แม่โกรธเราและยาย เพราะยายยกสมบัติทุกอย่างโดยการทำพินัยกรรมให้เรา เพราะแม่ติดผู้ชาย (ไม่ใช่พ่อเรา) ซึ่งผู้ชายคนนั้นมีภรรยามีลูกอยู่แล้ว ซึ่งยายยอมรับไม่ได้ ละเราก็ไม่เห็นด้วย
แม่ย้ายข้าวของออกจากบ้านไป เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว พร้อมกับเอ่ยว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่บ้านอีก วันนั้นแม่ทิ้งให้เราและยายเคว้งคว้าง ( เหตุผลของการจากลา คือยายทำพินัยกรรมให้เรา แล้วแม่ไปเห็น )
เราทำงานอยู่ต่างจังหวัดจึงมีความจำเป็นต้องปล่อยยายอยู่บ้านเพียงลำพัง บางอาทิตย์หากแกคิดถึงเราอยากมาหา เราก็ไปรับมาอยู่ด้วย 4-5 วัน แกคิดถึงบ้านก็ไปส่ง (เราเช่าหอพักอยู่ ) คนแก่คิดถึงบ้านห่างบ้านนานไม่ได้
ยายไอหนัก เราพาไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดอยู่หลายครั้ง คุณหมอส่งต่อที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดของอีกจังหวัดนึง ตอนนั้นเงินไม่มีจะใช้ เราทำงานแบ่งยายใช้บ้าง แกเก็บผักขายบ้าง ใช้เงินเก็บตัวเองบ้าง เราหวังจะหันหน้าไปพึ่งแม่ แต่แม่ปฏิเสธการช่วยเหลือ แม่บอกเราว่าให้เราดูแลยายเอง เพราะยายยกทุกอย่างให้เราแล้ว เราต้องพายายไปตามหมอนัดทุกวันเสาร์ ไปกลับเป็นระยะทางหลายร้อยกิโล ค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง และเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนแทบไม่พอ เราปรึกษากันว่า เราจะขายที่ดินที่มีอยู่เพื่อมาใช้จ่าย เพราะเราไม่มีทางเลือก
เราเอาใบเสร็จจากโรงพยาบาลมาเพื่อขอให้แม่เบิกเงินที่ต้นสังกัดให้หวังว่าจะพอได้คืนกลับมาไว้ใช้จ่ายบ้าง เพราะยายสำรองจ่ายไปก่อน ยอดเงินรวม ๆ เกือบสี่พันบาท อาจไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับเราเวลาที่หมดคือมันไม่เหลือเลยจริงๆ สุดท้าย แม่ไปเบิกเงินได้แต่ไม่ยอมเอาเงินมาคืนให้ยาย เราทวงถามแก แกก็บ่ายเบี่ยง
ยายขายที่มรดกเพื่อเอาเงินมารักษาตัว มาใช้จ่าย และแบ่งให้เราไว้ใช้จ่าย หลังจากนั้นพอแม่รู้ข่าว แม่กลับมา มาเอาเงินขายที่ไป 2 แสน กลับมาทำดี มาพูดดี ยายแกก็รักลูกแก แกเชื่อใจ สุดท้ายมาแอบเอาเงินไปเพราะเงินเราเอาไว้ที่ยาย คนแก่ก็เชื่อใจลูก นึกว่าลูกจะกลับใจกลับมาหา สุดท้ายได้เงินไม่พอแถมมาด่า แล้วก็กลับไป ทิ้งแม่แก่ๆ กับลูกไว้เหมือนเดิม
เราแต่งงานมีครอบครัว มีลูกสาว 1 คน อายุ 8 เดือนกว่า แม่สามีเป็นคนเลี้ยงให้ เพราะแม่เราไม่มีความสามารถในการที่จะเลี้ยงดูลูกเราได้ และเราก็ไม่อยากให้แกเลี้ยงด้วย แกโกรธเราบ่อยๆ ที่ไม่ยอมให้แกเลี้ยงลูก แต่เอาไปให้แม่สามีเลี้ยงแทน กลายเป็นว่าเราผิดที่เราอยากให้ลูกเราเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า
ล่าสุดเราพึ่งสร้างบ้านเสร็จ อยู่ติดกับบ้านยายภายในรั้วเดียวกัน เพราะหวังจะกลับไปทำงานที่บ้าน ไปดูแลยาย และเอาลูกไปเข้าโรงเรียนที่นั่น สุดท้ายแม่ย้ายของกลับมา มาอยู่กับยาย เหตุผลคือเลิกกับผู้ชายคนนั้น บอกเราว่าผู้ชายคนนั้นเล่นคุณไสย์มนต์ดำใส่ เลยทำให้แกลุ่มหลง พึ่งมาตาสว่าง พึ่งมารู้ความจริง เลยต้องการกลับมาอยู่บ้าน
เราก็แอบดีใจ เพราะยายจะได้มีคนคอยดูแล ที่ไหนได้ กลับมาชวนยายเราทะเลาะ (ไม่พ้นเรื่องเงิน) ผลักยายทำร้ายยายต่อหน้าเรา สามีเรา และลูกเรา ด่าทอรุนแรงจนเราทนไม่ไหวต้องไปแยก เหตุผลที่ทะเลาะคือยายแกทวงเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือจากขายที่ แกฝากไว้ในธนาคาร ไว้ใช้จ่ายส่วนตัวของแก เกือบ ๆ 2 แสน แม่กลับมาเพื่อมาค้นเอาสมุดบัญชีและบัตรประชาชนยายไป ยายแกไปทวงคืน แม่เราเลยทำร้ายยาย เราก็มองดูตลอด แกไม่ถึงกับทุบตี แต่แกจับแขนยายแรงๆแล้วดึงไว้ ซึ่งสามีและลูกเราซึ่งก็คือหลานแก นั่งตาดำๆมองดูอยู่ก็ไม่สนใจ
ล่าสุดคือยายล้มเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว แต่เรามีลูกเล็กเลยดูแลแกได้ไม่เต็มที่ เพราะยายต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการ แม่อาสาดูแลยายให้ ส่วนเราติดลูกเล็กไม่สะดวกเลย เราก็รู้สึกเสียใจที่ดูแลยายไม่เต็มที่ แต่เราก็ทิ้งลูกไว้ไม่ได้เช่นกัน ตอนกลางคืนคือลูกติดเรามาก ต้องนอนดูดนมกันทุกคืน เราเลยเลือกที่จะไม่ไปนอนเฝ้าไข้ยาย อีกอย่างคือที่โรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะไม่เหมาะกับเด็กเล็ก
แม่ให้เราและสามี กลับมาดูแลยายที่บ้าน บอกเราว่าให้มานอนเป็นเพื่อนในช่วงค่ำ หลังเลิกงานเราต้องรีบไปรับลูกที่บ้านสามีพร้อมเก็บของใช้ แล้วขับรถ 30 นาที ไปนอนเป็นเพื่อนแม่ที่บ้าน ซึ่งยายช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่างคะ ไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อแต่อย่างใด เราให้เหตุผลไปว่า ยายต้องลงมานอนชั้นล่าง ซึ่งเราและลูกก็ต้องนอนอยู่รวมกัน (บ้านยายไม่มีห้องนอนชั้นล่าง) บ้านสร้างใหม่ยังเข้าอยู่ไม่ได้เพราะยังไม่ได้ขึ้นบ้านใหม่คะ เพราะฉะนั้นต้องนอนรวมกันทั้งหมด ส่วนแม่นอนข้างบนเพราะเป็นห้องแก ยายปอดไม่ดี แกไอทั้งคืน ซึ่งเรามองว่าลูกเราคงไม่เหมาะที่จะนอนในสภาพที่ไม่พร้อมเช่นนี้ เราลำบากใจมากคะ แม่โกรธเราที่เราไม่ทำตาม โดยการมานอนเป็นเพื่อแกทุกวัน และตื่นเช้าเร่งรีบไปทำงาน โดยเราต้องหอบลูกน้อยไปด้วยทุกวันคือมันไม่สะดวกเอามากๆ เราคงมาได้เป็นบางวัน แกโกรธไม่ยอมพูดกับเรา แต่พูดทิ้งท้ายไว้ว่า เราผลักภาระในการเลี้ยงดูยายมาให้แกคนเดียว โดยที่เราไม่เหลียวแลเลย ซึ่งเรารู้สึกผิดมากที่ทำให้ยายได้ไม่เต็มที่ แต่เราไม่มีทางเลือกคะ เราก็รักลูกเรา เด็กเล็กไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกับคนป่วย
สุดท้ายที่เครียดมากคือ แม่ปั่นยาย (เราได้ยินเต็มหู) บอกว่ายายป่วยมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูแล ยายรักเรามาก แต่เราไม่ได้มาดูแลยายเท่าแม่ บอกให้เรามานอนด้วยก็ไม่มานอนเป็นเพื่อน คนแก่พอได้ฟังก็คิดมาก น้อยใจ พาลมาโกรธเรา แม่บอกยายให้มาทวงเงินเราอีก เป็นเงินตั้งแต่ตอนที่ขายที่ได้ ที่ยายทำพินัยกรรมไว้ให้เรา บัญชีมีชื่อเราและยายร่วมกัน 2 คน เราตกลงกันไว้ว่าเงินในบัญชีนี้จะเก็บไว้ให้เหลน ลูกของเรา แต่เป็นเหตุผลที่แม่หยิบยกมาใช้คือเราดูแลยายได้ไม่เต็มที่ เงินส่วนนี้ต้องคืนให้แม่ แม่จะเก็บเอาไว้เอง ซึ่งเราตัดสินใจที่จะไม่ให้คะ เงินก้อนนี้ต้องเป็นของลูกสาวเรา เราจะเอาไว้ให้ลูก
และอีกหนึ่งเรื่องก็คือกำลังปั่นป่วนเราเรื่องสามีและแม่สามีเรา คือแม่เราแกชอบบ่นว่าสามีเราทำงานบ้านไม่เรียบร้อย คือทำแบบมักง่าย ซึ่งเรื่องนี้สำหรับเราเรามองว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่แม่เราแกชอบทำให้เป็นปัญหา พูดเรื่องนี้กันสองสามรอบแล้ว เราอธิบายว่าสามีเราทำงานบ้านแทนเราแทบทุกอย่าง เพราะเราต้องเลี้ยงลูก ลูกติดเรา นอกเสียจากที่ลูกเรานอน เราถึงจะได้ทำงานบ้านที่เหลือ ส่วนงานบ้านทั่วไปสามีเราทำทุกอย่าง ซึ่งเรามองว่าสามีเราก็ไม่ได้ทำได้เลวร้ายขนาดที่ว่าต้องเอามาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกัน พอเราพูดชี้แจงเหตุผล ก็ว่าเราเข้าข้างสามี แม่จะพูดอะไรให้สามีบ้างไม่ได้เลย ประมาณนี้ ซึ่งบางครั้งเรารำคาญมาก แม่ไม่เคยคิดจะช่วยแม้แต่อะไรเล็กน้อยเลย เรากับแฟนมาหาก็ต้องวิ่งวุ่นกันเอง แม่มีแค่มองดู หูฟัง ปากพร่ำ ก็แค่นั้น ส่วนเรื่องแม่สามีเรา ก็พยายามจะหาเรื่อง ประมาณว่า ยายเราไม่สบายไม่เห็นแม่สามีมาเยี่ยมหาเลย ส่วนตัวเราคิดว่าแกก็คงอยากไป แต่ด้วยระยะทางที่ไกล และแกก็ขับรถไม่เป็น ส่วนช่วงกลางวันที่เราทำงาน แกก็ต้องดูลูกไว้ให้เราด้วย แค่นี้เราก็ถือว่าแกทำเพื่อเรามากพอแล้ว แกคอยถามไถ่อาการอยู่เรื่อยๆ เพียงแค่ไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลแค่นั้น แม่เราก็โกรธ ทำท่าไม่พอใจใส่ ตอนที่เราพาแม่สามีไปเยี่ยมที่บ้านในวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เราหยุดงาน
พอเรากับลูกและสามีพร้อมทั้งแม่สามีไปหายาย แม่เราก็จะทำท่าทางไม่พอใจใส่ ชักสีหน้าท่าทางให้รู้ได้เลยว่าไม่โอเค แล้วคนที่ไปหาคิดว่าครั้งหน้าเขาจะอยากไปหาอีกหรือป่าว พอเขาไม่ไปหาก็ว่าเขา ว่าพึ่งพาอาศัยไม่ได้ แต่กลับไม่เคยมองดูพฤติกรรมของตัวเองเลยสักครั้ง แกชอบพูดสั่งสอนคนอื่น บังคับให้ทำตามคำสั่ง ทุกอย่างที่แกทำคือดีที่สุด ถึงแม้จะขัดจากศีลธรรม ก็ยังคิดว่าตัวเองทำถูกต้องเสมอ
เคยมีคนบอกเราว่ามันคือเวรกรรม ที่เราต้องมาพบเจอเกี่ยวข้องกัน หมดเวรหมดกรรมกันก็ต่อเมื่อถึงวันที่ตายจากกันไป เราก็คิดไว้อย่างนั้น มันคงเป็นเวรกรรมจริงๆ เกิดมาผูกพันในฐานะแม่ลูกกัน เพื่อชดใช้เวรกรรมที่มีต่อกันให้หมดสิ้นไป
บางที เจ้ากรรมนายเวร ก็มาในรูปแบบของ “แม่” คำนี้มันจริงไหมคะ ?
แม่ย้ายข้าวของออกจากบ้านไป เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว พร้อมกับเอ่ยว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่บ้านอีก วันนั้นแม่ทิ้งให้เราและยายเคว้งคว้าง ( เหตุผลของการจากลา คือยายทำพินัยกรรมให้เรา แล้วแม่ไปเห็น )
เราทำงานอยู่ต่างจังหวัดจึงมีความจำเป็นต้องปล่อยยายอยู่บ้านเพียงลำพัง บางอาทิตย์หากแกคิดถึงเราอยากมาหา เราก็ไปรับมาอยู่ด้วย 4-5 วัน แกคิดถึงบ้านก็ไปส่ง (เราเช่าหอพักอยู่ ) คนแก่คิดถึงบ้านห่างบ้านนานไม่ได้
ยายไอหนัก เราพาไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดอยู่หลายครั้ง คุณหมอส่งต่อที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดของอีกจังหวัดนึง ตอนนั้นเงินไม่มีจะใช้ เราทำงานแบ่งยายใช้บ้าง แกเก็บผักขายบ้าง ใช้เงินเก็บตัวเองบ้าง เราหวังจะหันหน้าไปพึ่งแม่ แต่แม่ปฏิเสธการช่วยเหลือ แม่บอกเราว่าให้เราดูแลยายเอง เพราะยายยกทุกอย่างให้เราแล้ว เราต้องพายายไปตามหมอนัดทุกวันเสาร์ ไปกลับเป็นระยะทางหลายร้อยกิโล ค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง และเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนแทบไม่พอ เราปรึกษากันว่า เราจะขายที่ดินที่มีอยู่เพื่อมาใช้จ่าย เพราะเราไม่มีทางเลือก
เราเอาใบเสร็จจากโรงพยาบาลมาเพื่อขอให้แม่เบิกเงินที่ต้นสังกัดให้หวังว่าจะพอได้คืนกลับมาไว้ใช้จ่ายบ้าง เพราะยายสำรองจ่ายไปก่อน ยอดเงินรวม ๆ เกือบสี่พันบาท อาจไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับเราเวลาที่หมดคือมันไม่เหลือเลยจริงๆ สุดท้าย แม่ไปเบิกเงินได้แต่ไม่ยอมเอาเงินมาคืนให้ยาย เราทวงถามแก แกก็บ่ายเบี่ยง
ยายขายที่มรดกเพื่อเอาเงินมารักษาตัว มาใช้จ่าย และแบ่งให้เราไว้ใช้จ่าย หลังจากนั้นพอแม่รู้ข่าว แม่กลับมา มาเอาเงินขายที่ไป 2 แสน กลับมาทำดี มาพูดดี ยายแกก็รักลูกแก แกเชื่อใจ สุดท้ายมาแอบเอาเงินไปเพราะเงินเราเอาไว้ที่ยาย คนแก่ก็เชื่อใจลูก นึกว่าลูกจะกลับใจกลับมาหา สุดท้ายได้เงินไม่พอแถมมาด่า แล้วก็กลับไป ทิ้งแม่แก่ๆ กับลูกไว้เหมือนเดิม
เราแต่งงานมีครอบครัว มีลูกสาว 1 คน อายุ 8 เดือนกว่า แม่สามีเป็นคนเลี้ยงให้ เพราะแม่เราไม่มีความสามารถในการที่จะเลี้ยงดูลูกเราได้ และเราก็ไม่อยากให้แกเลี้ยงด้วย แกโกรธเราบ่อยๆ ที่ไม่ยอมให้แกเลี้ยงลูก แต่เอาไปให้แม่สามีเลี้ยงแทน กลายเป็นว่าเราผิดที่เราอยากให้ลูกเราเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า
ล่าสุดเราพึ่งสร้างบ้านเสร็จ อยู่ติดกับบ้านยายภายในรั้วเดียวกัน เพราะหวังจะกลับไปทำงานที่บ้าน ไปดูแลยาย และเอาลูกไปเข้าโรงเรียนที่นั่น สุดท้ายแม่ย้ายของกลับมา มาอยู่กับยาย เหตุผลคือเลิกกับผู้ชายคนนั้น บอกเราว่าผู้ชายคนนั้นเล่นคุณไสย์มนต์ดำใส่ เลยทำให้แกลุ่มหลง พึ่งมาตาสว่าง พึ่งมารู้ความจริง เลยต้องการกลับมาอยู่บ้าน
เราก็แอบดีใจ เพราะยายจะได้มีคนคอยดูแล ที่ไหนได้ กลับมาชวนยายเราทะเลาะ (ไม่พ้นเรื่องเงิน) ผลักยายทำร้ายยายต่อหน้าเรา สามีเรา และลูกเรา ด่าทอรุนแรงจนเราทนไม่ไหวต้องไปแยก เหตุผลที่ทะเลาะคือยายแกทวงเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือจากขายที่ แกฝากไว้ในธนาคาร ไว้ใช้จ่ายส่วนตัวของแก เกือบ ๆ 2 แสน แม่กลับมาเพื่อมาค้นเอาสมุดบัญชีและบัตรประชาชนยายไป ยายแกไปทวงคืน แม่เราเลยทำร้ายยาย เราก็มองดูตลอด แกไม่ถึงกับทุบตี แต่แกจับแขนยายแรงๆแล้วดึงไว้ ซึ่งสามีและลูกเราซึ่งก็คือหลานแก นั่งตาดำๆมองดูอยู่ก็ไม่สนใจ
ล่าสุดคือยายล้มเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว แต่เรามีลูกเล็กเลยดูแลแกได้ไม่เต็มที่ เพราะยายต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการ แม่อาสาดูแลยายให้ ส่วนเราติดลูกเล็กไม่สะดวกเลย เราก็รู้สึกเสียใจที่ดูแลยายไม่เต็มที่ แต่เราก็ทิ้งลูกไว้ไม่ได้เช่นกัน ตอนกลางคืนคือลูกติดเรามาก ต้องนอนดูดนมกันทุกคืน เราเลยเลือกที่จะไม่ไปนอนเฝ้าไข้ยาย อีกอย่างคือที่โรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะไม่เหมาะกับเด็กเล็ก
แม่ให้เราและสามี กลับมาดูแลยายที่บ้าน บอกเราว่าให้มานอนเป็นเพื่อนในช่วงค่ำ หลังเลิกงานเราต้องรีบไปรับลูกที่บ้านสามีพร้อมเก็บของใช้ แล้วขับรถ 30 นาที ไปนอนเป็นเพื่อนแม่ที่บ้าน ซึ่งยายช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่างคะ ไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อแต่อย่างใด เราให้เหตุผลไปว่า ยายต้องลงมานอนชั้นล่าง ซึ่งเราและลูกก็ต้องนอนอยู่รวมกัน (บ้านยายไม่มีห้องนอนชั้นล่าง) บ้านสร้างใหม่ยังเข้าอยู่ไม่ได้เพราะยังไม่ได้ขึ้นบ้านใหม่คะ เพราะฉะนั้นต้องนอนรวมกันทั้งหมด ส่วนแม่นอนข้างบนเพราะเป็นห้องแก ยายปอดไม่ดี แกไอทั้งคืน ซึ่งเรามองว่าลูกเราคงไม่เหมาะที่จะนอนในสภาพที่ไม่พร้อมเช่นนี้ เราลำบากใจมากคะ แม่โกรธเราที่เราไม่ทำตาม โดยการมานอนเป็นเพื่อแกทุกวัน และตื่นเช้าเร่งรีบไปทำงาน โดยเราต้องหอบลูกน้อยไปด้วยทุกวันคือมันไม่สะดวกเอามากๆ เราคงมาได้เป็นบางวัน แกโกรธไม่ยอมพูดกับเรา แต่พูดทิ้งท้ายไว้ว่า เราผลักภาระในการเลี้ยงดูยายมาให้แกคนเดียว โดยที่เราไม่เหลียวแลเลย ซึ่งเรารู้สึกผิดมากที่ทำให้ยายได้ไม่เต็มที่ แต่เราไม่มีทางเลือกคะ เราก็รักลูกเรา เด็กเล็กไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกับคนป่วย
สุดท้ายที่เครียดมากคือ แม่ปั่นยาย (เราได้ยินเต็มหู) บอกว่ายายป่วยมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูแล ยายรักเรามาก แต่เราไม่ได้มาดูแลยายเท่าแม่ บอกให้เรามานอนด้วยก็ไม่มานอนเป็นเพื่อน คนแก่พอได้ฟังก็คิดมาก น้อยใจ พาลมาโกรธเรา แม่บอกยายให้มาทวงเงินเราอีก เป็นเงินตั้งแต่ตอนที่ขายที่ได้ ที่ยายทำพินัยกรรมไว้ให้เรา บัญชีมีชื่อเราและยายร่วมกัน 2 คน เราตกลงกันไว้ว่าเงินในบัญชีนี้จะเก็บไว้ให้เหลน ลูกของเรา แต่เป็นเหตุผลที่แม่หยิบยกมาใช้คือเราดูแลยายได้ไม่เต็มที่ เงินส่วนนี้ต้องคืนให้แม่ แม่จะเก็บเอาไว้เอง ซึ่งเราตัดสินใจที่จะไม่ให้คะ เงินก้อนนี้ต้องเป็นของลูกสาวเรา เราจะเอาไว้ให้ลูก
และอีกหนึ่งเรื่องก็คือกำลังปั่นป่วนเราเรื่องสามีและแม่สามีเรา คือแม่เราแกชอบบ่นว่าสามีเราทำงานบ้านไม่เรียบร้อย คือทำแบบมักง่าย ซึ่งเรื่องนี้สำหรับเราเรามองว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่แม่เราแกชอบทำให้เป็นปัญหา พูดเรื่องนี้กันสองสามรอบแล้ว เราอธิบายว่าสามีเราทำงานบ้านแทนเราแทบทุกอย่าง เพราะเราต้องเลี้ยงลูก ลูกติดเรา นอกเสียจากที่ลูกเรานอน เราถึงจะได้ทำงานบ้านที่เหลือ ส่วนงานบ้านทั่วไปสามีเราทำทุกอย่าง ซึ่งเรามองว่าสามีเราก็ไม่ได้ทำได้เลวร้ายขนาดที่ว่าต้องเอามาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกัน พอเราพูดชี้แจงเหตุผล ก็ว่าเราเข้าข้างสามี แม่จะพูดอะไรให้สามีบ้างไม่ได้เลย ประมาณนี้ ซึ่งบางครั้งเรารำคาญมาก แม่ไม่เคยคิดจะช่วยแม้แต่อะไรเล็กน้อยเลย เรากับแฟนมาหาก็ต้องวิ่งวุ่นกันเอง แม่มีแค่มองดู หูฟัง ปากพร่ำ ก็แค่นั้น ส่วนเรื่องแม่สามีเรา ก็พยายามจะหาเรื่อง ประมาณว่า ยายเราไม่สบายไม่เห็นแม่สามีมาเยี่ยมหาเลย ส่วนตัวเราคิดว่าแกก็คงอยากไป แต่ด้วยระยะทางที่ไกล และแกก็ขับรถไม่เป็น ส่วนช่วงกลางวันที่เราทำงาน แกก็ต้องดูลูกไว้ให้เราด้วย แค่นี้เราก็ถือว่าแกทำเพื่อเรามากพอแล้ว แกคอยถามไถ่อาการอยู่เรื่อยๆ เพียงแค่ไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลแค่นั้น แม่เราก็โกรธ ทำท่าไม่พอใจใส่ ตอนที่เราพาแม่สามีไปเยี่ยมที่บ้านในวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เราหยุดงาน
พอเรากับลูกและสามีพร้อมทั้งแม่สามีไปหายาย แม่เราก็จะทำท่าทางไม่พอใจใส่ ชักสีหน้าท่าทางให้รู้ได้เลยว่าไม่โอเค แล้วคนที่ไปหาคิดว่าครั้งหน้าเขาจะอยากไปหาอีกหรือป่าว พอเขาไม่ไปหาก็ว่าเขา ว่าพึ่งพาอาศัยไม่ได้ แต่กลับไม่เคยมองดูพฤติกรรมของตัวเองเลยสักครั้ง แกชอบพูดสั่งสอนคนอื่น บังคับให้ทำตามคำสั่ง ทุกอย่างที่แกทำคือดีที่สุด ถึงแม้จะขัดจากศีลธรรม ก็ยังคิดว่าตัวเองทำถูกต้องเสมอ
เคยมีคนบอกเราว่ามันคือเวรกรรม ที่เราต้องมาพบเจอเกี่ยวข้องกัน หมดเวรหมดกรรมกันก็ต่อเมื่อถึงวันที่ตายจากกันไป เราก็คิดไว้อย่างนั้น มันคงเป็นเวรกรรมจริงๆ เกิดมาผูกพันในฐานะแม่ลูกกัน เพื่อชดใช้เวรกรรมที่มีต่อกันให้หมดสิ้นไป