากได้ความเห็นดีๆ จากผู้รู้คนอื่นๆด้วยค่ะ