Telmatobius culeus กบหนังห้อยที่ใกล้สูญพันธุ์
(กบหนังห้อยเป็นสัญลักษณ์ของทะเลสาบตีตีกากา และเป็นความภาคภูมิใจของชาวเปรู สิ่งนี้ทำให้นักการเมืองของเปรูและโบลิเวียเริ่มร่วมมือกันเพื่อทำความสะอาดทะเลสาบแห่งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ )ภาพถ่ายโดย PETE OXFORD, MINDEN PICTURES/NAT GEO IMAGE COLLECTION
Telmatobius culeus เป็นสายพันธุ์กบที่พบเฉพาะทะเลสาบตีตีกากาที่ระดับความสูงถึง 3,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในประเทศโบลิเวีย ใกล้กับเทือกเขาแอนดีส ลักษณะเด่นของมันคือมีผิวหนังที่ใหญ่มากจนห้อยย้อยและพับโก่งตัวขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งผิวหนังที่พับย่นนี้มีเพื่อสำหรับหายใจในน้ำที่มีอุณหภูมิเย็นจัดและในระดับที่ลึก มันจะอาศัยอยู่ใต้น้ำตลอดชีวิต และเป็นกบที่ไม่สามารถกระโดดได้เพราะนิ้วตีนทั้ง 4 ข้างมีพังผืดขนาดใหญ่มากเชื่อมต่อกัน ตัวโตเต็มที่มีขนาน 50 เซนติเมตร และหนักถึง 1 กิดลกรัม ปัจจุบันเป็นสัตว์ที่สภาวะใกล้สูญพันธุ์เต็มที่ (Photo:Nature Picture Library)
กบหนังห้อย จากทะเลสาบตีตีกากาที่กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง มักถูกลักลอบล่าเพื่อนำไปปรุงสมูทตี้กบเปรู ซึ่งเป็นเครื่องดื่มกระตุ้นพลังทางเพศประเทศดังกล่าว ภาพถ่ายโดย JOEL SARTORE, NATIONAL GEOGRAPHIC PHOTO ARK
มีเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมชนิดหนึ่งในเปรู ซึ่งบางคนเรียกว่าสมูทตี้ กบ โดยเครื่องดื่มที่คนมักใช้เป็นยากระตุ้นทางเพศนี้ (แม้จะมีการกล่าวอ้างว่ามันรักษาโรคได้สารพัดอย่าง) ปรุงด้วยกบที่ถูกถลกหนัง กับส่วนผสมอื่นๆ เช่นน้ำผึ้งและรากของต้นมาคา (Maca)
กบซึ่งถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มชนิดนี้คือกบหนังห้อย หรือกบน้ำทะเลสาบตีตีกากา (Lake Titicaca Water Frog) แต่สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่เคยพบได้บ่อยประเภทนี้กลับมีจำนวนน้อยลงอย่างมาก Rosa Elena Zegarra Adrianzén นักชีววิทยาประจำสำนักงานอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่าแห่งชาติเปรู (Peru’s Forest and Wildlife National Service) กล่าวว่า พวกมันอาจมีจำนวนเพียง 50,000 ตัว (แม้เธอจะกล่าวเสริมว่า การคาดเดาจำนวนที่แน่นอนเป็นสิ่งที่ยาก เนื่องจากพวกมันอาศัยอยู่ในก้นลึกของทะเลสาบ) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature – IUCN) ได้จัดให้พวกมันอยู่ในหมวดหมู่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered)
Cr.
https://th-th.facebook.com/samrujlok/photos/telmatobius-culeus-กบหนังห้อยที่ใกล้สูญพันธุ์telmatobius-culeus-เป็นสายพันธุ์กบท/10152730078192226/ โดย สำรวจโลก
Cr.
https://ngthai.com/environment/21205/titicaca-frog-poacher-protector/ NG THAI
สัตว์แปลกประหลาด หนอนปลาหมึก : Squid Worm
หนอนปลาหมึก (Squid Worm) สัตว์แปลกตัวนี้รูปร่างเหมือนหนอนว่ายน้ำได้ แต่มีหนวดเหมือนปลาหมึก มันถูกค้นพบเมื่อเดือนพฤศจิกายนในปี 2010 ท่ามกลางความตกตะลึงของนักวิทยาศาสตร์ เพราะมันมีรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาด แต่สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์ก็พบว่า เจ้าสัตว์แปลกตัวนี้เป็นหนอนทะเล มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 10 เซนติเมตรเท่านั้น
เจ้าหนอนหมึก หรือTEUTHIDODRILUS SAMAE ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์นำโดยคาเรน ออสบอร์น แห่งสถาบันวิจัยสมุทรศาสตร์สคริปปส์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ใช้หุ่นยนต์สำรวจใต้ทะเลบริเวณก้นทะเลเซลีเบส ซึ่งทะเลเซลีเบสเป็นทะเลที่อยู่ระหว่างประเทศอินโดนีเซีย กับฟิลิปปินส์
อาหารของหนอนหมึก: กินสิ่งมีชีวิตเล็กๆในทะเลเช่น แพลงก์ตอนพืชและสัตว์
มีหนวดยาวหลายเส้นที่ส่วนหัว ที่คอมีอวัยวะรูปเกลียวมีหน้าที่รับกลิ่นในทะเล เคลื่อนที่ในแนวตั้งโดยมีครีบเล็กๆตามลำตัวช่วยในการโบกพัด
Cr.
https://beegong.wordpress.com/2012/11/20/exotic-squid-worm/ เรียบเรียงโดย : Maneerat gongsiang
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆและภาพจาก :
HTTP://WWW.MANAGER.CO.TH HTTP://WWW.CLIPMASS.COM/STORY
HTTP://203.172.242.164/2555/8621/INDEX.PHP HTTP://TOPTENTHAILAND.COM
HTTP://KYLELARKIN.WORDPRESS.COM HTTP://BLOGS.DISCOVERMAGAZINE.COM
HTTP://WWW7A.BIGLOBE.NE.JP
Cr.
https://ar-ar.facebook.com/SutPralhad/photos/หนอนปลาหมึก-squid-worm-ไม่รู้เจ้าสัตว์แปลกตัวนี้เป็นหนอนว่ายน้ำได้-หรือเป็น-ปลาห/273143752807932/ สัตว์ประหลาด Strange Animals
แฮ็กฟิช ปลาไม่มีขากรรไกรที่แยกสายวิวัฒนาการออกมาจากปลาอื่นๆ
(ขอบคุณภาพจาก
https://petmaya.com/centaur-cardiac-arrest)
ตลอด 300 ล้านปีที่ผ่านมาแฮ็กฟิชเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปจากเดิมเพียงน้อยนิดเท่านั้น และปัจจุบัน แฮ็กฟิช เป็นปลาในชั้นปลาไม่มีขากรรไกรเพียงหนึ่งในสองจำพวกที่ยังสืบเผ่าพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้ (อีกจำพวกหนึ่งคือ ปลาแลมป์เพรย์)
พวกมันอาศัยอยู่ตามพื้นมหาสมุทร ของทะเลลึก Lissete Hermosilla นักท่องเที่ยวและครอบครัวของเธอเล่าให้เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกฟังว่าพบเจ้าตัวนี้เข้าโดยบังเอิญขณะกำลังตกปลาอยู่ ในตอนแรกเธอคิดจะช่วยมันให้กลับลงสู่ทะเล แต่ดูเหมือนว่าเจ้าปลาประหลาดนี้สามารถหาวิธีคลานกลับสู่ทะเลได้ด้วยตนเอง
คุณลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือปลาแฮ็กฟิชมีต่อมเมือกจำนวนมากทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่กระจายอยู่ที่ผิวหนังและเรียงตัวเป็นแนวอยู่ทางด้านข้างตลอดความยาวของลำตัวกว่า 100 ต่อม โดยพวกมันใช้เมือกเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเมื่อถูกสัตว์ใหญ่โจมตี และเมื่อเมือกดังกล่าวปะปนไปกับน้ำทะเล มันจะกลายเป็นแผ่นไฟเบอร์ใสขนาดใหญ่ ที่มีความบาง แข็งแรง และยืดหยุ่นได้ โดยเมื่อนำไปล้างกับน้ำเปล่า และนำไปผึ่งให้แห้ง ก็จะได้วัสดุที่ให้สัมผัสนุ่มและลื่น ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาเมือกของมันเพื่อนำไปสร้างใยสังเคราะห์
แฮคฟีชมีประมาณ 32 ชนิด ชนิดที่รู้จักกันดีในอเมริกาเหนือ ในมหาสมุทรแอตแลนติกแฮคฟีชกินปลาตายหรือปลาใกล้ตายโดยการ กัดไชเข้าไปทางทวารหรือถุงเหงือกแล้วกินส่วนของตัวปลาที่อ่อนนุ่มเหลือไว้แต่หนังและกระดูก
นอกจากนี้แอคฟีชยังกินปลาที่ตำแหอวนลอยอยู่ ทำความเสียหายให้แก่ชาวประมง แต่หลังจากมีการประมงโดยใช้อวนลากขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง ปัญหาที่เกิดจากแฮคฟีชจึงลดลงแฮคฟีชมีต่อมเหมือกทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่กระจายอยู่ที่ผิวหนัง และมีต่อมเหมือนเรียงตัวเป็นแนวอยู่ทางด้านข้างตลอดความยาวของลำตัว
มีคำกล่าวว่า แฮคฟีช1 ตัว สามารถทำให้น้ำ 1 ถัง แปรสภาพเป็นก้อนวุ้นสีขาวภายใน 1 นาทีนอกจากนี้ แฮคฟีช ยังเป็นอาหารอร่อยอีกด้วย ที่เกาหลีจะนำปลาชนิดนี้มาหมักกับพริกเอาไปย่างหรือเอาผัดเรียกว่า Bokkeum Kkomjangeo
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
ที่มาhttps://sites.google.com/site/mayink14/10xandab-pla-thi-na-keliyd-thisud
Cr.
https://namtanmatnok.wordpress.com/%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%84%E0%B8%9F%E0%B8%B5%E0%B8%8A-hagfish/
Cr.
https://ngthai.com/animals/6627/worlds-weirdest-fish/ NG THAI
WATUSI COW หนึ่งในสายพันธุ์วัวแปลกประหลาดที่สุดในโลก
วัวสายพันธุ์แปลกประหลาดอีกสายพันธุ์หนึ่งของโลก ที่มีชื่อว่า วัววาตูซี ( Watusi cow) วัวชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา และวัวสายพันธุ์ที่มีมาอย่างยาวนานก่อนยุคประวัติศาสตร์ และด้วยลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร ตรงที่มีเขาแหลมยาวขนาดใหญ่ โดยเขาของมันอาจจะมีน้ำหนักได้มากถึง 45 กิโลกรัมในแต่ละข้าง
ภายในเขาของวัวชนิดนี้จะกลวงเป็นโพรงภายใน และมี โครงสร้างแบบรังผึ้ง โดยเขาของมันมีไว้สำหรับต่อสู้ และนอกจากนี้ยังมีไว้ช่วยในการระบายความร้อนอีกด้วย ถือว่าเป็นวัวที่มีลักษณะของเขาที่แปลกประหลาดมาก
วัววาตูซี เป็น วัวขนาดกลาง มีน้ำหนักระหว่าง 450 - 720 กิโลกรัม แต่เนื่องจากระบบย่อยอาหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้พวกมันแทบสูญพันธุ์จากทวีปแอฟริกา แต่พวกมันกลับสามารถรอดชีวิตได้ในบางประเทศของยุโรป บางประเทศในทวีปอเมริกาใต้ และออสเตรเลีย
มีประวัติย้อนไปกว่า 6000 ปี พวกมันเป็นปศุสัตว์ ของเผ่าพื้นเมืองหลายเผ่าเช่นเผ่า Tutsi, Ankole, Bahima, Bashi, Kigezi และเผ่า Kivu
แต่เผ่าทู๊ชซี่(Tutsi) เป็นเผ่าที่ให้ความสำคัญกับ วัวพันธุ์นี้มากที่สุดคือมันเป็น ทั้งอาหาร เป็นทั้งเงินตราใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของ เป็นสี่งแสดงฐานะทางสังคม
สำหรับเผ่าทุ๊ชซี่ ยังมีกฎที่ตราไว้ว่า วัวที่มีความยาวจากปลายเขา ข้างหนึ่งถึงอีกข้างมากกว่า 3.6 เมตร คนธรรมดาจะไม่สามารถครอบครองได้ เนื่องจากพวกมันเป็น King of Cow ที่หัวหน้าเผ่าเท่านั้นที่จะครอบครองไว้ได้
วัววาตูซี่ ที่ชื่อว่า Lurch เป็นวัวที่ครองตำแหน่ง วัวเขาใหญ่ที่สุดในโลก จาก Guinness Book of World Records คือวัวเส้นรอบวงได้ 92.25 เซ็นติเมตร และมีน้ำหนักกว่า 45 กิโลกรัมต่อเขาแต่ละข้าง
ข้อมูลจาก ที่สุดในโลก.com
Cr.
http://chanomkaimook.com/article/oa8exMqICV
ข้อมูลอ้างอิง วัวเขา ใหญ่ที่สุดในโลก
http://www.odditycentral.com/pics/worlds-largest-horns.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Ankole-Watusi_%28cattle%29
Cr.
https://www.clipmass.com/story/37196 นานา สาระ
โดโก้ อาร์เจนติโน่ สุนัขพันธุ์ใหม่ใน AKC ปี 2020
โดโก้ อาร์เจนติโน ถือกำเนิดขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา ราวปี ค.ศ. 1925 โดยเกิดจากความคิดของ ดร.แอนโตนิโอ มาร์ติเนส ที่อยากจะพัฒนาสุนัขขึ้นมาสักตัว ไว้สำหรับใช้ในกีฬาและนำมาใช้ช่วยล่าเสือจากัวร์
โดยพัฒนามาจากสุนัขพื้นเมืองสเปนเป็นต้นแบบ แล้วหยิบเอาข้อดีของสุนัขพันธุ์อื่น ๆ อีก 10 พันธุ์มาผสมเข้าไป เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง มีจมูกที่ไว มีความฉลาด ไม่เกรงกลัวสิ่งใด แถมยังมีความซื่อสัตย์ เชื่อฟังเจ้าของ สามารถปกป้องทรัพย์สินของเจ้าของได้ดี
ตั้งแต่เริ่มปี ค.ศ. 2020 มานี้มีสุนัขพันธุ์ใหม่ได้รับการบรรจุชื่อในสมาคมผู้เพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ AKC มาแล้วจำนวนถึง 2 พันธุ์ หนึ่งในนั้นคือสุนัขพันธุ์ บาร์เบต (Barbet) แต่ก็ยังมีสุนัขอีกหนึ่งพันธุ์ที่ได้รับการบรรจุชื่อใหม่เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมาพร้อมกัน สุนัขพันธุ์นั้นก็คือ โดโก้ อาร์เจนดิโน่ (Dogo argentino) หรือมีชื่อเล่นว่า โดโก้ นั่นเอง
เจ้าโดโก้นั้นมีความพิเศษ โดยเอาจุดเด่นด้านการต่อสู้มาจากสุนัข Cordoba ทักษะการดมกลิ่นสะกดรอยมาจากสุนัข Pointer ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวมาจากสุนัข Bull Terrier เอาโครงสร้างช่วงอกมาจากสุนัข Bull Dog เอาโครงสร้างความกำยำสูงใหญ่มาจาก Great Dane และ Irish Wolfnound เอาความว่องไวมากจากสุนัข Boxer เอาพละกำลังกระดูกกรามที่แข็งเกร็งมาจาก French Mastiff และ Spanish Mastiff สุดท้ายเอาความฉลาดและขนสีขาวมาจาก สุนัข Great Pyrenees จนได้มากเป็นสุนัขที่มีความเป็นยอดนักสู้ นักสะกดรอย ที่มีความแข็งเกร็ง ดุดัน และเฉลียวฉลาด ถือเป็นสุนัขที่มีต้นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้เพียงไม่กี่พันธุ์บนโลกนี้
บทความโดย Dogilike.com / www.dogilike.com
ที่มาและภาพประกอบ
https://www.akc.org/expert-advice/dog-breeds/dogo-argentino-newest-recognized-breed/
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcSDJhsJwgTzChBlYtiSeDRhGRXc0FjhWCmabpLBA772MSPTAS7B
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcSKiXQgmY3mv8dGS3UzznKM7ME6W3D1N5Ka2ktJ_jdOAH1RA426
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcQTU0rBO2vYdlNczHZ6KjEjY3G6hcTCeuRHz5ZlI0wIpujc3S3C
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcRRcL-lRsekLBDm5Z9bZ6WY9hq9xHuzWp7__wBIxyE5C6upakQM
Cr.
https://www.dogilike.com/content/tip/8509/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
สายพันธ์สัตว์สุดพิเศษ
(กบหนังห้อยเป็นสัญลักษณ์ของทะเลสาบตีตีกากา และเป็นความภาคภูมิใจของชาวเปรู สิ่งนี้ทำให้นักการเมืองของเปรูและโบลิเวียเริ่มร่วมมือกันเพื่อทำความสะอาดทะเลสาบแห่งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ )ภาพถ่ายโดย PETE OXFORD, MINDEN PICTURES/NAT GEO IMAGE COLLECTION
Telmatobius culeus เป็นสายพันธุ์กบที่พบเฉพาะทะเลสาบตีตีกากาที่ระดับความสูงถึง 3,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในประเทศโบลิเวีย ใกล้กับเทือกเขาแอนดีส ลักษณะเด่นของมันคือมีผิวหนังที่ใหญ่มากจนห้อยย้อยและพับโก่งตัวขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งผิวหนังที่พับย่นนี้มีเพื่อสำหรับหายใจในน้ำที่มีอุณหภูมิเย็นจัดและในระดับที่ลึก มันจะอาศัยอยู่ใต้น้ำตลอดชีวิต และเป็นกบที่ไม่สามารถกระโดดได้เพราะนิ้วตีนทั้ง 4 ข้างมีพังผืดขนาดใหญ่มากเชื่อมต่อกัน ตัวโตเต็มที่มีขนาน 50 เซนติเมตร และหนักถึง 1 กิดลกรัม ปัจจุบันเป็นสัตว์ที่สภาวะใกล้สูญพันธุ์เต็มที่ (Photo:Nature Picture Library)
กบหนังห้อย จากทะเลสาบตีตีกากาที่กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง มักถูกลักลอบล่าเพื่อนำไปปรุงสมูทตี้กบเปรู ซึ่งเป็นเครื่องดื่มกระตุ้นพลังทางเพศประเทศดังกล่าว ภาพถ่ายโดย JOEL SARTORE, NATIONAL GEOGRAPHIC PHOTO ARK
มีเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมชนิดหนึ่งในเปรู ซึ่งบางคนเรียกว่าสมูทตี้ กบ โดยเครื่องดื่มที่คนมักใช้เป็นยากระตุ้นทางเพศนี้ (แม้จะมีการกล่าวอ้างว่ามันรักษาโรคได้สารพัดอย่าง) ปรุงด้วยกบที่ถูกถลกหนัง กับส่วนผสมอื่นๆ เช่นน้ำผึ้งและรากของต้นมาคา (Maca)
กบซึ่งถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มชนิดนี้คือกบหนังห้อย หรือกบน้ำทะเลสาบตีตีกากา (Lake Titicaca Water Frog) แต่สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่เคยพบได้บ่อยประเภทนี้กลับมีจำนวนน้อยลงอย่างมาก Rosa Elena Zegarra Adrianzén นักชีววิทยาประจำสำนักงานอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่าแห่งชาติเปรู (Peru’s Forest and Wildlife National Service) กล่าวว่า พวกมันอาจมีจำนวนเพียง 50,000 ตัว (แม้เธอจะกล่าวเสริมว่า การคาดเดาจำนวนที่แน่นอนเป็นสิ่งที่ยาก เนื่องจากพวกมันอาศัยอยู่ในก้นลึกของทะเลสาบ) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature – IUCN) ได้จัดให้พวกมันอยู่ในหมวดหมู่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered)
Cr.https://th-th.facebook.com/samrujlok/photos/telmatobius-culeus-กบหนังห้อยที่ใกล้สูญพันธุ์telmatobius-culeus-เป็นสายพันธุ์กบท/10152730078192226/ โดย สำรวจโลก
Cr.https://ngthai.com/environment/21205/titicaca-frog-poacher-protector/ NG THAI
สัตว์แปลกประหลาด หนอนปลาหมึก : Squid Worm
หนอนปลาหมึก (Squid Worm) สัตว์แปลกตัวนี้รูปร่างเหมือนหนอนว่ายน้ำได้ แต่มีหนวดเหมือนปลาหมึก มันถูกค้นพบเมื่อเดือนพฤศจิกายนในปี 2010 ท่ามกลางความตกตะลึงของนักวิทยาศาสตร์ เพราะมันมีรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาด แต่สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์ก็พบว่า เจ้าสัตว์แปลกตัวนี้เป็นหนอนทะเล มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 10 เซนติเมตรเท่านั้น
เจ้าหนอนหมึก หรือTEUTHIDODRILUS SAMAE ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์นำโดยคาเรน ออสบอร์น แห่งสถาบันวิจัยสมุทรศาสตร์สคริปปส์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ใช้หุ่นยนต์สำรวจใต้ทะเลบริเวณก้นทะเลเซลีเบส ซึ่งทะเลเซลีเบสเป็นทะเลที่อยู่ระหว่างประเทศอินโดนีเซีย กับฟิลิปปินส์
อาหารของหนอนหมึก: กินสิ่งมีชีวิตเล็กๆในทะเลเช่น แพลงก์ตอนพืชและสัตว์
มีหนวดยาวหลายเส้นที่ส่วนหัว ที่คอมีอวัยวะรูปเกลียวมีหน้าที่รับกลิ่นในทะเล เคลื่อนที่ในแนวตั้งโดยมีครีบเล็กๆตามลำตัวช่วยในการโบกพัด
Cr.https://beegong.wordpress.com/2012/11/20/exotic-squid-worm/ เรียบเรียงโดย : Maneerat gongsiang
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆและภาพจาก :
HTTP://WWW.MANAGER.CO.TH HTTP://WWW.CLIPMASS.COM/STORY
HTTP://203.172.242.164/2555/8621/INDEX.PHP HTTP://TOPTENTHAILAND.COM
HTTP://KYLELARKIN.WORDPRESS.COM HTTP://BLOGS.DISCOVERMAGAZINE.COM
HTTP://WWW7A.BIGLOBE.NE.JP
Cr.https://ar-ar.facebook.com/SutPralhad/photos/หนอนปลาหมึก-squid-worm-ไม่รู้เจ้าสัตว์แปลกตัวนี้เป็นหนอนว่ายน้ำได้-หรือเป็น-ปลาห/273143752807932/ สัตว์ประหลาด Strange Animals
แฮ็กฟิช ปลาไม่มีขากรรไกรที่แยกสายวิวัฒนาการออกมาจากปลาอื่นๆ
(ขอบคุณภาพจาก https://petmaya.com/centaur-cardiac-arrest)
ตลอด 300 ล้านปีที่ผ่านมาแฮ็กฟิชเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปจากเดิมเพียงน้อยนิดเท่านั้น และปัจจุบัน แฮ็กฟิช เป็นปลาในชั้นปลาไม่มีขากรรไกรเพียงหนึ่งในสองจำพวกที่ยังสืบเผ่าพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้ (อีกจำพวกหนึ่งคือ ปลาแลมป์เพรย์)
พวกมันอาศัยอยู่ตามพื้นมหาสมุทร ของทะเลลึก Lissete Hermosilla นักท่องเที่ยวและครอบครัวของเธอเล่าให้เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกฟังว่าพบเจ้าตัวนี้เข้าโดยบังเอิญขณะกำลังตกปลาอยู่ ในตอนแรกเธอคิดจะช่วยมันให้กลับลงสู่ทะเล แต่ดูเหมือนว่าเจ้าปลาประหลาดนี้สามารถหาวิธีคลานกลับสู่ทะเลได้ด้วยตนเอง
คุณลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือปลาแฮ็กฟิชมีต่อมเมือกจำนวนมากทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่กระจายอยู่ที่ผิวหนังและเรียงตัวเป็นแนวอยู่ทางด้านข้างตลอดความยาวของลำตัวกว่า 100 ต่อม โดยพวกมันใช้เมือกเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเมื่อถูกสัตว์ใหญ่โจมตี และเมื่อเมือกดังกล่าวปะปนไปกับน้ำทะเล มันจะกลายเป็นแผ่นไฟเบอร์ใสขนาดใหญ่ ที่มีความบาง แข็งแรง และยืดหยุ่นได้ โดยเมื่อนำไปล้างกับน้ำเปล่า และนำไปผึ่งให้แห้ง ก็จะได้วัสดุที่ให้สัมผัสนุ่มและลื่น ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาเมือกของมันเพื่อนำไปสร้างใยสังเคราะห์
แฮคฟีชมีประมาณ 32 ชนิด ชนิดที่รู้จักกันดีในอเมริกาเหนือ ในมหาสมุทรแอตแลนติกแฮคฟีชกินปลาตายหรือปลาใกล้ตายโดยการ กัดไชเข้าไปทางทวารหรือถุงเหงือกแล้วกินส่วนของตัวปลาที่อ่อนนุ่มเหลือไว้แต่หนังและกระดูก
นอกจากนี้แอคฟีชยังกินปลาที่ตำแหอวนลอยอยู่ ทำความเสียหายให้แก่ชาวประมง แต่หลังจากมีการประมงโดยใช้อวนลากขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง ปัญหาที่เกิดจากแฮคฟีชจึงลดลงแฮคฟีชมีต่อมเหมือกทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่กระจายอยู่ที่ผิวหนัง และมีต่อมเหมือนเรียงตัวเป็นแนวอยู่ทางด้านข้างตลอดความยาวของลำตัว
มีคำกล่าวว่า แฮคฟีช1 ตัว สามารถทำให้น้ำ 1 ถัง แปรสภาพเป็นก้อนวุ้นสีขาวภายใน 1 นาทีนอกจากนี้ แฮคฟีช ยังเป็นอาหารอร่อยอีกด้วย ที่เกาหลีจะนำปลาชนิดนี้มาหมักกับพริกเอาไปย่างหรือเอาผัดเรียกว่า Bokkeum Kkomjangeo
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
ที่มาhttps://sites.google.com/site/mayink14/10xandab-pla-thi-na-keliyd-thisud
Cr.https://namtanmatnok.wordpress.com/%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%84%E0%B8%9F%E0%B8%B5%E0%B8%8A-hagfish/
Cr.https://ngthai.com/animals/6627/worlds-weirdest-fish/ NG THAI
WATUSI COW หนึ่งในสายพันธุ์วัวแปลกประหลาดที่สุดในโลก
วัวสายพันธุ์แปลกประหลาดอีกสายพันธุ์หนึ่งของโลก ที่มีชื่อว่า วัววาตูซี ( Watusi cow) วัวชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา และวัวสายพันธุ์ที่มีมาอย่างยาวนานก่อนยุคประวัติศาสตร์ และด้วยลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร ตรงที่มีเขาแหลมยาวขนาดใหญ่ โดยเขาของมันอาจจะมีน้ำหนักได้มากถึง 45 กิโลกรัมในแต่ละข้าง
ภายในเขาของวัวชนิดนี้จะกลวงเป็นโพรงภายใน และมี โครงสร้างแบบรังผึ้ง โดยเขาของมันมีไว้สำหรับต่อสู้ และนอกจากนี้ยังมีไว้ช่วยในการระบายความร้อนอีกด้วย ถือว่าเป็นวัวที่มีลักษณะของเขาที่แปลกประหลาดมาก
วัววาตูซี เป็น วัวขนาดกลาง มีน้ำหนักระหว่าง 450 - 720 กิโลกรัม แต่เนื่องจากระบบย่อยอาหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้พวกมันแทบสูญพันธุ์จากทวีปแอฟริกา แต่พวกมันกลับสามารถรอดชีวิตได้ในบางประเทศของยุโรป บางประเทศในทวีปอเมริกาใต้ และออสเตรเลีย
มีประวัติย้อนไปกว่า 6000 ปี พวกมันเป็นปศุสัตว์ ของเผ่าพื้นเมืองหลายเผ่าเช่นเผ่า Tutsi, Ankole, Bahima, Bashi, Kigezi และเผ่า Kivu
แต่เผ่าทู๊ชซี่(Tutsi) เป็นเผ่าที่ให้ความสำคัญกับ วัวพันธุ์นี้มากที่สุดคือมันเป็น ทั้งอาหาร เป็นทั้งเงินตราใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของ เป็นสี่งแสดงฐานะทางสังคม
สำหรับเผ่าทุ๊ชซี่ ยังมีกฎที่ตราไว้ว่า วัวที่มีความยาวจากปลายเขา ข้างหนึ่งถึงอีกข้างมากกว่า 3.6 เมตร คนธรรมดาจะไม่สามารถครอบครองได้ เนื่องจากพวกมันเป็น King of Cow ที่หัวหน้าเผ่าเท่านั้นที่จะครอบครองไว้ได้
วัววาตูซี่ ที่ชื่อว่า Lurch เป็นวัวที่ครองตำแหน่ง วัวเขาใหญ่ที่สุดในโลก จาก Guinness Book of World Records คือวัวเส้นรอบวงได้ 92.25 เซ็นติเมตร และมีน้ำหนักกว่า 45 กิโลกรัมต่อเขาแต่ละข้าง
ข้อมูลจาก ที่สุดในโลก.com
Cr.http://chanomkaimook.com/article/oa8exMqICV
ข้อมูลอ้างอิง วัวเขา ใหญ่ที่สุดในโลก
http://www.odditycentral.com/pics/worlds-largest-horns.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Ankole-Watusi_%28cattle%29
Cr.https://www.clipmass.com/story/37196 นานา สาระ
โดโก้ อาร์เจนติโน่ สุนัขพันธุ์ใหม่ใน AKC ปี 2020
โดโก้ อาร์เจนติโน ถือกำเนิดขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา ราวปี ค.ศ. 1925 โดยเกิดจากความคิดของ ดร.แอนโตนิโอ มาร์ติเนส ที่อยากจะพัฒนาสุนัขขึ้นมาสักตัว ไว้สำหรับใช้ในกีฬาและนำมาใช้ช่วยล่าเสือจากัวร์
โดยพัฒนามาจากสุนัขพื้นเมืองสเปนเป็นต้นแบบ แล้วหยิบเอาข้อดีของสุนัขพันธุ์อื่น ๆ อีก 10 พันธุ์มาผสมเข้าไป เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง มีจมูกที่ไว มีความฉลาด ไม่เกรงกลัวสิ่งใด แถมยังมีความซื่อสัตย์ เชื่อฟังเจ้าของ สามารถปกป้องทรัพย์สินของเจ้าของได้ดี
ตั้งแต่เริ่มปี ค.ศ. 2020 มานี้มีสุนัขพันธุ์ใหม่ได้รับการบรรจุชื่อในสมาคมผู้เพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ AKC มาแล้วจำนวนถึง 2 พันธุ์ หนึ่งในนั้นคือสุนัขพันธุ์ บาร์เบต (Barbet) แต่ก็ยังมีสุนัขอีกหนึ่งพันธุ์ที่ได้รับการบรรจุชื่อใหม่เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมาพร้อมกัน สุนัขพันธุ์นั้นก็คือ โดโก้ อาร์เจนดิโน่ (Dogo argentino) หรือมีชื่อเล่นว่า โดโก้ นั่นเอง
เจ้าโดโก้นั้นมีความพิเศษ โดยเอาจุดเด่นด้านการต่อสู้มาจากสุนัข Cordoba ทักษะการดมกลิ่นสะกดรอยมาจากสุนัข Pointer ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวมาจากสุนัข Bull Terrier เอาโครงสร้างช่วงอกมาจากสุนัข Bull Dog เอาโครงสร้างความกำยำสูงใหญ่มาจาก Great Dane และ Irish Wolfnound เอาความว่องไวมากจากสุนัข Boxer เอาพละกำลังกระดูกกรามที่แข็งเกร็งมาจาก French Mastiff และ Spanish Mastiff สุดท้ายเอาความฉลาดและขนสีขาวมาจาก สุนัข Great Pyrenees จนได้มากเป็นสุนัขที่มีความเป็นยอดนักสู้ นักสะกดรอย ที่มีความแข็งเกร็ง ดุดัน และเฉลียวฉลาด ถือเป็นสุนัขที่มีต้นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้เพียงไม่กี่พันธุ์บนโลกนี้
บทความโดย Dogilike.com / www.dogilike.com
ที่มาและภาพประกอบ
https://www.akc.org/expert-advice/dog-breeds/dogo-argentino-newest-recognized-breed/
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcSDJhsJwgTzChBlYtiSeDRhGRXc0FjhWCmabpLBA772MSPTAS7B
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcSKiXQgmY3mv8dGS3UzznKM7ME6W3D1N5Ka2ktJ_jdOAH1RA426
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcQTU0rBO2vYdlNczHZ6KjEjY3G6hcTCeuRHz5ZlI0wIpujc3S3C
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcRRcL-lRsekLBDm5Z9bZ6WY9hq9xHuzWp7__wBIxyE5C6upakQM
Cr.https://www.dogilike.com/content/tip/8509/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)